15 หวั่นไหว
“อะไรนะครับ คุณจะไปภูเก็ตเหรอ ผมไม่เห็นรู้เลย คิดจะหนีผมอีกแล้วใช่ไหมพั้นช์”
“พั้นช์ก็เพิ่งรู้เมื่อกี้เองค่ะ พอดีมีประชุมวิชาการที่นั่นแล้วเพื่อนของเขาพั้นช์ลงทะเบียนไว้แล้วแต่ติดธุระด่วน พอดีว่าพั้นช์มีวันลาเหลืออีกเยอะก็เลยถือโอกาสไปแทนค่ะ”
“คุณจะไปกี่วัน”
“ประชุม 2 วันอยู่พักผ่อนอีก 2 วันค่ะ ถามทำไมคะ อย่าบอกนะว่าจะตามไปด้วย”
“ไม่ได้เหรอครับ”
“พั้นช์ว่าอย่าเลยค่ะ ขอเวลาพั้นช์อยู่คนเดียวนะคะ ถ้ากลับมาแล้วจะให้คำตอบที่คุณขอ”
“แล้วเขาไปด้วยไหมครับ”
“ไม่ค่ะ” เพราะรู้ว่าธาวินไม่ได้เธอจึงไปแทนเพื่อน
“ผมหวังว่ากลับมาผมได้ยินข่าวดีจากคุณนะ”
“ไม่คิดเผื่อใจไว้หน่อยเหรอคะ”
“ผมรู้ว่าระหว่างเรามันเริ่มต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับคุณเลย ถ้าคุณไม่อคติหรือปิดกั้นตัวเองจนเกินไปผมก็ยังมีความหวัง”
“ทำไมถึงคิดว่าพั้นช์ปิดกั้นตัวเองล่ะคะ”
“ก็เพื่อนๆ คุณคุยกันว่านานแล้วที่คุณไม่คบใครเลย ผมไม่รู้ว่าเพราะคุณปิดกั้นตัวเองหรือเปล่า”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่พั้นช์ที่พั้นช์ยังไม่คบกับใครทั้งที่อายุเยอะแล้วก็เพราะยังไม่เจอคนที่ยอมรับและเข้าใจการทำงานของพั้นช์ อีกอย่างพั้นช์เป็นผู้หญิงเอาใจใครไม่เก่ง จะให้ทำตัวติดแฟนเหมือนเด็กสาวๆ ก็ไม่ใช่นิสัยของพั้นช์ รู้แบบนี้แล้วคุณจะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะคะ”
“พั้นช์ คุณรู้ไหมทำไมผมถึงขอคุณเป็นแฟน”
“ความใกล้ชิดมั้งคะ หรือไม่คุณก็อาจจะเหงาเพราะมาอยู่ที่นี่คุณไม่ค่อยมีเพื่อนหรือเปล่า” พัณณ์ชิตาบอกถึงเหตุผล
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างครับ”
“แล้วเพราะอะไรล่ะคะ”
“เพราะผมอยู่กับคุณแล้วสบายใจไงล่ะ แล้วผมกับคุณก็คิดเหมือนกันว่าไม่ชอบทำตัวติดแฟน”
“ตอนนี้ที่ไม่เป็นแฟนกับตอนที่เป็นแฟนมันอาจจะต่างกันนะคะ ไม่แน่คุณอาจจะเบื่อพั้นช์ไปเลยก็ได้ สำหรับพั้นช์เรื่องงานมาก่อนเสมอค่ะ”
“ผมเข้าใจเพราะงานของคุณเกี่ยวกับชีวิตของคนนี่ครับ”
“พั้นช์ให้เวลาคุณทบทวนตัวเองนะคะ ว่าจะรับได้ไหมถ้าวันหนึ่งเรานัดกันไปเที่ยวแล้วพั้นช์ยกเลิกนัดในนาทีสุดท้ายหรือเรากำลังเที่ยวกันอยู่แล้วพั้นช์ต้องรีบกลับมาที่โรงพยาบาลเพราะมีคนไข้ด่วน”
“ผมว่าผมคิดดีแล้วนะครับ อยู่ที่คุณว่าจะยอมให้ผมพิสูจน์ตัวเองไหม” นิโคไลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จากนั้นไม่นานเขาก็พาพัณณ์ชิตามาส่งที่คอนโดในเวลาเกือบจะตีหนึ่ง
