ตอนที่ 9 นายถูกไล่ออกแล้ว
นาย!
จินอวี้หรงสีหน้าโกรธเคือง เธอไม่คิดว่าเย่ฉางชิงจะเปลี่ยนไปจนน่าโมโหขนาดนี้
ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!
"ยีหมิงยกให้เป็นหน้าที่ของคุณเลยค่ะ!"
หวังยีหมิงพยักหน้า "อวี้หรง ไม่ต้องโมโห โกรธกับคนไร้น้ำยาแบบนี้ ทำร้ายสุขภาพจิตของตัวเองเสียเปล่า คุณยืนดูอยู่ข้างๆ ผมจะสั่งสอนมันเอง!"
จินอวี้หรงพยักหน้าตอบ แล้วเดินไปยืนอยู่ข้างๆ
หวังยีหมิงถอดนาฬิกาข้อมือออก แล้วส่งให้จินอวี้หรงจากนั้นก็เริ่มม้วนแขนเสื้อขึ้นช้าๆ
"เย่ฉางชิงนายมันก็เป็นแค่คนไร้น้ำยา ยื้อผู้หญิงของตัวเองไม่อยู่ แล้วไประบายอารมณ์ใส่น้องเขยแทน
ขอโทษอวี้หรงซะ!
ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะทำให้นายอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่!"
เย่ฉางชิงเห็นท่าทีระหว่างหวังยีหมิงกับจินอวี้หรงเขาก็พอจะเข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองคน "อย่างนายเนี่ยนะ?"
หวังยีหมิงขมวดคิ้วแน่น "นายยังไม่ยอมแพ้อีก?
คนไร้น้ำยาก็คือคนไร้น้ำยา ไม่ประเมินตนเอาเสียเลย ได้ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน
ฉันจะให้นายได้รู้ ว่าหมัดที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดในโลกเป็นยังไง
เดี๋ยวตอนถูกต่อย นายอย่ามาคุกเข่าขอความเมตตาล่ะ!"
ดวงตาของเย่ฉางชิงมีประกายไฟลุกโชน ฝ่ายตรงหน้าตั้งท่าต่อสู้แบบเปิด นี่คือกระบวนตั้งท่าของมวยไทย!
มวยไทยมีท่าต่อสู้สี่แบบ เขาตั้งท่าท่าแบบเปิด นี่เขาไม่เคารพคู่ต่อสู้เลย
หวังยีหมิงเห็นเย่ฉางชิงยังยืนนิ่ง จึงพูดอย่างเยาะเย้ย "นายกลัวแล้วใช่ไหม!
สายไปแล้ว วันนี้ฉันจะทำให้นายร้องไห้หาพ่อแม่เลย!!"
พอพูดจบ หวังยีหมิงก็ยกขาขึ้นมาเตะไปที่แก้มของเย่ฉางชิงอย่างรวดเร็ว
แรงขาที่ใช้เตะแรงมาก อีกทั้งยังรวดเร็วราวลมกรด
ตรงหน้าคือขาของอีกฝ่ายกำลังจะเตะไปที่หน้าของเย่ฉางชิงแล้ว
แต่ทันใดนั้น...
เย่ฉางชิงเตะออกไป รวดเร็วราวกับสายฟ้า และตรงเข้าที่หน้าท้องของหวังยีหมิงพอดี
ตึง~
หวังยีหมิงเหมือนกระสอบทราย ถูกเตะจนปลิวไปไกลกว่าสามเมตร ก่อนจะตกลงพื้นอย่างแรง
ผ่านไปได้สักพัก เขาถึงได้ค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาเหยเกด้วยความเจ็บปวด ต้องใช้เวลานานกว่าจะดีขึ้น “คิดจะโจมตีแบบไม่ให้ตั้งตัวใช่ไหม!
เจ้าเล่ห์มาก ถ้าวันนี้ฉันไม่กระทืบนายให้หมดสภาพ ฉันก็ไม่ขอชื่อหวังยีหมิงแล้ว”
ครั้งนี้เขาระวังตัวให้รอบคอบมากขึ้น เขาค่อยๆ เข้าใกล้เย่ฉางชิงพอเห็นเย่ฉางชิงไม่ระวังตัว เขาก็พุ่งเข้าไปพร้อมกับตีศอกเข้าที่ใบหน้าของเย่ฉางชิง
ครั้งนี้หวังยีหมิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เหมือนเสือที่พุ่งเข้าไปใส่เหยื่อ!
