14 ขอเวลาอีกนิด
“เฮ้อ!...” พัณณ์ชิตาถอนหายใจอย่างหนักหลังจากประตูรถปิดลง
“ดูท่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อนะว่าเราเป็นแฟนกัน”
“แล้วฉันต้องทำยังไง ไม่ใช่ว่าเขาจะตามดูเราตลอดนะ”
“ผมไม่รู้ว่านิสัยเขาเป็นยังไง เชื่อคนง่ายหรือเปล่า แต่อย่างมากก็คงตามถึงคอนโดนั่นแหละครับ”
“ไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าพักอยู่ที่ไหน” พัณณ์ชิตารู้จักนิสัยของคนรักเก่าดีว่าเป็นพวกชอบตามตื๊อ ถ้าเขารู้ว่าคอนโดเธออยู่ที่ไหนชีวิตของเธอคงจะวุ่นวายน่าดู
“เขาไม่เคยไปที่นั่นเหรอครับ”
“ไม่เคยค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่คอนโดนั่นไม่นาน แต่ก่อนฉันอยู่บ้านค่ะ”
“ถ้าไม่อยากให้เขาตามไปก็มีสองทางเลือกคือ ไปค้างที่บ้านผมหรือไม่เราก็ไปนั่งดื่มกันต่อ”
“ถ้าเขาตามเข้าไปล่ะคะ”
“เขาคงตามแน่ แต่ในนั้นคนเยอะครับ เขาคงจับตาดูเราไม่ได้ตลอดหรอก” อันที่จริงถ้าไม่อยากให้เขาตามนิโคไลก็แค่โทรบอกลูกน้องให้จัดการทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ที่ไม่ทำแบบนั้นเพราะอยากชวนพัณณ์ชิตาไปนั่งดื่มด้วยกันสักหน่อย เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเธอจึงไม่ต้องรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้า
“งั้นก็ตกลงค่ะ”
นิโคไลขับรถพาพัณณ์ชิตามายังผับแห่งหนึ่งที่คนค่อนข้างจะพลุกพล่านเพราะเป็นคืนวันเสาร์แต่ก่อนมาเขาให้ธนัทจัดการจองโต๊ะด้านบนให้กับเขาไว้แล้ว พอเดินเข้ามาทั้งสองคนจึงมาต้องหาที่นั่งให้ลำบาก
เสียงดนตรีบริเวณชั้นสองไม่ค่อยดังเหมือนกับทางด้านล่างเท่าไหร่นักแต่มันก็ทำให้ทั้งสองคนต้องนั่งชิดกันเพื่อจะได้คุยกันอย่างสะดวก
“คุณว่าเขาจะตามเรามาไหมคะ”
ก็คงตามนั่นแหละเพราะผมขับไม่เร็วเท่าไหร่ อยากจะวัดใจดูว่าเข้าจะตื๊อคุณแค่ไหน”
“เขาไม่น่าทำอย่างนี้เลยนะคะ เขามีเมียแล้วแท้ๆ”
“แต่ผมได้ยินเขาคุยกับเพื่อนว่ากำลังจะหย่ากัน บางทีเขาอาจจะมีปัญหากันอยู่ก่อนแล้ว”
“ฉันไม่รู้ปัญหาของเขาหรอกนะคะ แต่ที่เขาทำมันไม่ถูกเลย ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ฉันคงไม่มาหรอกค่ะ”
“ปกติเขามาทุกครั้งที่นัดทานข้าวไหมครับ”
“ไม่หรอกค่ะ แต่ทุกครั้งที่เจอกันเราก็ทักทายกันตามปกติเพราะฉันไม่คิดอะไรกับเขาแล้ว ฉันเห็นว่าเขายังเป็นเพื่อนอยู่ อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็ส่งข้อความมานัดเจอนะคะ แต่ฉันบอกว่ารอเจอพร้อมกับคนอื่นดีกว่า”
“คุณทำถูกแล้วล่ะที่ไม่ออกไปเจอเขา”
“คุณเลยต้องมาลำบากกับฉัน ขอบคุณนะคะ ทั้งเรื่องที่คุณเลี้ยงข้าวพวกเราแล้วไหนจะช่วยฉันเรื่องนี้อีก”
“ผมขอข้อแลกเปลี่ยนข้อหนึ่งได้ไหม”
“ได้สิคะ ถ้าทำได้ฉันยินดีทำค่ะ”
“ผมไม่ขออะไรมากหรอกครับ ขอแค่ให้คุณแทนตัวเองว่าพั้นช์แค่นั้นเองได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ” พัณณ์ชิตาตอบพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร
ทั้งสองนั่งดื่มได้ไม่นานคนที่พูดถึงก็เดินตามเข้ามา นิโคไลเป็นคนเห็นเขาก่อน ชายหนุ่มจึงขยับมาใกล้พัณณ์ชิตาอีกนิด เขาเอนหลังพิงโซฟาแล้วกางแขนโอบไหล่เธอไว้
“เขาเห็นเราไหมคะ”
“ตอนนี้ยังครับ แต่คิดว่าอีกไม่นานคงเห็น” ที่นิโคไลเลือกนั่งด้านบนก็เพราะเขาจะได้มองเห็นทุกอย่างทางด้านล่างรวมถึงเห็นว่าเขาตามหรือเปล่า อีกอย่างก็คือถ้าผู้ชายคนนั้นมองขึ้นมาด้านบนก็จะเห็นว่าเขากับพัณณ์ชิตานั้นสวีทกันมากแค่ไหน
“คุณว่าถ้าเขาเห็นเราอยู่ด้วยกันแบบนี้เขาจะเชื่อไหม”
“ผมไม่แน่ใจเพราะผมกับเพื่อนผู้หญิงก็เคยไปนั่งดื่มกันแบบนี้อยู่บ่อยโดยไม่ได้คิดอะไรกัน”
