T.EP2 : ตอน ความรู้สึก
EP 2
...“ธนากร”...
ผมกลับมาที่บ้านหลังจากที่ไปโรงพยาบาลไปเยี่ยมผู้หญิงคนนั้นมา ในตอนแรกผมคิดว่าผมจะต้องไม่ถูกชะตากับเธอ จากที่ฟังชื่อและเรื่องราวที่คุณพ่อบอก แต่เปล่าเลยพอผมไปเห็นหน้าเธอ ผมกับรู้สึกผูกพันรู้สึกสงสารเธอ ยิ่งเห็นรอยน้ำตาเธอยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด โดยที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ
“กรไปเยี่ยมน้องมาเป็นยังไงบ้าง”ผมเดินเข้ามานั่งโซฟากลางบ้าน คุณพ่อเดินออกมาหาผม และนั่งด้านข้างของผมก่อนที่จะเอ่ยถามถึงมินตรา
“เธอปลอดภัยแล้วครับ”
“ยิ้มแบบนี้แสดงว่า” ?
“เธอก็น่ารักดี”
“นั่นไงก็บอกแล้วไงตอนแรกทำเป็นพูดแต่อย่าลืมนะ ธนากรพ่อให้น้องมินตรามาเป็นลูกหนี้ มาเป็นคนขัดดอก แต่ไม่ใช่หน้าที่ภรรยาหรือว่าเมียของลูก”
“ผมรู้แล้วครับ เพราะว่าผมก็มีคนที่ผมรักอยู่แล้ว”ผมไม่รู้หรอกว่าคุณพ่อหมายความว่ายังไง ในตอนแรกก็เหมือนจะหาเมียให้กับผม แต่ในตอนนี้บอกกับผมว่าห้ามเกินเลยกับน้องมิสตรา ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิดแบบนั้นอยู่แล้ว
“ถ้าหมายถึงผู้หญิงคนนั้น ตัดออกจากชีวิตไปได้เลย เพราะว่าพ่อไม่มีทางยอมให้ลูกกับผู้หญิงคนนั้นแต่งงานกันหรอก ลูกยังไม่รู้อะไร”
“ผมไม่ขอพูดกับคุณพ่อเรื่องนี้ดีกว่าครับ”ผมพูดเรื่องนี้กับคุณพ่อทีไร เราจะต้องทะเลาะกันตลอด ผมเลยตัดสินใจเลือกที่จะไม่พูด และเดินออกมากลับขึ้นมาบนห้อง ความรักไม่สามารถบังคับกันได้หรอก ผมกับแฟนเก่าเคยรักกันมาก่อนแต่เราต้องแยกออกจากกัน ผมก็ยังยืนยันคำเดิมนะว่า ความรักของผมที่มีให้เธอก็ยังคงเหมือนเดิม ต่อให้เธอจะเปลี่ยนไปหรือว่าไปรักคนอื่น ขอให้ชีวิตเธอมีความสุขผมก็ยินดีแล้ว
ตัดหลายวันผ่านไป
ในวันนี้ ผมมาบ้านของน้องมินตราโดยที่มารับน้องมินตราไปอยู่ที่คุณพ่อจัดเตรียมไว้ให้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องไปอยู่ที่นั่น ผมยังไม่รู้สาเหตุของเขาด้วยซ้ำแล้วคุณพ่อก็ยังย้ำ ห้ามทำอะไรน้องห้ามทารุณห้ามข่มเหง
“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า”เมื่อผมก้าวขาเข้ามาในบ้าน ของมินตราผมยกมือไหว้ผู้หญิงผู้ชายซึ่งเป็นคุณพ่อคุณแม่ของน้องมินตรา
“ธนากร”ผมสังเกตดู 2 ครั้งแล้ว คุณแม่ของมินตราเห็นหน้าผมทีไร เขาจะเอ่ยชื่อเรียกผมและมีสีหน้าที่แปลกๆ
“ผมมารับน้องครับ” มินตราเองเธอก็ยืนอยู่ตรงนี้ และเธอก็ยกมือไหว้ผมเช่นกัน แต่ในแววตาของเธอก็ยังดูเศร้า ยังดูกลัวผม นี่ถ้าเป็นเจ้าหนี้คนอื่นหรือว่าเหมือนในทีวี ชีวิตเราคงลำบากแน่ๆ
“ฝากดูแลน้องด้วยนะธนากร”คุณพ่อของน้องมินตรายิ้มให้กับผม ก่อนที่จะเดินขยับเข้ามาหาผม และใช้มือขวาจับไหล่ของผมเบาๆผมยิ้มและพยักหน้าให้กับท่าน
“ครับผม ไม่ต้องเป็นห่วงผมไม่ทำอะไรน้องแน่นอน”คุณพ่อคุณแม่ของน้องมินตรา ต่างพากันยิ้มให้กับผม ก่อนที่ผมจะขยับไปหาผู้หญิงตรงหน้า เธอเหมือนจะฝืนยิ้มแต่ในแววตาก็เหมือนจะร้องไห้
“ไม่ได้เอาตัวไปขังไว้สักหน่อย แค่ไปอยู่ที่นู่นอยากกลับบ้านก็มา ไม่เป็นไรนะสาวน้อย”ทำไมผมถึงเอ็นดูและรู้สึกผูกพันกับมินตราจนบอกไม่ถูก ผมยกมือขวาของตัวเองลูบหัวของหญิงสาวเบาๆ
“ค่ะ” เมื่อผมพาเธอนั่งรถออกมา มินตราเธอก็ยังดูถ้ากลัวผมอยู่ เธอนั่งก้มหน้าและกุมมือเข้าหากัน ผมพยายามหันมองหน้าเธอแต่เธอก็ไม่มองหน้าผม จนผมต้องเอ่ยคำพูดทักเธอก่อน
“ไม่ต้องกลัวนะ ทำตัวตามสบายฉันเป็นกันเอง”เมื่อผมเอ่ยคำพูดจึงทำให้ใบหน้าของเธอหันมามองผม
“ทำไมคุณถึง?