ตึง~
เย่ฉางชิงเตะเข้าที่หน้ท้องของหวังยีหมิงอีกครั้ง
ร่างที่สูงใหญ่กลับถูกเตะจนปลิวออกไปด้วยความเร็วที่มากกว่าพุ่งเข้ามา
ก่อนจะตกลงพื้นอย่างแรง
หวังยีหมิงกุมหน้าท้องตัวเองแน่น เขารู้สึกเจ็บจนเหงื่อออกเต็มหน้าผาก แล้วมองไปที่เย่ฉางชิงด้วยความตกใจ “นี่...นาย...นายจะเก่งกว่าฉันไปได้ยังไง?
ที่ฉันเรียนมาคือมวยไทยแบบต้นฉบับเลยนะ
เป็นศาตร์วิชาที่ขึ้นชื่อว่ามีความรุนแรงที่สุดในบรรดาประเภทมวยทั้งหมด”
เย่ฉางชิงมองหวังยีหมิงด้วยสายตาที่เฉียบคม “บนโลกใบนี้ไม่มีมวยที่แข็งแกร่งที่สุด มีแต่คนที่แข็งแกร่งที่สุด นายหลบไม่พ้นการเตะของฉันทั้งสองครั้ง! กระจอกมาก!”
หวังยีหมิงเจ็บจนหน้าตาบิดเบี้ยว อยากจะเถียงกลับ แต่พอเห็นสายตาของเย่ฉางชิง
เขาก็พูดได้แค่คำเดียว แล้วก็กลืนคำพูดที่อยู่จะพูดต่อกลับลงคอไป
จินอวี้หรงมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าตกใจหวังยีหมิงเรียนมวยไทยมาตั้งแต่เด็ก และเขายังเคยได้รางวัลในการแข่งขันด้วย
เขาถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแน่นอน
เมื่อก่อนเย่ฉางชิงไม่เคยต่อสู้กับใครมาก่อน เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
นี่คือเย่ฉางชิงคนเดิมหรือเปล่า?
เย่ฉางชิงเดินไปตรงหน้าหวังยีหมิง ก่อนจะยกเท้าขึ้นเหยียบที่หน้าอกของหวังยีหมิงพร้อมกับเอ่ยพูด "เมื่อกี้นายบอกว่าจะทำให้ฉันคุกเข่าขอร้องนายใช่ไหม?"
หวังยีหมิงถูกเหยียบหน้าอกจนหายใจแทบไม่ออก ใบหน้าของเขาแดงก่ำ "นาย... นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันเป็นคนของตระกูลหวัง... คุณ... โอ๊ย... เจ็บจะตายอยู่แล้ว"
จินอวี้หรงที่อยู่ด้านข้างรีบพูดขึ้นมา "เย่ฉางชิงนายจะทำอะไร? นายจะฆ่าคนหรือไง! นายรู้ถึงผลที่ตามมาทีหลังไหม?
นายกำลังสร้างปัญหาใส่ตัวเอง!"
ตึง~
เย่ฉางชิงเตะที่ศีรษะของหวังยีหมิง ทำให้เขาสลบไปทันที
ก่อนจะมองไปที่จินอวี้หรงที่กำลังตกใจจนพูดไม่ออก "มายุ่งกับผม ถือเป็นการสร้างปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเขา!"
เย่ฉางชิงยืนสง่า สีหน้าของเขาเย็นชา
เขายืนเหยียบหน้าอกหวังยีหมิงที่กำลังสลบอยู่ใต้เท้า
ท่าทีของเขานั้น
ทำให้ไม่มีใครกล้ามองตรงๆ
จินอวี้หรงมองเย่ฉางชิงในใจตกใจเป็นอย่างมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเย่ฉางชิงในรูปแบบนี้
เธอเองก็ยังรู้สึกหวาดกลัว
นี่ใช่เย่ฉางชิงที่อ่อนแอ ใจดี และยอมทำตามคำสั่งของเธอทุกอย่างคนนั้นเหรอ?
