บทที่5 ของปลอมชั้นเลิศสามแสนกว่า
บทที่5 ของปลอมชั้นเลิศสามแสนกว่า
ฟังสิ่งที่จ้าวเมิงเมิงพูด ลู่เสี้ยงหยางไม่ได้แสดงอาการอะไร เห็นแก่หยางชาว เขาขี้เกียจจะอธิบายกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยของลู่เสี้ยงหยาง จ้าวเมิงเมิงก็ยิ่งไม่พอใจ อยากจะเหยียบลู่เสี้ยงหยางซ้ำ ครั้งนี้เธอจึงหันไปพูดกับหลี่หย่าหรู “หย่าหรู ในเมื่อเธอในตอนนี้ไม่ได้รีบร้อนหาแฟน รอเธอเข้าหยูเม่ยหยินกรุ๊ป เธอก็จะได้เจอกับคุณชายระดับสูงในเมืองปินเหอของเรา ถ้าโชคดี อาจได้เจอกับคนในตระกูลลู่จากเมืองหลวง"
ใครก็ตามที่พอมีความรู้ต่างรู้ดี เบื้องหลังหยูเม่ยหยินกรุ๊ปคือตระกูลลู่
เพียงแค่หลี่หย่าหรูสามารถติดต่อกับคนระดับสูงในหยูเม่ยหยินกรุ๊ปได้ ก็ต้องได้รู้จักคนในตระกูลลู่
“ฉันก็คิดอย่างนั้น” หลี่หย่าหรูมองข้ามลู่เสี้ยงหยางไป แสดงความตื่นเต้นอย่างมาก ถ้าได้รู้จักคนในตระกูลลู่จากเมืองหลวง ทั้งชีวิตนี้เธอก็เหมือนได้อยู่ในระดับสูงลับฟ้า
ตระกูลลู่จากเมืองหลวงยิ่งใหญ่แค่ไหน? เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นสูงยักษ์ใหญ่ของประเทศ ทรัพย์สินทะลุแสนล้าน
“อ้อ” จ้าวเมิงเมิงพูดเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ถอนหายใจออกมา ในใจรู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อย หลี่หย่าหรูยังมีความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด แต่เธอได้ลงหลักปักฐานไปแล้ว
แฟนหนุ่มของเธอหยางชาวไม่ได้มีภูมิหลังที่น่าสนใจอะไร ยิ่งไม่มีกำลังสนับสนุน ครอบครัวมีโรงแรมห้าดาว ทรัพย์สินหลายสิบล้าน ถึงต่อไปหยางชาวสืบทอดกิจการของครอบครัว แต่ก็ยังมีมูลค่าแค่หลักสิบล้าน
ไม่นาน เพื่อนคนอื่นก็ทยอยเข้าห้องคาราโอเกะ
งานเลี้ยงวันเกิดดำเนินไปถึงสี่ทุ่มกว่าถึงสิ้นสุด ตอนลู่เสี้ยงหยางขี่มอไซค์คันเล็กกลับถึงบ้านก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว เย่สวนกับหลิวจิ้งต่างก็เป็นสาวงาม ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณ พวกเธอจึงไม่เคยนอนดึก ปกติสี่ทุ่มกว่าก็เข้านอนแล้ว
ลู่เสี้ยงหยางเดินย่องไปถึงห้องนอนของเย่สวน ตอนที่ล้างหน้าอยู่ในห้องน้ำ ก็เหลือบไปเห็นชุดชั้นในหลากหลายแบบของเย่สวน จิตใจเต้นแรงสั่นไหว
หลังจากเอนตัวนอนลงบนพื้น เย่สวนก็พลิกตัว ขาเรียวยาวข้างหนึ่งโผล่ออกมาจากผ้าห่ม ทั้งยังมองเห็นร่องใต้กระโปรงที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“โอ้ย...แม้เจ้า! นี่มันของดีจริงๆ” ลู่เสี้ยงหยางนอนมองความเร่าร้อน อีกนิดเดียวก็จะฝ่าฝืนกฎแล้ว
เช้าวันที่สอง ลู่เสี้ยงหยางที่ยังคงสะลึมสะลือก็ถูกเย่สวนปลุกให้ตื่น
เย่สวนบอกว่าเมื่อคืนเธอมีสังสรรค์ที่บริษัท ดื่มเหล้าไป ไม่ได้ขับรถกลับมา เช้าวันนี้จะให้ลู่เสี้ยงหยางไปส่งเธอที่บริษัท
ลู่เสี้ยงหยางตอบตกลงทันที เขารีบล้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วจัดเตรียมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไว้พร้อม
กลัวเย่สวนจะโมโหถ้าเขาช้า ลู่เสี้ยงหยางจึงเร่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสุดแรง
เย่สวนทั้งตกใจทั้งโมโห ปากด่าว่าไอ้บ้าคนนี้ไม่หยุด แต่มือทั้งคู่ก็กอดเข้าที่เอวของลู่เสี้ยงหยางไว้แน่น
