4 กังวลเกินไป
นิโคไลเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นของน้องสาวซึ่งในเวลานี้ผ้าม่านบริเวณเตียงผู้ป่วยถูกปิดไว้เขาเลยมานั่งที่มุมห้องรวมกับมารดาที่มาเยี่ยมน้องสาวตั้งแต่เช้า
“ไปไหนมาล่ะนิค ดูเหมือนคนไม่ได้นอนเลยนะ” มารดาของชายหนุ่มที่เป็นคนช่างสังเกตถามลูกชายตัวดีที่เมื่อคืนก็ไม่ยอมกลับไปนอนที่บ้าน
“นอนไม่หลับครับแม่ เป็นห่วงยายหนู แม่ไปดูยายหนูมาหรือยังครับ”
“ไปมาแล้วจ้ะ ยายหนูตัวเล็กมาก แม่ล่ะอดเป็นห่วงไม่ได้ นี่หมอก็ให้น้องเราปั๊มนมไปส่ง แต่หมอก็ยืนยันนะว่าทุกอย่างไม่มีปัญหาอะไร”
“ก็ลองมีปัญหาสิ ผมจะจับตัวมาลงโทษให้หมดเลยคอยดู”
“ใจเย็นสินิค” นิชาภาปรามลูกชาย
“จะเย็นได้ยังไงครับแม่ แม่ยังไม่เจอหมอที่ผ่าเอาเด็กแกใช่ไหมล่ะ”
“ทำไม หมอมีปัญหาอะไรหรือเปล่าลูก”
“ไม่มีหรอกครับแม่ พี่นิคเขาก็แค่กังวลเกินเหตุ”
“นายก็เขาข้างหมออีกคนเหรอ หรือว่าเพราะเห็นว่าเธอสวยหน่อยก็เลยเข้าข้างกัน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ผมว่าหมอทำถูกแล้วที่รีบผ่าเอาเด็กออก ถ้ารอนานไปจะเป็นอันตรายทั้งแม่และลูกได้นะครับ” อรรถวุฒิอธิบายตามที่เขาเข้าใจเพราะก่อนตกลงให้ผ่าตัดเขาก็ได้รับการอธิบายอย่างละเอียด
“แต่หมอยังเด็กมากเลยนะครับ ไม่รู้ว่ายังเรียนอยู่หรือเปล่า” เขาตั้งข้อสังเกต
“หมอไม่เด็กแล้วนะคะ เธอจบแพทย์เฉพาะทางมาจากอเมริกาเชียวนะคะ แต่ที่คุณเห็นว่าเด็กอาจจะเป็นเพราะหน้าตาเธอยังดูเด็กค่ะ” คุณพยาบาลที่กำลังเช็ดตัวให้คารินารีบอธิบายเพราะมีหลายคนที่คิดว่าหมอพัณณ์ชิตายังเรียนอยู่
เมื่อได้ยินดังนั้นนิโคไลก็เงียบแต่ก็ใช่ว่าเขาจะวางใจและล้มเลิกความตั้งใจที่จะเกาะติดคุณหมอสาวเพราะเขาเคยเสียลูกสาวไปจากการคลอดก่อนกำหนดเมื่อหลายปีก่อน และเข้าใจถึงความรู้สึกของการสูญเสียดีจึงไม่อยากเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับครอบครัวของน้องสาวตนเองอีกครั้ง
“นิค ทำไมว่าคุณหมอแบบนั้น” มารดาของชายหนุ่มต่อว่าทันทีหลังจากที่พยาบาลเดินออกจากห้องไปแล้ว
“ก็มันจริงนี่ครับแม่”
“อย่าว่าพี่นิคเลยครับคุณแม่ ตอนผมเห็นหน้าคุณหมอครั้งแรกก็ตกใจและกังวลเพราะคิดว่าเป็นนักเรียนอยู่ พอแต่ได้คุยได้ฟังเธออธิบายผมก็เบาใจครับ” อรรถวุฒิตอบแม่ยาย
“จริงค่ะแม่ เคทว่าหมอเก่งมากเลยนะคะ เคทได้ยินพยาบาลคุยกันว่าคุณหมอผ่าคลอดได้ดีมาก เสียเลือดน้อยมากด้วยค่ะ” เพราะตอนที่เธอเข้ารับการผ่าตัดนั้นหมอไม่ได้วางยาสลบแต่ใช้วิธีบล็อกหลังซึ่งเป็นการให้ยาชาผ่านทางช่องไขสันหลัง จึงทำให้เธอได้ยินทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องผ่าตัด
“แม่อยากเจอคุณหมอแล้วสิ นี่เธอจะเข้ามาตรวจหนูหรือเปล่าลูก”
“ก็คงจะมาล่ะคะ”
“ตอนนี้หนูเป็นยังไงบ้างละ คลื่นไส้อาเจียนไหม”
“ไม่ค่ะแม่ แค่เจ็บแผลนิดหน่อยค่ะ เคทอยากไปหาลูก”
“เอาไว้ถอดสายน้ำเกลือกับสายสวนปัสสาวะออกก่อนดีไหมลูก จะได้สะดวกหน่อย ระหว่างนี้ก็ให้พ่อเขาหมั่นไปดู”
“พี่วุฒิตะ เดี๋ยวเอานมที่เคทปั๊มไปให้คุณพยาบาลด้วยนะคะ”