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง แล้วนี่คุณธนัทกับคนอื่นไปไหนคะ ไม่เห็นขับตามมาเลยล่ะคะ”
“ธนัทขอตัวกลับเพราะแฟนเขาโทรตาม ได้ยินว่าลูกชายไม่ค่อยสบายน่ะ ส่วนคนอื่นผมก็ให้ไปพักแล้ว”
“ตอนนี้คุณคงชินกับเส้นทางแล้วนะคะ”
“เริ่มชินแล้วครับ จากคอนโดคุณไปที่บ้านผมหลับตาขับยังได้เลย” นิโคไลพูดพร้อมกับอ้าปากหาว
“ดูแล้วคุณคงง่วงมาก รีบกลับเถอะค่ะจะได้พักผ่อน พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับก็ได้พั้นช์ไม่ได้ออกไปไหน”
“ผมคงง่วงแล้วจริงๆ ห้องคุณพอจะมีที่ว่างให้ผมงีบสักนิดไหม”
“ไม่มีค่ะ ห้องพั้นช์เล็กและมีห้องนอนเดียวค่ะ” พัณณ์ชิตารีบปฏิเสธทันที
“ผมนอนโซฟาก็ได้นะ ตอนนี้ง่วงมากจริงๆ คงขับรถไม่ไหวหรอกครับ” เขายังอ้อนต่อ
“เดี๋ยวพั้นช์เรียนแท็กซี่ให้ก็ได้ค่ะ”
“ไม่คิดจะใจอ่อนหน่อยเหรอครับพั้นช์” เขาทำพลางทำตาละห้อยไม่เหลือมาดเข้มของมาเฟียรัสเซียที่มีลูกน้องมากมายเลยสักนิด
“ไม่ค่ะ ตกลงจะเอายังไงคะ ให้พั้นช์เรียกแท็กซี่ให้ไหม”
“ไม่เป็นไร ผมกลับเองได้ แต่ขอกำลังใจนิดหนึ่งนะครับ”
พูดจบเขาก็ฉวยโอกาสกดจูบลงมาริมฝีปากของเธอที่กำลังจะอ้าปากถามแต่ก็ถูกเขาปิดปากด้วยริมฝีปากอุ่น จูบแผ่วเบาไปบนริมฝีปากสีสวยแทรกปลายลิ้นเข้าไปสัมผัสกับลิ้นเล็ก พัณณ์ชิตาได้แต่ครางฮืออยู่ในลำคอเพราะจูบครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความรู้สักเรียกร้องและเธอก็ยินดีที่จะจูบเขากลับไปอย่างใจต้องการ
จูบแสนหวานครั้งนี้ทำให้หัวใจของพัณณ์ชิตาเต้นไม่เป็นจังหวะ กว่าเขาจะยอมปล่อยเธอก็แทบหลอมละลาย
“คุณควรไปได้แล้วนะ” พัณณ์ชิตารีบพูดเมื่อเขาผละริมฝีปากออก
“ครับ ฝันดีนะพั้นช์”
หญิงสาวรีบเปิดประตูออกแล้วเดินเข้าในคอนโดอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงแต่พัณณ์ชิตาก็ยังคงนอนไม่หลับเพราะเธอกำลังคิดถึงเรื่องของตนเองกับนิโคไล ทั้งเรื่องที่เขาขอคบเธอเป็นแฟนและเรื่องที่เขาจูบเธอถึงสามครั้ง
เขาไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่จูบเธอ แต่การจูบของเขาต่างจากที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง นิโคไลไม่ได้จูบแบบจาบจ้วงหรือเอาแต่ใจหากแต่เขาใช้ประสบการณ์ทำให้เธอคล้อยตาม เธอยอมรับกับตัวเองอย่างไม่อายเลยว่าเพียงแค่จูบของเขามันก็ทำให้หัวใจที่แห้งผากมานานของเธอกระชุ่มกระชวยขึ้นได้อย่างประหลาด
มันนานมาแล้วที่เธอปิดกั้นตัวเองและทุ่มเทกับการทำงานเพราะเข้าใจว่างานที่เธอทำนั้นต้องเสียสละเวลามากแค่ไหม