ลู่เสี้ยงหยางจิตใจพองโต ขยับตัวอย่างไม่สุภาพ ใช้หลังของเขาถูไถต่อหน้าเย่สวน
ยี่สิบนาทีหลังจากนั้น ลู่เสี้ยงหยางกับเย่สวนก็มาถึงชิงสุยกรุ๊ป ชิงสุยกรุ๊ปแห่งนี้คือบริษัทของเย่สวน
เย่สวนกระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซค์ใบหน้าขาดสีสัน จ้องไปที่ลู่เสี้ยงหยางอย่างดุดันแล้วเดินเข้าบริษัทไป
แล้วในจังหวะนั้น รถเฟอร์รารี่สีแดงสดก็มาหยุดอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของลู่เสี้ยงหยาง ประตูรถเปิดออก ชายพุงโตคนหนึ่งก้าวออกมาจากรถ ทั้งตัวมีแต่ของแบรนด์เนม
เขาไม่ใช่ใครอื่น เป็นจางติ่งเทียนที่ก่อนหน้านี้คิดหาวิธีที่จะได้หลับนอนกับเย่สวน สุดท้ายถูกลู่เสี้ยงหยางทำเสียเรื่อง เขาไม่พอใจมาตลอด วันนี้จึงได้มาที่นี่
จางติ่งเทียนมองไปที่จักรยานยนต์ไฟฟ้าของลู่เสี้ยงหยางอย่างรังเกียจ ในใจโกรธแค้นมาก
เมื่อกี้เขาพึ่งเห็นอย่างชัดเจน เย่สวนสาวงามในฝันลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั่น
“แม่ง ขยะอะไร? นี่มันของเล่นที่พวกกระจอกเล่นกันล่ะสิ จอดไว้ตรงนี้มันขวางทางฉัน” จางติ่งเทียนเปิดปากด่าไปหนึ่งที ยกขาขึ้นถีบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าล้มไปกองกับพื้น
ลู่เสี้ยงหยางทุบปอร์เช่ของเขาไปก่อนหน้านี้ หนี้แค้นนี้เขายังไม่ได้ชำระกับลู่เสี้ยงหยาง
เห็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของตนลงไปกองกับพื้น ลู่เสี้ยงหยางก็ขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้เขาทุบรถปอร์เช่ของไอ้บ้านี่ วันนี้เปลี่ยนมาขับรถเฟอร์รารี่ คิดว่าเขาไม่กล้าทุบรถเฟอร์รารี่อีกคันหรอ?
“อ้าว โทษที โทษที เมื่อกี้ฉันมองไม่เห็น เตะสมบัติล้ำค่าของแกล้มไปกองกับพื้นซะแล้ว” หลังจางติ่งเทียนถีบรถมอไซค์ของลู่เสี้ยงหยาง ก็ยิ้มเยาะใส่เขาอย่างประชดประชัน
ความเย็นยะเยือกผุดขึ้นในตาของลู่เสี้ยงหยาง เขาอดทนกับไอ้งี่เง่านี่มานานแล้ว วันนี้ต้องใส่สีให้มันให้ได้คอยดู
“หึหึ” จางติ่งเทียนเห็นว่าลู่เสี้ยงหยางไม่มีอาการอะไร ก็คิดว่าเขายังคงเป็นไอ้สวะคนเดิม จึงเอนตัวไปกระซิบข้างหูของลู่เสี้ยงหยาง “ของไร้ประโยชน์ของแกโดนคนอื่นทำลาย แกยังนิ่งเลย แกกับเย่สวนแต่งงานกันมาแล้วสามปี ยังไม่เคยได้แตะต้องเธอ? ฮ่าฮ่า แกวางใจ อีกไม่นาน ฉันจะพาเธอไปไว้บนเตียงฉัน ให้เธอบริหารเสน่ห์อยู่ข้างกายฉันให้เต็มที่ สำหรับแกใบชำระหนี้ปอร์เช่ของฉัน ฉันได้คิดบัญชีกับแกแน่”
พูดจบ จางติ่งเทียนก็ไม่ได้สนใจลู่เสี้ยงหยางอีกต่อไป เดินผ่านตัวเขาไปหาเย่สวน
“ทำไมเป็นคุณอีกแล้ว?” เย่สวนปั้นหน้า แล้วถามจางติ่งเทียนนิ่งๆ
ก่อนหน้านี้เธอตกลงที่จะเจรจากับจางติ่งเทียน นั่นเป็นเพราะจำเป็นต้องใช้เงินทุนจากจางติ่งเทียนอย่างเร่งด่วน แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว ดังนั้นพอเห็นหน้าเขาจึงขุ่นเคืองเล็กน้อย
จางติ่งเทียนแสะยิ้ม หยิบกล่องสวยหรูออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เปิดฝากล่องออก ข้างในเป็นสร้อยคอสีฟ้าไพลินแวววาว
ทันใดนั้น ดวงตาของเย่สวนก็หรี่ลง เธอจำสร้อยคอเส้นนั้นได้เพียงพริบตา
จูบแห่งเทพธิดา!