“นิดเดียวเองนะเคท พี่ว่าให้ลูกกินนมของโรงพยาบาลก่อนดีไหม นมนี่พี่ว่าทิ้งไปเถอะ” เขามองนมที่มีอยู่ไม่ถึงครึ่งขวดแล้วพูดขึ้น
“ไม่ได้นะ ถึงจะมีแค่นั้นแต่สารอาหารมีอยู่เต็มไปหมดแล้วเด็กตัวเล็กๆ เขาไม่กินเยอะหรอกนะวุฒิ” นิชาภาบอกลูกเขยอย่างคนมีประสบการณ์
“ขอโทษครับ ผมไม่รู้จริงๆ เดี๋ยวผมเอาไปให้พยาบาลก่อนนะครับ” อรรถวุฒิพูดจบก็รีบเดินออกไปจากห้อง
“แม่คะ ลูกของเคทจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
“ไม่หรอกลูก”
“แต่เคทกลัว”
“ไม่ต้องกลัวทุกอย่างจะผ่านไปได้จ้ะลูก”
“แม่ครับ”
“แม่รู้ว่าเราสองคนรู้สึกยังไง แต่ครั้งนี้มันต่างจากครั้งที่แล้วนะนิค แม่ว่าเรากังวลจนเกินไปจนทำให้น้องกลัวไปหมดแล้ว” หญิงสูงวัยอดไม่ตำหนิลูกชายไม่ได้
“ผมขอโทษครับแม่ พี่ขอโทษนะเคท พี่ก็แค่กังวลมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เคทรู้ว่าพี่หวังดี แล้วพี่จะอยู่เมืองไทยนานไหมคะ”
“ก็จนกว่ายายหนูจะออกจากโรงพยาบาลนั่นแหละ”
ปกติแล้วนิโคไลจะบินไปมาระหว่างอยู่ตลอด และครั้งที่ก็บังเอิญที่เขามาเมืองไทยพอดีจึงได้มาให้กำลังใจน้องสาว ส่วนงานของตนนั้นมีบอริสผู้ช่วยมือดีคอยจัดการให้
“แม่ว่าลูกกลับทำงานก่อนก็ได้นะ ทางนี้แม่กับพ่อจะคอยดูน้องเอง”
“แล้วพ่อไปไหนล่ะครับ” เขาเพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็นบิดา
“พ่อเจอเพื่อนเก่าก็เลยไปคุยกันที่ร้านกาแฟข้างล่างจ้ะ แล้วลูกกินอะไรมาหรือยังล่ะ”
“ยังเลยครับแม่กะว่ามาเยี่ยมเคทกับยายหนูแล้วค่อยกลับไปหาอะไรกินครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่เคทไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ พี่กลับไปเลยก็ได้ แม่ก็อยู่พี่วุฒิก็อยู่”
“พี่ว่าจะอยู่รอหมอของเคทก่อนแล้วค่อยกลับ”
“นิค แม่ขอร้องนะ อย่าไปว่าอะไรหมอหรือทำให้หมอต้องอึดอัดใจนะ”
“แม่เห็นผมเป็นคนยังไงครับ ผมไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกครับ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้บทสนทนาต้องหยุดไป
“สวัสดีค่ะ ขอหมอตรวจคนไข้หน่อยนะคะ” เสียงหวานที่ดังมาก่อนตัวให้คุณนิชาภารีบลุกขึ้นเพราะอยากจะเห็นว่าเจ้าตัวนั้นจะหวานเหมือนเสียงที่เธอได้ยินหรือเปล่า
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
“สวัสดีค่ะ” หมอพัณณ์ชิตารีบยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าที่ดูท่าทางใจดี
“หนูเป็นหมอที่ผ่าตัดให้ลูกสาวป้าเหรอคะ” นิชาภาถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจเพราะหมอที่เข้ามาตรวจนั้นยังดูเด็กกว่าที่เธอคิดไว้มาก
“ค่ะ หมอเป็นคนผ่าตัดคุณคารินาเองค่ะ”
“ป้าได้ยินแต่ว่าหมอหน้าเด็ก แต่ไม่คิดว่าจะเด็กจริงๆ”
“ค่ะ” พัณณ์ชิตาชินเสียแล้วที่ใครต่างก็คิดว่าเธอหน้าเด็กและเรียนยังไม่จบ
“ป้าขอโทษด้วยนะที่ทักไปแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“หมอคงเจอมาบ่อยใช่ไหมคะ”
“ค่ะ เจอทุกวันจนตอนนี้หมอเริ่มชินแล้วค่ะ” พัณณ์ชิตายิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนขอให้พยาบาลบิดผ้าม่านเพื่อตรวจร่างกายของคารินา