แต่นิโคไลไม่เคยบ่นหรือชักสีหน้าใส่เธอเลยสักครั้ง ไม่ว่าเธอจะตรวจนานจนมืดค่ำหรือถูกตามตัวกลางดึกเขาก็ตามรับส่งอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องทั้งที่ยังไม่ได้เป็นแฟน แล้วถ้าเธอยอมตกลงเป็นแฟนกับเขาเธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะเปลี่ยนไปไหม พัณณ์ชิตาอยากให้โอกาสตัวเองอีกสักครั้ง ถ้าหากครั้งนี้มันจบลงแบบเดิมๆ ก็คิดแล้วว่าจากนี้คงจะอยู่เป็นโสดตลอดไปคงจะดีกว่า
หญิงสาวนอนคิดจนเผลอหลับไป รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เป็นสายของอีกวันซึ่งวันนี้เธอไม่มีราวน์คนไข้เพราะคนไข้ของเธอออกจากโรงพยาบาลไปกันครบทุกคนแล้ว
เธอเหลือเวลาที่จะทำงานอีกสามวันจากนั้นก็จะไปประชุมวิชาการที่ภูเก็ตและถือโอกาสพักผ่อนสมองอีกสองวัน
พัณณ์ชิตาอาบน้ำและทานขนมปังกับนมที่เหลืออยู่ในตู้เย็นจากนั้นก็เริ่มจัดกระเป๋าเพราะเธอจะเดินทางในเย็นวันพุธจึงต้องจัดกระเป๋าไว้ตั้งแต่วันนี้
ยังจัดได้ไม่ถึงครึ่งน้องพนักงานด้านล่างก็โทรขึ้นมาบอกว่ามีคนเอาอาหารมาฝากไว้และให้เธอลงมาเอาที่หน้าล็อบบี
พัณณ์ชิตาคิดว่าน่าจะเป็นพี่ชายที่เอามาส่งเพราะวันนี้เธอไม่ได้กลับบ้าน แต่พอขึ้นมาถึงห้องแล้วเปิดดูถึงรู้ว่าคนที่เอาส่งเป็นนั้นคือนิโคไล
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์เพื่อจะโทรไปขอบคุณเขา แต่ยังไม่ทันจะกดเข้าก็โทรเข้ามาเสียก่อน
“ได้ของหรือยังครับ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณไม่เห็นต้องลำบากเลย”
“ไม่ลำบากหรอกครับ แค่ขับรถเอามาฝากไว้ จริงๆ ก็อยากจะชวนคุณไปทานที่บ้านแต่เห็นว่าเป็นวัดหยุดเลยไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ”
“คุณเอามาส่งเองหรือให้ลูกน้องมาส่งคะ”
“ผมเอามาเองสิครับ ลองชิมดูนะ นานๆ ทีแม่ถึงจะทำ ผมว่ามันอร่อยมากเลยให้คุณได้ทาน”
พัณณ์ชิตามองโจ๊กเป๋าฮื้อที่อยู่ในกล่องเก็บความร้อนก่อนจะหยิบช้อนตักมาชิม
“อร่อยจริงๆ ด้วยค่ะ คุณแม่คุณทำเองเหรอคะ”
“ครับ พ่อผมชอบน่ะ แต่นานๆ แม่ถึงจะทำสักที”
“พั้นช์ฝากขอบคุณท่านด้วยนะคะ และก็ฝากชมด้วยว่าอร่อยมาก”
“อร่อยก็ต้องทานให้หมดนะครับ”
“ค่ะ คุณใกล้ถึงหรือยังคะ”
“ยังครับ ผมแวะมาหาหลานที่โรงพยาบาลครับ”
ตอนนี้หลานสาวของเขาออกจากห้องไอซียูสำหรับเด็กทารกแล้ว แต่ยังไม่ได้กลับบ้าน แต่ย้ายมาอยู่แผนกเด็กป่วยที่และรอจนกว่าน้ำหนักตัวจะเพิ่มอีกนิดซึ่งก็คงอีกไม่นาน
“ขับรถดีๆ นะคะ”
“ครับ ผมวางก่อนนะ จะถึงโรงพยาบาลแล้ว”
