13 แฟนครับ
นิโคไลรีบหันหน้าเข้าหากำแพงเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เพราะไม่อยากให้ผู้ชายที่คุยกันในห้องน้ำเมื่อครู่รู้ว่าตนเองแอบฟังอยู่ พอสองคนเดินไปออกไปไกลแล้ว ชายหนุ่มก็ได้แต่มองตามหลัง เพราะได้ยินแต่เสียงเลยไม่รู้ว่าคนไหนที่เคยเป็นแฟนของพัณณ์ชิตามาก่อน
แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้วเพราะนิโคไลตัดสินใจแล้วว่าจากนี้เขาจะจีบคุณหมอคนสวยอย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่ได้ใกล้ชิดมาตลอดหนึ่งเดือนมันทำให้เขามั่นใจว่าพัณณ์ชิตาคือผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุขโดยไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้อง
จะว่าไปแล้วนิโคไลก็รู้สึกแปลกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วเขาไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าได้นานขนาดนี้มาก่อน เขาชักจะสงสัยแล้วว่าตนน่าจะกามตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เครียดจนไม่มีอารมณ์ทางเพศ เขารีบสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว
ชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งขณะที่พัณณ์ชิตาก็กำลังนั่งฟังเพื่อนคนหนึ่งเล่าถึงการไปออกหน่อยแพทย์เคลื่อนที่ในถิ่นธุระกันดาร
“หายไปนานเลยนะคะ นึกว่ากลับไปแล้ว”
“พอดีมีงานให้ต้องโทรไปจัดการนิดหน่อยครับ” เขาตอบพลางขยับเข้ามาใกล้จนพัณณ์ชิตารู้สึกว่ามันใกล้จนแทบจะตัวติดกันอยู่แล้ว
“คุณ ที่นั่งตั้งกว้างมานั่งติดฉันทำไม” เธอกระซิบเบาๆ
“ทำไมล่ะ หรือกลัวแฟนเก่าจะเข้าใจผิด”
“แฟนเก่า” หญิงสาวหันมามองหน้าเขาอย่างสงสัย เธอไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังและมั่นใจได้เลยว่าเพื่อนของเธอก็ไม่มีคนไหนพูดถึงอย่างแน่นอน เพราะเรื่องมันผ่านมานานแล้ว และแฟนเก่าของเธอคนนั้นก็แต่งงานไปแล้ว
“อย่าทำหน้างงแบบนั้นสิ เรื่องนี้ผมบังเอิญรู้มาและก็รู้ด้วยว่าเขากำลังจะเลิกกับเมียแล้วกลับมาหาคุณ”
“ตลกน่า ใครจะทำแบบนั้น”
“พั้นช์ ถ้าเขากลับมาขอคืนดีคุณจะว่ายังไง”
“มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกนะคะ หนังสือที่อ่านแล้วไม่ประทับใจคุณอยากจะหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำไหมล่ะคะ” เธอถามกลับ
“สำหรับผมคงไม่ครับเพราะมันเสียเวลา”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเพราะฉะนั้นมันไม่มีทางเสียเวลากลับไปคบกับคนที่เคยเลิกมาแล้วหรอกนะคะ”
“ถ้าเขามาง้อ มาขอโอกาสล่ะ”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันว่าโอกาสของเขาหมดไปตั้งแต่วันที่ตัดสินใจเลิกกันแล้ว ฉันไม่ได้โกรธหรือเกลียดเขาหรอกนะคะ แต่ทุกอย่างถ้ามันจบก็คือจบ ที่เหลือก็แค่ความเป็นเพื่อนค่ะ ฉันว่าคุณน่าจะรู้อะไรมาเยอะนะคะ”
“ก็ประมาณหนึ่งครับ ผมรู้ด้วยนะว่าเขาคิดว่าที่คุณยังไงไม่มีแฟนเพราะรอเขาอยู่”
“จะบ้าหรือเปล่าใครรอเขากันล่ะ”
“แต่เขาคิดแบบนั้นนะครับ”
“คุณรู้เหรอคะว่าคนไหนเป็นแฟนเก่าของฉัน”
“ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าคนไหนแฟนเก่าคุณ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะ” นิโคไลสังเกตปฏิกิริยาของผู้ชายสองคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่เขาขยับเข้าใกล้และเริ่มกระซิบกระซาบกับพัณณ์ชิตา
“ฉันว่าเรื่องนี้ไม่น่าเอามาเป็นประเด็น เพราะเราเลิกกันไปนานแล้วนะคะ เรื่องจะกลับไปคบกันมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยสักนิด ปล่อยให้เขาคิดไปคนเดียวเถอะค่ะว่าฉันรอเขาอยู่ ฉันคงไปห้ามความคิดของเขาไม่ได้” พัณณ์ชิตาไม่สนใจความคิดของคนอื่นเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางคืนดีกับเขา
“ถ้าคุณไม่อยากให้เขาคิดว่าคุณรอเขาอยู่ ผมจะให้คุณยืมผมเป็นแฟนก็ได้นะ”
“ฉันจะทำแบบนั้นเพื่ออะไรล่ะคะ”
“เพื่อให้เขาเลิกสนใจคุณไงล่ะ ถ้าเขาเห็นว่าคุณมีแฟนแล้วเขาก็คงเลิกคิดและอาจจะไม่ต้องหย่ากับเมียเขาก็ได้นะ คุณคงไม่อยากเป็นสาเหตุให้เขาเลิกกับเมียใช่ไหมล่ะ” นิโคไลหว่านล้อม
“ฉันคงไม่มีอิทธิพลกับการตัดสินใจของเขาขนาดนั้นหรอกมั้งคะ”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปนะครับ”
“ฉันละเกลียดนักเชียวพวกผู้ชายเจ้าชู้เนี่ย”
“แต่ผมไม่เจ้าชู้นะ” นิโคไลรีบบอก
“เชื่อได้เหรอคะ ฉันว่าหน้าตาหล่ออย่างคุณคงควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า”
“แล้วหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคุณเห็นผมควงใครไหมล่ะ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ เราไม่ได้ตัวติดกันสักหน่อย”
“ผมไม่มีใครหรอก ถ้ามีจริงคุณก็คงเคยเห็นผ่านตาหรือไม่ก็ต้องคุยโทรศัพท์ให้คุณเห็นบ้าง”
“สองคนนั้นจะนั่งจีบกันอีกนานไหม” เพื่อนคนหนึ่งเห็นว่าทั้งสองเอาแต่นั่งคุยกับก็อดจะแซวไม่ได้
“นั้นสิ ดูสิเพื่อนเขากำลังจะกลับกันแล้ว เก็บไว้คุยกันสองคนก็ได้มั้ง” เพื่อนอีกคนก็เอากับเขาด้วย
“โทษทีครับ พอดีมีเรื่องตกลงกันนิดหน่อย ผมจะจ่ายค่าอาหารทั้งหมดแต่พั้นช์เขาไม่ยอมครับ”
“ได้ไงล่ะยายพั้นช์มีเจ้ามือทั้งทีพวกเราจะได้ไม่ต้องจ่ายไง”
“ใช่ๆ นานๆ ทีจะมีเจ้ามือ”
“พั้นช์เกรงใจคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับเพื่อนแฟนก็เหมือนเพื่อนผม” พูดจบเขาก็ส่งเครติดการ์ดให้กับพนักงานโดยไม่ฟังคำคัดค้านของพัณณ์ชิตา
“อ้าว ยังไงกันแน่เมื่อกี้บอกเป็นเพื่อนนะพั้นช์” เพื่อนคนหนึ่งรีบถามขึ้นเพราะตอนแรกที่พัณณ์ชิตาแนะนำนิโคไลกับทุกคนนั้นเธอบอกแค่ว่าเขาเป็นเพื่อน
“พวกเธอก็พูดเหมือนไม่รู้จักเพื่อนตัวเองนะ พั้นช์เคยมีเพื่อนที่ไหนนอกจากพวกเราบ้างล่ะ” คุณหมอหนุ่มที่คุยกันนิโคไลช่วยพูดสนับสนุนพัณณ์ชิตาไม่อยากหักหน้าเขาเลยได้แต่ยิ้มรับไปโดยปริยาย
คนอื่นต่างยืนดีที่พัณณ์ชิตามีแฟนแต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่ทำหน้าบึ้งเพราะรู้สึกผิดหวังที่ได้ยินแบบนั้น
“แล้วอย่างนี้จะมีข่าวดีเมื่อไหร่ล่ะ อย่าลืมบอกพวกเราแต่เนิ่นๆ นะคะคุณนิค พวกเราน่ะกว่าจะลางานมาครบทีมได้แบบนี้มันยากมาก”
“เอาไว้เราตกลงกันได้แล้วจะบอกทุกคนอีกครั้งนะครับ ตอนนี้พั้นช์เขาขอทำงานก่อน ส่วนผมพร้อมตลอดครับ”
“ว้าว น่าอิจฉาจังเลยนะพั้นช์ คุณนิคคะ ถ้าไม่อยากรอพั้นช์จะหันมาสนใจเพื่อนของพั้นช์ได้นะคะ” คุณหมอสาวคนหนึ่งรับพูดแหย่
“พวกเรายังโสดอีกหลายคนเลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ” นิโคไลยิ้มรับกับไมตรีที่เพื่อนของหญิงสาวมอบให้
จากนั้นทุกคนก็ร่ำลากันอีกพักใหญ่ก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นรถของตน นิโคไลสังเกตว่าผู้ชายคนนั้นจ้องเขาราวกับว่าอยากประกาศตนเป็นศัตรู ก่อนจะเดินตรงมาที่เขากับพัณณ์ชิตายืนอยู่
“พั้นช์ ผมขอคุยหน่อยได้ไหม”
“คุยอะไรคะ”
“เรื่องส่วนตัว ขอเวลาไม่นานครับ”
“คุยตรงนี้ก็นี่ เรากับนิคไม่มีความลับต่อกันอยู่แล้ว” พัณณ์ชิตายอมเล่นละครเป็นแฟนของเขาเพราะเธอเห็นท่าทางของอดีตคนรักแล้วมันดูไม่เป็นมิตรเลย
นิโคไลเลยถือโอกาสโอบไหล่เธอเข้ามาจนชิดโดยที่หญิงสาวไม่ขัดขืนแต่อย่างใด
“คุณเป็นแฟนกันแน่เหรอ”
“ทำถามแบบนั้นล่ะ”
“ไม่รู้สิ บางทีพั้นช์อาจจะแค่อยากประชดผม”
“เราจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ ถ้าเรื่องที่วินจะพูดมีแค่นี้เราสองคนต้องขอตัวกลับก่อนนะ”
“แล้วเราจะโทรหานะพั้นช์”
“ถ้าโทรเรื่องงานวินโทรหาเราได้ตลอดนะ แต่ถ้าไม่ใช่ก็อย่าเลย เราไปก่อนนะ”
