5 อดีตเคยสูญเสีย
หลังจากตรวจร่างกายของคารินาแล้วพัณณ์ชิตาก็บอกถึงอาการของลูกสาวให้กับเธอทราบเพราะก่อนจะมาที่นี่คุณหมอสาวแวะไปสอบถามอาการของเด็กทารกมาก่อนแล้วเพื่อให้คุณแม่ได้สบายใจ
“หมอคะ เคทขอไปดูลูกได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ แต่ต้องหลังจากที่คนไข้ไม่มีอาการเวียนหัวแล้วนะคะ”
“ตอนนี้เคทก็ไม่ค่อยเวียนหัวแล้วนะคะ”
“เอาไว้ตอนบ่ายหมอจะให้พยาบาลมาถามอาการอีกครั้งนะคะ ถ้าไม่มีอาหารเวียนหัวเลย หมอจะให้พยาบาลพาไปที่ห้องเด็กนะคะ”
“ขอบคุณค่ะหมอ”
“คนไข้มีอะไรสงสัยจะถามหมอเพิ่มเติมไหมคะ”
“เคทอยากรู้ว่านมที่เอาไปลูกเคทกินได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ พยาบาลจะแบ่งให้มือละนิดหน่อยค่ะ แต่คนไข้ก็ต้องปั๊มนมเก็บไว้นะคะ ช่วงแรกนมจะมาน้อยแต่ถ้าเราปั๊มออกมาบ่อยๆ ทุกสองชั่วโมงอีกหน่อยน้ำนมก็จะเยอะเองค่ะ เดี๋ยวหมอจะให้พยาบาลมาสอนการปั๊มนมและเก็บนมใส่ถุงอีกครั้งนะคะ” เมื่อคนไข้ไม่มีข้อสงสัยคุณหมอก็ขอตัวกลับ
“วันนี้วันเสาร์หมอตรวจเสร็จแล้วจะไปหรือเปล่าจ๊ะ”
“ไม่หรอกค่ะ คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ป้ามีเรื่องจะปรึกษาหน่อยจ้ะ พอจะมีที่ส่วนตัวคุยกันหน่อยไหม”
“แม่ครับ คุยที่นี่ก็ได้ มีแต่พวกเรากันเองทั้งนั้น” นิโคไลรีบบอกเพราะกลัวว่าถ้าคุณหมอมีโอกาสอยู่ตามลำพังกับมารดาของตนเองแล้วเธอจะฟ้องเรื่องที่เขากำลังจับตาดูเธออยู่
“เดี๋ยวคุณป้าตามหมอมาเลยก็ได้ค่ะ”
“ผมไปด้วยครับแม่” นิโคไลรีบลุกเดินตาม
“นิคไปกับแม่แล้วใครจะอยู่กับน้องล่ะ แล้วเรื่องที่แม่จะไปคุยก็เป็นเรื่องส่วนตัว หรือนิคก็มีเรื่องส่วนตัวจะคุยกับคุณหมอ”
เมื่อเจอมารดาเบรกแบบนั้นนิโคไลก็ต้องกลับมานั่งตามเดิม
พัณณ์ชิตาเดินนำหน้าคุณนิชาภาออกมาจากห้องตรวจแล้วพาไปยังห้องประชุดเล็กที่อยู่มุมสุดของทางเดินซึ่งห้องนี้เป็นห้องที่หมอจะใช้คุยกับญาติของผู้ป่วยในกรณีที่ไม่สามารถคุยกันต่อหน้าผู้ป่วยได้
“เชิญนั่งค่ะ คุณป้าจะรับกาแฟไหมคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ป้ารบกวนคุณหมอไม่นานหรอกนะ”
“อย่าถือเป็นการรบกวนเลยค่ะ คุณป้ามีอะไรจะปรึกษาหมอล่ะคะ”
“ก่อนอื่นป้าต้องขอโทษด้วยที่ลูกชายป้าทำกิริยาไม่สุภาพ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หมอเข้าใจว่าเขาเป็นห่วงน้องสาว”
“หมอพัณณ์ชิตาไม่โกรธเขาใช่ไหมจ๊ะ”
“ไม่หรอกค่ะคุณป้าเรียกหมอว่าพั้นช์ก็ได้นะคะ เรียกชื่อเต็มหมอไม่คุ้นเลย”
“จ้ะ หมอพั้นช์ ป้าอยากจะถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการหลานของป้า” แม้จะไปเจอหมอที่รักษาหลานสาวแล้วแต่นิชาภาก็ยังไม่วางใจเท่าไหร่ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าลูกสาวเธอก็แกล้งทำตัวเข้มแข็ง
"ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ หมออัยย์เป็นหมอที่เก่งมากนะคะ เด็กบางคนน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลหมออัยย์ก็ดูแลจนตอนนี้เด็กออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วค่ะ”
“ได้ยินแบบนี้ป้าค่อยโล่งใจ ป้าเคยเสียหลานสาวไปเพราะคลอดก่อนกำหนดมาแล้ว ป้าก็เลยกังวล”