เมื่อก่อนเธอแค่ร้องไห้เล็กน้อย พูดขอร้องด้วยเสียงหวาน เย่ฉางชิงก็ยอมที่จะติดคุกแทนเธอ
พูดได้เลยว่าเขายอมทำตามคำสั่งเธอทุกอย่าง
ตอนนี้เธอเห็นเย่ฉางชิงเธอก็รู้สึกหวาดกลัวมาก
ห่างออกไปไม่ไกล มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์ และเห็นเย่ฉางชิงที่ยืนอยู่ถัดไปไม่กี่คันรถ เขาตะโกนเรียก "นายคือเย่ฉางชิงใช่ไหม?"
เย่ฉางชิงเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามยืนถัดไปหลายคันรถ จึงมองไม่เห็นว่าเท้าของเขากำลังเหยียบอยู่บนร่างของหวังยีหมิงอยู่ จึงตอบรับ "ใช่ ผมคือเย่ฉางชิงคุณคือ?"
อีกฝ่ายกวักมือเรียกเย่ฉางชิง"ฉันชื่อหลิวหย่วนชาน เป็นผู้จัดการแผนก"โลจิสติกส์ นายคือคนขับรถที่เพิ่งมาใหม่วันนี้ใช่ไหม?
นายมานี่ มาเขียนแบบฟอร์มใบสมัคร เตรียมรูปถ่ายกับสำเนาบัตรประชาชนมาด้วย
เดี๋ยวฉันจัดการลงทะเบียนเข้างานให้"
อ่อ~
เย่ฉางชิงยกขาขึ้นจากร่างของหวังยีหมิง แล้วมองไปทางจินอวี้หรงด้วยสายตาเย็นชา "อย่ามายุ่งกับผมอีก!"
จินอวี้หรงเซถอยหลังด้วยความตกใจ
เย่ฉางชิงเดินอ้อมรถยนต์ไปที่ประตูลิฟต์ "ผมไม่ได้เอารูปถ่ายมาด้วย"
หลิวหย่วนชานชี้ไปที่ชั้นบน "ที่ชั้นบนมีห้องถ่ายเอกสาร สามารถพิมพ์รูปถ่ายได้ ถ้ามีรูปในโทรศัพท์ก็ใช้ได้แล้ว
เร็วเข้า เตรียมเอกสารให้พร้อม แล้วเอาไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของฉัน"
เย่ฉางชิงตอบรับแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์
จินอวี้หรงเห็นฉากนี้ ในใจของเธอยังคงตกตะลึงอยู่
คนขับรถ?
เธอนึกว่าเย่ฉางชิงได้ดีแล้ว ที่แท้ก็เป็นแค่คนขับรถนี่เอง
คิดไปคิดมาก็เข้าใจได้ เย่ฉางชิงเพิ่งออกจากคุก ก็แค่ไอ้ขี้คุกคนหนึ่ง จะทำธุรกิจก็คงไม่มีใครอยากร่วมงานด้วย
อีกทั้งเย่ฉางชิงก็ยังไม่มีทุน
หางานทั่วไป บริษัทส่วนใหญ่ก็ไม่รับคนที่มีประวัติอาชญากรรมเข้างาน
คงมีแต่ตำแหน่งคนขับรถที่เงินเดือนต่ำถึงได้ไม่ต้องมีคุณสมบัติอะไรมาก
แต่เป็นแค่คนขับรถธรรมดา กล้าทำร้ายหวังยีหมิง นี่ไม่ใช่กำลังหาที่ตายเหรอ?
แค่กแค่กแค่ก~
หวังยีหมิงกระแอมไอออกมาสองสามครั้ง แล้วลุกขึ้นนั่ง เขากุมหน้าอกที่กำลังเจ็บมาก พอเห็นว่าเย่ฉางชิงเดินจากไปแล้ว
เขาลุกขึ้นมาถามจินอวี้หรง“เย่ฉางชิงล่ะ?