จูบแห่งเทพธิดาถูกทำขึ้นเมื่อ100ปีก่อนในอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน สร้อยคอเส้นนี้ได้รับการออกแบบโดยแอนนี่นักออกแบบประจำราชวงศ์ ในเวลานั้นพระราชินีกำลังจะฉลองครบรอบวันเกิดปีที่80ของเธอ จูบแห่งเทพธิดาเส้นนี้มีความหมาย พระราชินีคือผู้โชคดีที่ได้รับจุมพิตจากเทพธิดา จะอายุยืนร้อยปี อ่อยเยาว์ตลอดกาล
ว่ากันว่าจูบแห่งเทพธิดานี้ในเวลานี้มีทำขึ้นมาเพียงแค่สองเส้น เรียกได้ว่าหาได้ยาก ตอนนี้ถ้าเอาสักเส้นไปประมูลมีมูลค่าสูงถึงร้อยล้าน
เย่สวนมองไปที่จางติ่งเทียนอย่างไม่อยากเชื่อ สีหน้าซับซ้อน คิดไม่ถึงว่าจางติ่งเทียนจะมีจูบแห่งเทพธิดาอยู่จริง
ถึงแม้จูบแห่งเทพธิดาเส้นนี้จะน่าอึดอัดเล็กน้อย
เมื่อก่อนเธอมักจะพูดกับเพื่อนของเธอไป๋สู้สู้ จากนี้ถ้าใครสามารถนำจูบแห่งเทพธิดามาให้เธอได้ เธอจะพิจารณาที่จะแต่งงานกับเขา
แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นจางติ่งเทียน
“สวนสวน ผมฟังมาจากสู้สู้ รู้ว่าคุณชอบสร้อยคอเส้นนี้ ผมจึงใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้สร้อยเส้นนี้มา” จางติ่งเทียนพูดอย่างจริงจัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“หึหึ แค่ดูก็รู้ว่าของปลอม แกคิดจะมาหลอกเมียฉัน คนอย่างแกนี่ไม่รู้จักหยุด ไม่อายบ้างหรือไง?” แต่ในขณะที่เย่สวนยังคงซาบซึ้ง ลู่เสี้ยงหยางก็ยืนขึ้นทันที แล้วดึงสร้อยคอของจางติ่งเทียนมา
จางติ่งเทียนทั้งโกรธทั้งโมโห นี่เป็นสร้อยคอชั้นเลิศแน่นอน
“ใช่ ฉันยอมรับว่านี่เป็นของปลอม แต่ทำขึ้นอย่างประณีต ฝีมือช่างชั้นหนึ่ง ผมใช้เงินไปกว่าสามแสนถึงซื้อมันมาได้” จางติ่งเทียนพูดกับเย่สวน
เย่สวนมึนงง สีหน้าซาบซึ้งหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว เพียงแค่พูดอย่างเย็นชา “ขอบคุณค่ะ ช่างใจดี”
หันตัวเดินเข้าบริษัทไป ส่วนจูบแห่งเทพธิดาเส้นนั้น ยังไม่แม้แต่จะหันไปมองซ้ำ
“เห็นรึยัง เมียฉันไม่ชอบของปลอม” ลู่เสี้ยงหยางยิ้มเยาะพร้อมโยนสร้อยก๊อปเกรดเอสามแสนกว่าในมือลงถังขยะ