2.2 เป่าเป้ยรักเฮียเลิฟมั่ก ๆ
2 วันต่อมา
วันนี้ตั้งใจจะเข้าไปมหาวิทยาลัยหลังจากโดดเรียนมาหลายครั้ง เมื่อคืนปวินก็โทรมาด่าว่าถ้าไม่เข้าเรียนจะไม่ให้ยืมเลกเชอร์ แล้วก็จะไม่ทำรายงานให้ด้วย ทิชาจึงตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่เช้าตรู่แต่เพราะตื่นสายจนเคยชิน หนุ่มน้อยจึงปิดการแจ้งเตือนแล้วคลุมโปงนอนต่อ
ยังไม่ทันจะหลับลึกก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ยุ่มย่ามอยู่บนเตียง ทิชากะพริบตาอยู่ใต้ห่ม ก่อนจะค่อย ๆ เปิดแง้มออกมาดู แล้วก็พบว่ามีเด็กชายหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังนั่งยิ้มแฉ่งอยู่บนเตียงของเขา
“เฮ้ย!” ทิชาผุดลุกขึ้นแล้วถดกายหนีไปจนชิดหัวเตียง ดวงตากลมโตจ้องมองเจ้าสิ่งมีชีวิตที่คลานดุ๊กดิ๊กเข้ามาหาเขาอย่างตกใจ จะว่าเป็นลูกของคนรับใช้คนไหนก็ไม่มีใครมีลูกตัวเท่านี้นี่หว่า
“หวัดดีฮะเฮียเลิฟ”
หนูน้อยแก้มซาลาเปายื่นหน้าเข้ามาหาทิชา ดวงตาตี่ ๆ แต่สีเดียวกับเขาทอประกายสดใสราวกับดีใจที่ได้เจอกัน
“เป่าเป้ยลูก อย่ากวนเฮียนะ เฮียหลับอยู่”
“เฮียตื่นแล้วฮะปะป๊า”
“ตื่นแล้วเหรอเลิฟ”
ทิชามองเจ้าเด็กตัวเล็กที่ชัชชนเรียกว่าเป่าเป้ยตาค้าง อย่าบอกนะว่า…
“นี่เป่าเป้ย น้องชายของเลิฟ น้องอยากเจอเลิฟมากเลยนะ มาถึงปุ๊บก็รีบขึ้นมาหาเฮียเลย”
ชัชชนขยี้ผมลูกชายวัยสามขวบครึ่งอย่างเอ็นดู ทิชามองภาพนั้นอย่างอธิบายความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก มันวูบวาบสลับกับเจ็บหน่วง ๆ ตรงหัวใจ เพราะสายตาที่ผู้เป็นพ่อมอง ‘น้อง’ มันเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู เป็นสายตาที่เคยมีแค่ทิชาคนเดียวเท่านั้นบนโลกนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับมัน
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าชัชชนมีลูกคนใหม่ อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยสนใจและยังบล็อกทุกช่องทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ของพ่ออีกด้วย ยามที่คนรับใช้ในบ้านเริ่มกล่าวถึงครอบครัวใหม่ของพ่อ ทิชาก็จะแสดงอาการไม่พอใจจนไม่มีใครกล้าพูดให้ได้ยิน
ทิชาเลื่อนสายตามาจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มแก้มยุ้ยขาวจั๊วะเหมือนซาลาเปาราวกับเป็นของแปลกเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกันและรู้ว่าอีกฝ่ายมีตัวตน ดังนั้นทันทีที่หนูน้อยคลานขึ้นมาบนตัวแล้วจะกอดเขาราวกับคิดถึง ทิชาจึงสะบัดตัวออกจนหนูน้อยหงายหลัง
“แง้…”
“เป่าเป้ย!”
โชคดีที่ชัชชนช้อนอุ้มลูกชายตัวน้อยไว้ได้ทันก่อนที่จะกลิ้งตกจากเตียง
“เลิฟ! ทำไมทำกับน้องแบบนี้”
ชัชชนตำหนิลูกชายคนโตและสาธยายต่อเสียยืดยาวว่าเป่าเป้ยอยากเจอพี่ชายมากแค่ไหน ตั้งแต่หนูน้อยลืมตามาดูโลกชัชชนก็ป้อนข้อมูลว่าเป่าเป้ยมีพี่ชายอีกคนแต่เรียนอยู่ต่างประเทศ เมื่อปีก่อนที่เป่าเป้ยเริ่มรู้ความ เด็กน้อยก็เอาแต่ดูรูปพี่ชายในอินสตาแกรม ทิชาเป็นเหมือนต้นแบบที่เป่าเป้ยมักจะเลียนแบบท่าทางและไลฟ์สไตล์สุดชิลเป็นตัวของตัวเอง แถมยังเฝ้ารอคอยให้ถึงวันที่ปะป๊าจะพามาหาเฮียเลิฟตามสัญญา
“ฮึก ๆ ปะป๊าอย่าดุเฮีย” หนูน้อยห้ามพ่อ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังเช็ดน้ำตาป้อย ๆ ที่ร้องไห้เพราะตกใจ แต่พอหายตกใจก็หยุดร้องทันที
ทิชาทะลึ่งพรวดลงจากเตียงแล้วพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูกั้นระหว่างตัวเองกับผู้เป็นพ่อที่อุ้มลูกใหม่อยู่ในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม ปกติเขาก็ไม่ได้เกลียดเด็กหรอกนะออกจะเอ็นดูด้วยซ้ำ ยิ่งเด็กที่หน้าตาน่ารักอย่างเจ้าเด็กเป่าเป้ยนั่น แต่ทันทีที่รู้ว่าเป็นลูกของลิลลี่ ผู้หญิงที่แย่งความรักจากชัชชนไปจนลืมเขากับแม่ ทิชาก็พานไม่ชอบหน้าเจ้าเด็กน่ารำคาญนั่นไปด้วย
“เฮียเป็นอะไรฮะปะป๊า เฮียโกรธเป่าเป้ยเหยอ?”