“พั้นช์เสียใจด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ เรื่องมันก็หลายปีแล้ว”
“แต่เท่าที่ดูประวัติคุณคารินาเพิ่งมีลูกคนเดียวเองนะคะ”
“ใช่จ้ะ หลานที่ป้าพูดถึงก็คือลูกสาวของนิโคไลน่ะ เขาเลยกังวลกว่าใครเพราะไม่อยากให้เรื่องแบบเดิมเกิดขึ้นกับครอบครัว ถ้าเขาทำอะไรหรือว่าอะไรหมอพั้นช์ก็อย่าถือสาเลยนะคะ ป้าขอโทษแทนเขาด้วยที่เมื่อวานเขาพูดจาไม่ดีกับคุณหมอ” หญิงสูงวัยรู้มาจากลูกเขยว่านิโคไลพูดจาไม่ค่อยดีกับคุณหมอตั้งแต่เมื่อวานเลยอยากจะขอโทษแทน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พั้นช์เข้าใจดี” พอรู้ถึงเหตุผลที่เขาเป็นกังวลพัณณ์ชิตาก็เลยเข้าใจเขามากขึ้น
“ป้ารบกวนเวลาหมอแค่นี้นะคะ”
“คุณป้าอยากไปเยี่ยมหลานไหมคะ ตอนนี้น่าจะใกล้เวลาที่พยาบาลจะป้อนนมแล้วค่ะ” พัณณ์ชิตาดูนาฬิกาแล้วถาม
“ไปสิคะ หมอจะไปด้วยไหม”
“ค่ะ พั้นช์จะไปด้วย ตอนนี้หมออัยย์ก็น่าจะอยู่ที่นั่น เผื่อคุณป้ามีอะไรจะถาม” เมื่อได้ยินเรื่องราวในอดีตของครอบครัวนี้แล้วพัณณ์ชิตาก็รู้สึกเห็นใจ อะไรที่พอจะช่วยให้พวกเขาคลายกังวลได้เธอก็อยากจะช่วย
พัณณ์ชิตาพาคุณนิชาภามายังแผนก nicu ซึ่งด้านในห้องยังมีทารกคนอื่นอีก 4 คนซึ่งแต่ละคนก็มีสายระโยงระยางและยังใส่เครื่องช่วยหายใจกันทุกคน บางคนก็ตัวเล็กกว่าหลานสาวของเธอด้วยซ้ำ
ขณะที่มาถึงพยาบาลกำลังป้อนนมทางสายยางให้กับหลานสาวของตนพอดี เธอยืนมองด้วยใบหน้าที่เครียดเพราะหลานสาวคนแรกก็เป็นแบบนี้และอยู่ในโรงพยาบาลได้เพียงเจ็ดวันก็อาการทรุดและหยุดหายใจไปโดยที่เธอยังไม่ทันได้อุ้มด้วยซ้ำ
“คุณป้าอยากลองจับมือหลานดูไหมคะ” พัณณ์ชิตาถามคนที่เอาแต่จ้องตาไม่กะพริบ
“ได้เหรอคะ”
“ได้สิคะ คุณป้ารออยู่ตรงนี้สักครู่นะคะเดี๋ยวพั้นช์ขอไปบอกพยาบาลก่อน” พัณณ์ชิตาไปคุยพยาบาลประจำแผนกจากนั้นคุณนิชาภาก็ถูกพาไปล้างมือแล้วสวมชุดคลุมปลอดเชื้อก่อนจะเข้าไปในห้อง จากนั้นพยาบาลก็เปิดฝาของตู้อบให้เธอเอามือข้าไปด้านในได้
นิชาภาส่งมือไปสัมผัสกับมือเล็ก พอฝ่ามือถูกกระตุ้นนิ้วเล็กทารกก็กำมือย่างอัตโนมัติราวกับว่าตอนนี้กำลังจับนิ้วของผู้เป็นยายพอดี เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ความรู้สึกของเธอนั้นทั้งตื่นเต้น ดีใจและตื้นตันใจเต็มไปหมด
พยาบาลให้เวลากับผู้เป็นยายไม่นานก็พาเธอออกมาเพราะไม่อยากให้รบกวนจนเกินไป แต่ก็บอกกับผู้เป็นยายว่าถ้าครั้งหน้าถ้าจะขอมาเยี่ยมแล้วเข้าไปจับมือกับหลานสาวแบบนี้ก็บอกได้ทุกเมื่อ
“คุณป้าท่านเคยเสียหลานคนแรกไปค่ะพี่อัยย์ ครอบครัวของเธอก็เลยเป็นกังวล”
“อ้อ แต่ดูท่าทางแล้วคนเป็นลุงน่าจะเครียดกว่าคนเป็นพ่ออีกนะ”
“ค่ะ คุณป้าท่านเล่าให้พั้นช์ฟังว่าเขาเสียลูกสาวไปจากการคลอดก่อนกำหนด”
“อ้อ ถึงว่าล่ะ เขาบอกไหมว่าเพราะอะไร” ไอรดาถามเพราะถ้ารู้สาเหตุก็จะได้หาทางป้องกันเผื่อเอาไว้
“ท่านไม่ได้บอกอะไรนะ บอกแค่ว่านอนโรงพยาบาลเจ็ดวันจากนั้นเด็กก็อาการแย่ลงแล้วหยุดหายใจไป”
“พี่ว่าจะลองถามรายละเอียดเพิ่มดูนะ เผื่อมีผลชันสูตร”
“เอาสิคะพี่อัยย์ ให้พั้นช์อยู่ด้วยนะ พั้นช์ก็อยากรู้” เพราะการผ่าเอาเด็กออกก่อนกำหนดก็เป็นเรื่องที่เธอต้องรับผิดชอบด้วย เธอจึงอยากรู้ว่าที่ผ่านมานั่นเกิดอะไรขึ้น