3 อยู่ห่างหน่อยก็ดี
หญิงสาวขึ้นมาถึงห้องตัวเองก็เหนื่อยและง่วงเกินกว่าจะอาบน้ำเธอจึงเลือกที่จะนอนบนโซฟาในห้องรับแขกแทนที่จะเข้าไปนอนบนเตียงนุ่มๆ เธอรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งเมื่อพี่ชายที่เป็นตำรวจโทรเข้ามา
“พั้นช์ตื่นหรือยัง” พชรถามน้องสาวอย่างร้อนใจ
“ตื่นแล้วค่ะพี่เพชร มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่ต้องถามเรามากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับพั้นช์หรือเปล่า แล้วเราไปเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นยังไง”
“เรื่องมันยาวค่ะพี่เพชร”
“ก็สรุปสั้นๆ สิ”
พัณณ์ชิตาเล่าให้พี่ชายฟังอย่างรวบรัดเพราะถ้าไม่เล่าก็กลัวว่าพี่ชายจะเอาเรื่องนี้ไปบอกมารดา
“ประวัติเขาเท่าที่พี่หาได้ก็คือเขาเป็นนักธุรกิจทั่วๆ ไป แต่ค่อนข้างมีอิทธิพลในรัสเซีย”
“เขาคงไม่ทำอะไรพั้นช์หรอกค่ะพี่เพชร พั้นช์ก็แค่หมอตัวเล็กเองๆ” หญิงสาวบอกพี่ชายทั้งที่ตัวเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะท่าทางของผู้ชายที่ชื่อนิโคไลนั้นเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
“แล้วเรื่องน้องสาวของเขาล่ะ เรามั่นใจใช่ไหมว่าไม่มีอะไรผิดพลาดให้เขาตามเอาเรื่องได้”
“มั่นใจสิคะ พี่เพชรถามเหมือนไม่เชื่อฝีมือน้องสาวเลยนะคะ” พัณณ์ชิตาถามพี่ชายกลับ
“เชื่อสิ แต่ที่ถามย้ำก็เพราะพี่รู้มาว่าเขาคนนี้เป็นคนรักครอบครัวมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคนในครอบครัวของเขาพี่ก็กลัวว่าเราจะไม่ปลอดภัย ช่วงนี้พี่จะให้คนคอยดูอยู่ห่างๆ นะ มีอะไรก็ต้องรีบบอกพี่”
“ขอบคุณค่ะพี่เพชร เรื่องนี้พี่อย่าบอกพ่อกับแม่นะคะ พั้นช์ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง”
“พี่รู้ แต่พั้นช์ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ”
“ค่ะพี่เพชร ขอบคุณนะคะ”
วางสายจากพี่ชายแล้วเธอรีบอาบน้ำสระผม ก่อนจะรับประทานอาหารเช้าอย่างง่ายๆ แค่เทซีเรียลใส่ชามและตามด้วยนมเพราะต้องการความรวดเร็วเพราะหลังจากราวน์คนไข้เสร็จแล้วทางโรงพยาบาลก็มีอาหารว่างให้รับประทาน
หญิงสาวไม่คิดที่จะโทรบอกผู้ชายคนนั้นอย่างที่ตกลงกับเขาไว้เพราะไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน เธอคิดว่ายังไงเขาก็รู้อยู่แล้วว่าตนเองทำงานที่ไหนถ้าเขาจะตามจริงๆ มันก็ไม่ยาก
แต่พัณณ์ชิตาคิดผิดไปถนัดเพราะพอเธอลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นเขากับลูกน้องอีกสองคนยืนรออยู่แล้ว หญิงสาวมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ก็พยายามปรับสีหน้าไปเป็นปกติที่สุด
“คุณไม่โทรบอกผมตามที่เราตกลงกันไว้นะครับคุณหมอ”
“เพราะฉันรู้ไงล่ะว่ายังไงคุณก็ต้องมาดักรอฉันอยู่แล้ว” หญิงสาวรีบแก้ตัว
“คุณรู้จริงหรือเพิ่งรู้กันแน่” นิโคไลถามอย่างรู้ทัน เขาคิดอยู่แล้วว่าคุณหมอคนนี้จะต้องไม่โทรบอกเขาแน่ๆ ชายหนุ่มเลยทำทีเป็นขับรถกลับจากนั้นก็วนมาจอดรอเธอที่นี่ระหว่างรอก็ถือโอกาสเคลียร์กับรปภ.จนได้เข้ารอมารอที่ลานจอดรถได้อย่างไม่มีปัญหา