“เฮียเขาเพิ่งตื่นน่ะลูกก็เลยหงุดหงิดนิดหน่อยเหมือนตอนเป่าเป้ยตื่นใหม่ ๆ ไง ไม่โกรธเฮียนะลูก”
“เป่าเป้ยไม่โกรธฮะ เป่าเป้ยรักเฮียเลิฟมั่ก ๆ”
ทิชารีบออกจากบ้านโดยไม่ทักทายชัชชนแม้แต่คำเดียว เขาเดินผ่านลิลลี่ที่กำลังสั่งงานคนรับใช้ เธอส่งยิ้มมาให้และพยายามจะเข้ามาทักทาย แต่ทิชาก็มองผ่านเหมือนเธอเป็นอากาศ
เชอะ! มาถึงก็เจ้ากี้เจ้าการทำตัวเป็นนายหญิงของตรีวานิชย์ น่าหมั่นไส้!
หนุ่มน้อยในชุดนักศึกษาขับรถออกมาจากบ้านหลังใหญ่ด้วยความเร็ว ชัชชนที่มองตามท้ายรถของลูกชายได้แต่ส่ายหน้าระอา แต่ในใจก็หนักอึ้งเพราะทิชาไม่ยอมรับลิลลี่กับเป่าเป้ย
ลิลลี่เดินเข้ามาหา บีบมือสามีเพื่อให้กำลังใจ
“ให้เวลาแกหน่อยเถอะค่ะ”
“สี่ปีแล้วนะคุณ เขาควรจะมีเหตุผล ไม่ใช่ทำตัวเป็นเด็กไม่ยอมโตแบบนี้” คืนก่อนทิชาก็เพิ่งไปก่อกวนที่กาสิโน โจโทรมารายงานเขา โชคดีที่เควินไม่ถือสาแต่ชัชชนก็เกรงใจเพราะมันหลายครั้งหลายคราแล้วที่ทิชาเข้าไประรานเควิน
“ให้เฮียคิงส์ช่วยดีมั้ยคะ” ลิลลี่เสนอเพราะเควินต้องปกครองคนมากมาย ตระกูลฝั่งแม่ของเควินซึ่งเป็นป้าของเธอเป็นตระกูลมาเฟียเก่าแก่ของฮ่องกง แม้ปัจจุบันจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากการทำธุรกิจสีดำสู่สีขาว แต่เบื้องหลังก็ยังกุมอำนาจหลายอย่าง คนในแวดวงธุรกิจฮ่องกงจึงขนานนามตระกูลนั้นว่าเป็นพวกสีเทา เควินจึงมีทักษะในเรื่องของการจัดการกับคนตามวิถีของมาเฟีย
“จะไม่รบกวนพี่ชายคุณเกินไปเหรอ แค่ที่ผ่านมาผมก็รบกวนเขามากเกินไปแล้ว” ชัชชนเกรงใจเควินจริง ๆ เพราะที่อีกฝ่ายช่วยซื้อกิจการที่กำลังจะเจ๊งในราคาที่ไม่รู้ว่าจะคืนทุนเมื่อไร แล้วยังช่วยปูทางธุรกิจที่ฮ่องกงให้จนมันเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ชัชชนก็ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรแล้ว หากยังเอาลูกชายเจ้าปัญหาไปให้เป็นภาระอีก เห็นทีเควินคงตัดขาดความเป็นญาติกับลิลลี่ก็คราวนี้
“ลี่จะลองคุยกับเฮียคิงส์ดูค่ะ”
แต่ลิลลี่ก็ยืนกรานอยากให้เควินช่วยจัดการ เพราะหากมันสำเร็จก็เป็นประโยชน์กับเธอและลูกโดยตรง เธอเองก็ไม่สบายใจที่เป็นสาเหตุให้ทิชาเข้าใจว่าตัวเองถูกแย่งความรัก เธออยากจะอธิบายแต่ลูกติดสามีก็ไม่เคยให้โอกาสหรือเปิดใจที่จะรับฟัง มาถึงวันนี้ที่เป่าเป้ยคาดหวังในตัวทิชาในฐานะพี่ชาย เธอก็สงสารลูก ถ้าถูกทิชาเกลียด เป่าเป้ยคงเสียใจ