“แล้วเราจะทำยังไงให้เขาเชื่อล่ะคะ”
“เราก็ต้องแสดงให้สมบทบาทมากขึ้นสิครับ”
“หมายถึงอะไรคะ”
“คนรักกันนอกจากนั่งดื่มด้วยกันแล้วมันก็ต้องมีกอดมีจูบกันบ้าง”
“เดี๋ยวนะ กอดกันฉันพอเข้าใจแต่ถึงกับจูบนี่คงไม่ไหวมั้งคะ แล้วที่นี่คนก็เยอะแยะ”
“ก็เพราะคนเยอะไงครับ ถ้าเขาเห็นเรากอดจูบกันในที่แบบนี้เขาก็จะคิดเองว่าถ้าในที่ลับตามันคงไม่ใช่แค่การจูบ ผมแค่เสนอนะครับไม่ได้บังคับ”
“คุณมั่นใจนะคะว่าถ้าจูบแล้วเขาจะเชื่อเราจริงๆ”
“มั่นใจสิครับ เพราะถ้าผมเป็นเขาแล้วเห็นคุณจูบกับคนที่บอกว่าเป็นแฟนผมก็คงถอยเหมือนกัน”
พัณณ์ชิตามีท่าทางคิดหนัก เธออยากให้ธาวินเลิกสนใจเธอแต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่ามันมากเกินไปที่จะจูบกับนิโคไล
“เอาไงคุณ ผมว่าเขาน่าจะเห็นเราแล้วนะ”
นิโคไลไม่รอฟังคำตอบเพราะเห็นว่าเขากำลังมองขึ้นมาทางด้านบน ชายหนุ่มก้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น เขาประจบริมฝีปากหยักได้รูปลงมาบนริมฝีปากบางสีสวย จูบแผ่วเบาของเขาทำหญิงสาวใจเต้นแรง ใบหน้าสวยร้อนผ่าว สองมือดันไปที่แผงอก แต่คนชำนาญอย่างเขาก็หลอกล่อจนในที่สุดพัณณ์ชิตาก็ยอมเปิดปากให้เขาส่งลิ้นร้อนเข้าไปด้านในโพรงปากอุ่นได้อย่างง่ายดาย
“อื้อ...”
หญิงสาวส่งเสียงครางประท้วงเบาๆ เมื่อจูบที่อ่อนหวานของนิโคไลกำลังเร่าร้อนและหนักหน่วงขึ้นจนมือที่ผลักไสเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นคล้องไปบนลำคอแกร่งเพื่อยึดเกาะเขาไว้
นิโคไลใช้มือโอบเอวคอดให้เธอขึ้นมานั่งบนตักขณะที่ยังไม่ยอมถอนจูบออก พัณณ์ชิตาใจเต้นแรงและสั่นไปทั้งตัว ใช่ว่านี่เป็นจูบแรก แต่เพราะการจูบในสถานที่แบบนี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้น เธอเคยจูบมาแล้วทั้งกับธาวินและแฟนอีกคนตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศ แต่ความรู้สึกมันต่างจากจูบของนิโคไลมาก เขาจูบเก่งจนเธอเคลิบเคลิ้ม แทบไม่เป็นตัวของตัวเอง
“เมื่อกี้จูบให้เขาดู แต่ครั้งนี้จูบเพราะอยากจูบนะครับ” นิโคไลผละจูบออกมากระซิบเบาๆ ก่อนจะกระชับให้เธอแนบชิดมากขึ้น ปากร้อนจูบลงบนปากเล็กอีกครั้งซึ่งครั้งนี้มันเร่าร้อนกว่าเมื่อครู่และเธอเองก็เริ่มที่จะจูบกลับเขาไปตามอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นอยู่ข้างใน
สองลิ้นหยอกล้อเกี่ยวกระหวัดกันอยู่นานจนพัณณ์ชิตาต้องครางประท้วงอีกครั้งเพราะเริ่มจะขาดอากาศหายใจ นิโคไลร้อนรุ่มไปกับจูบที่หญิงสาวตอบสนอง เธอจูบกลับอย่างคนไร้ประสบการณ์แต่กลับทำให้เขารู้สึกตื่นตัวจนต้องพยายามข่มอารมณ์ของตนเองไว้อย่างยากลำบาก
เขาผละจูบออกอย่างเสียดายและยิ่งเห็นใบหน้าแดงก่ำของเธอเขาก็ไม่อยากจะหยุดเพียงแค่จูบ
“เขาไปแล้วล่ะครับ” นิโคไลบอกกับพัณณ์ชิตาที่เอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา
“เขาคงเชื่อแล้วว่าเราเป็นแฟนกัน เรากลับกันเลยไหมคะ” หญิงสาวรีบลงจากตักมานั่งบนโซฟาอย่างรวดเร็ว
“ถ้าไม่มีเรื่องนี้คุณจะยอมเป็นแฟนผมไหมพั้นช์”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ผมกำลังขอคุณเป็นแฟน”
“เมื่อตอนบ่ายคุณเพิ่งจะขอเป็นเพื่อน ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงคุณก็ขอเป็นแฟนแล้ว ฉันว่ามันเร็วไปไหมคะ”
“แต่เรารู้จักกันนานแล้วนะครับ หรือคุณรังเกียจที่ผมเคยแต่งงานมาแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ แต่เรายังไม่รู้จักกันเท่าไหร่เลย ขอเวลาพั้นช์อีกนิดได้ไหมเอาไว้กลับจากประชุมที่ภูเก็ตแล้วพั้นช์จะให้คำตอบนะคะ”