ผมจะฆ่าเขาให้ตาย เดี๋ยวผมโทรเรียกลูกน้องเดี๋ยวนี้เลย ไม่เช่นนั้นความแค้นที่อัดแน่นอยู่ในใจคงไม่สงบลง”
จินอวี้หรงกังวลใจเล็กน้อย “แต่ที่นี่คือเฟิงเหนียน กรุ๊ปนะคะ ถ้าเรื่องมันใหญ่ขึ้นมา แล้วทำให้เฟิงเหนียน กรุ๊ปไม่พอใจ มันไม่คุ้มค่าเลยนะคะ”
เธอยังคิดถึงการเจรจาร่วมธุรกิจกับจ้าวชิวเยญ นี่เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของบริษัทฉางชิง
หวังยีหมิงรู้สึกไม่พอใจ “หรือคุณจะให้ผมกลืนความอับอายนี้ไว้เอง?”
ผู้ชายไร้น้ำยาที่ถูกเขาแย่งผู้หญิงมาได้ ก็เป็นแค่ขยะในสายตาของเขา แต่เขากลับแพ้ให้กับคนแบบนี้ เขารับไม่ได้
จินอวี้หรงยกยิ้มแล้วพูด “ฉันจะปล่อยให้คุณเสียเปรียบได้ยังไง ฉันมีข่าวดีจะบอกคุณ
เขาทำงานเป็นคนขับรถของเฟิงเหนียน กรุ๊ปดูเหมือนเขาเพิ่งเข้าทำงานวันนี้วันแรก คุณมีคนรู้จักทำงานอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ?
การตะไล่คนที่มีประวัติอาชญากรรมออกจากงาน คงไม่ใช่เรื่องยากหรอกจริงไหมคะ!”
หวังยีหมิงชะงักไปเล็ฝ่ายกน้อย เขาทำงานเป็นคนขับรถที่นี่อย่างนั้นเหรอ?
ผมรู้จักหลิวหย่วนชานผู้จัดการฝ่ายโลจิสติกส์ของที่นี่ พวกคนขับรถอยู่ภายใต้การดูแลของเขา
แค่พูดคำเดียวก็ทำให้เขาตกงานได้แล้ว
วันนี้ถึอเป็นการให้บทเรียนบ้าง
เย่ฉางชิงเลือกรูปถ่ายในโทรศัพท์ แล้วพิมพ์ออกมา จากนั้นเขาก็ถ่ายเอกสารสำเนาบัตรประชาชน แล้วถือไปที่ห้องทำงานของหลิวหย่วนชาน
สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจคือเห็นจินอวี้หรงกับหวังยีหมิงเดินออกมาจากห้องทำงานนั้น
หวังยีหมิงเห็นเย่ฉางชิงเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เย่ฉางชิงนายถูกไล่ออกแล้ว
การทำให้นายตกงาน เป็นแค่ดอกเบี้ยที่ฉันเรียกเก็บจากเรื่องของวันนี้
บัญชีความแค้นของพวกเรา ฉันจะเคลียร์บัญชีกับนายช้าๆ !”
เย่ฉางชิงอยากจะขวางหวังยีหมิงไว้ แต่ถูกหลิวหย่วนชานเรียกได้เสียกัน “เย่ฉางชิงนายเข้ามานี่!
ฉันมีเรื่องจะถามนาย!”
เย่ฉางชิงมองหวังยีหมิงและจินอวี้หรงเดินจากไป เขาเดินเข้าไปในห้องทำงานช้าๆ “ผู้จัดการหลิว ผมพิมพ์รูปถ่ายมาแล้ว สำเนาบัตรประชาชนก็เอามาแล้วด้วย ต้องทำยังไงต่อ?”
หลิวหย่วนชานนั่งอยู่บนเก้าอี้หมุน เขามองเย่ฉางชิงด้วยสายตาเรียบนิ่ง “มีคนมาแจ้งว่านายมีประวัติอาชญากรรม นายกล้ามากนะ มีประวัติอาชญากรรมแล้วยังกล้ามาสมัครงานที่เฟิงเหนียน กรุ๊ปนายคิดว่าเฟิงเหนียน กรุ๊ปคือที่ไหนกัน?ไม่ต้องทำเรื่องเข้าทำงานแล้ว นายไม่คู่ควรที่จะทำงานในเฟิงเหนียน กรุ๊ป!”