“ไหนๆ ก็มารับแล้วนี่ อะกุญแจ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วส่งกุญแจรถให้กับเขา
“ครั้งนี้เราจะไปรถผม รถคุณคันเล็กผมขับไม่ถนัด” เขาบอกว่าจะไปรถเขา แต่ก็ดึงกุญแจจากมือเธอไปอย่างหน้าตาเฉย
“ขับไม่ถนัดคุณก็นั่งรถคุณตามไปสิ ไม่เห็นจะยากเลย”
“ผมอยากนั่งคันเดียวกับคุณ คุณจะขึ้นไปนั่งบนรถเองหรือจะให้ผมอุ้มคุณขึ้นไปล่ะ”
“ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้ มีคนรับส่งแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ฉันจะได้ไม่ต้องขับรถเองให้เหนื่อย” พัณณ์ชิตาพยายามมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน พอไปถึงโรงพยาบาลเธอค่อยหาโอกาสชิ่งเขา
“ไปโรงพยาบาลเลยใช่ไหม” เขาถามขณะที่เปิดประตูให้เธอเข้าไปในรถเป็นคนแรก
หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมานั่งเล่น พลางคิดในใจว่ามีคนขับรถให้แบบนี้ก็เพิ่มเวลาให้เธอได้ติดตามข่าวสารของเพื่อนๆ ผ่านทางไลน์กลุ่มได้มากขึ้น
ตลอดทางที่นั่งรถมาเขาไม่ได้คุยกับเธอเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้นิโคไลก็มีงานบางอย่างที่ต้องจัดการ นั่นเลยทำให้พัณณ์ชิตาไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิดไว้ หญิงสาวแอบมองหน้าเขาสลับกับเล่นมือถือ เธอยอมรับอย่างหนึ่งเลยว่าผู้ชายคนนี้ทั้งหล่อและดูดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
“คุณเลิกงานกี่โมง” นิโคไลถามเมื่อรถมาจอดยังลานจอดรถของโรงพยาบาล
“ฉันไม่รู้”
“ผมถามคุณดีๆ นะคุณหมอ”
“ฉันต้องราวน์คนไข้หลายคนกะเวลาไม่ได้หรอกว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ คุณไม่ต้องมารับหรอก ฉันเกรงใจน่ะค่ะ”
“ผมรู้คุณกำลังหาทางหนีผมอยู่แต่เสียใจนะ ผมมันคนว่างงานเสียด้วยสิ”
“ถ้าอยากรอเชิญตามสบาย แต่บอกไว้ก่อนนะอย่าเดิมตามฉัน อย่าวุ่นวายกับการทำงานของฉันถ้าไม่อย่างนั้นนั้นฉันจะแจ้งความว่าคุณและลูกน้องของคุณคุกคามฉัน เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วครับ รับรองว่าพวกผมจะไม่ทำให้คุณต้องรู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” พูดจบพัณณ์ชิตาก็เปิดประตูรถลงไปอย่างรวดเร็วจนลืมสังเกตว่าตอนนี้นิโคไลนั้นเดินตามเธอเข้าในลิฟต์แล้ว
“คุณ ไหนว่าจะไม่ตาม จะไม่วุ่นวาย”
“ผมตามคุณที่ไหน ผมกำลังจะเยี่ยมน้องสาวกับหลานของผมต่างหากล่ะ” เขาตอบพลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ พัณณ์ชิตาได้แต่ค้อนขวับและหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากจะคุยกับเขาให้เสียอารมณ์
พอประตูลิฟต์เปิดออกเธอกับเขาก็แยกกันไปคนละทางเพราะพัณณ์ชิตาต้องไปดูคนไข้คนอื่นก่อนและหวังว่าถึงเวลาที่เธอมาตรวจน้องสาวของเขานั้น เขาจะเยี่ยมเสร็จและกลับไปแล้ว