“ความคิดของเธอก็คงจะหมายถึงเป็นเจ้าหนี้ จะต้องจับตัวลูกหนี้ไปทรมานไปข่มเหงอะไรแบบนี้ใช่ไหม”เมื่อผมพูดออกไปเธอพยักหน้า
“นั่นมันในนิยาย นี่มันชีวิตจริงและฉันก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะพูด และก็บอกกับเธอฉันเองก็ยังสงสัยกับอะไรหลายๆอย่างที่คุณพ่อให้ฉันมาทำแบบนี้”
“คุณยังสงสัยกับคุณพ่อของคุณ แต่มินตรานี่สิ รู้สึกน้อยใจคุณแม่กับคุณพ่อของมินตราเหลือเกิน ทำไมเขาถึงยอมให้ลูกสาวของเขามาทำหน้าที่เมียขัดดอก”
“เขาอาจจะไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นก็ได้เธอคิดไปเองหรือเปล่า ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกมาเป็นเมียขัดดอก ทุกอย่างต้องมีเหตุผลและฉันสัญญานะว่าจะไม่ทำแบบนั้นกับเธอ”
“ขอบคุณ คุณมากๆเลยนะคะที่เมตตา”
“เดี๋ยวเราจะอยู่ด้วยกันแบบเป็นมิตรโอเคไหม”
“ค่ะ”แล้วรอยยิ้มของเธอก็ออกมาจริงๆ ผมรู้สึกดีใจนะ ที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ยิ้มได้ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ถึงรู้สึกผูกพันเหมือนกับเคยอยู่ด้วยกันมาก่อน แล้วหลังจากนั้นผมก็ขับรถจนมาถึงจุดมุ่งหมาย ที่คุณพ่อได้กำหนดไว้ ที่นี่เป็นบ้านพักต่างอากาศซึ่งเป็นบ้านสวน
“ทำไมมินตราถึงรู้สึกคุ้นๆที่นี่จัง”มินตราเธอพูดก่อนผมอีก ทั้งๆที่ความรู้สึกของผมก็เป็นแบบนั้น ผมเหมือนกับเคยมาอยู่ที่นี่แต่ก็จำไม่ได้
“ทำไมฉันก็รู้สึกแบบนั้น”ผมหันมองหน้ามินตรา และก็พูดออกไปเธอเองก็สงสัยจนคิ้วขมวดเข้าหากันผมว่ามันจะต้องมีอะไรสักอย่าง
“เหมือนมินตราเคยอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่ใช่อาจจะแค่บ้านหลังนี้เหมือนในทีวีมั้งคะ มินตราชอบดูละคร”
“อืม”
“สวัสดีค่ะ คุณหนู”มีแม่บ้านคนหนึ่ง เดินออกมาสวัสดีผมกับน้องมินตรา
“สวัสดีครับคุณพ่อ ให้ผมมาอยู่ที่นี่”
“เชิญเข้าบ้านค่ะ เดี๋ยวข้าวของป้าจะให้แม่บ้านออกมาเก็บนะคะ”
“ครับไปมินตราเข้าไปดูในบ้านกันเถอะ”
“ค่ะ”เมื่อผมพาน้องมินตราเข้ามาในบ้านบ้านหลังนี้ไม่ใหญ่มากเป็นบ้าน 2 ชั้นด้านหลังมีสระน้ำเล็กๆ สวนข้างหลังเป็นสวนมะม่วงเป็นธรรมชาติมากๆเลยแหละ ผมยิ่งมองไปด้านนอกยิ่งสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ และความรู้สึกเหมือนกับเคยอยู่ที่นี่ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ผมยืนดูธรรมชาติจนสะดุ้ง เพราะว่าเสียงมือถือของผมดังขึ้นนั่นเป็นคุณพ่อของผมโทรมาและผมก็ได้คุยกับท่านว่าผมถึงที่แล้ว