บทที่ 3
เพทหันขวับไป และได้เห็นว่าแท้ที่จริงแล้วเขายืนอยู่ไม่ห่างจากเธอเลย ใกล้พอที่จะได้ยินคำพูดของเธอทุกคำเสียด้วยซ้ำ แต่เธอก็พยายามกลั้นความโกรธไว้
“อ๋อ...ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณ”
“ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่บอกผมได้นะ” เดนตอบกลับมาอย่างเจตนา แต่ดวงตาของเขาเยือกเย็นราวน้ำแข็ง
ครั้งนี้เพทรออยู่จนเมื่อแน่ใจว่าเขาได้เดินออกไปจากห้องเครื่องดื่มแล้ว จึงได้หันกลับมาและเห็นทุกคนกำลังมองมาทางเธอเป็นเชิงตำหนิ เพทรู้ว่าตัวเองเอาความอคติเข้ามาเป็นที่ตั้ง จึงทำให้ตอบโต้เขาออกไปเช่นนั้น
“คุณน่ะหาเรื่องยุ่งใส่ตัวเองแท้ๆ” ชาร์ลีเอ่ยขึ้นก่อน
“ก็เขาอยากมายั่วฉันทำไมล่ะ” เพทระบายความขุ่นเคืองออกมาทางลมหายใจ
“อันที่จริงเราก็เห็นอยู่เหมือนกัน” คนอื่นๆพูดอย่างยอมรับ
การปรากฏตัวของเดนได้ผลตามที่เขาต้องการ ทุกคนต่างยกแก้วของตนขึ้นดื่มจนหมด กดบุหรี่ที่ยังเหลือลงในที่เขี่ย เมื่อเรียบร้อยแล้วต่างคนต่างก็เลื่อนเก้าอี้ที่นั่งออก
แม้เธอไม่อยากจะคิดว่าตัวเองกำลังทำตามคำสั่งของเดน คิงสตัน แต่เพทก็พยายามทำตามทุกคนในกลุ่มที่กำลังพากันเดินออกจากห้องนั้น
“นอนคนเดียวสบายไปเลยนะ เพท” ชาร์ลีเอ่ยขึ้น “คุณคงไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองน่ะโชคดีมาก ผมน่ะต้องนอนกับแอนดี้ นอนกรนอย่างกับรถไฟแน่ะ”
“นั่นน่ะยังไม่ร้ายเท่ากับใช้ห้องน้ำร่วมกับลอนหรอกน่า” โจพูดปนหัวเราะ “ไอ้หมอนั่นลืมตาตื่นขึ้นมาก็หวีผมเลย หวีทีเป็นชั่วโมงๆด้วยนะ”
เมื่อทุกคนเดินมาถึงทางแยกภายในตึก เพทก็มุ่งหน้าไปทางซ้ายขณะที่คนอื่นๆเลี้ยวไปทางขวา
“แยกกันตรงนี้นะ ราตรีสวัสดิ์ทุกคน” เธอบอก
“อ้าว...แล้วนั่นคุณจะไปไหนล่ะ” ลอนหยุดชะงัก ไม่สนใจที่จะกล่าวคำอำลากับเพท
“ก็ห้องฉันไปทางนี้นี่” เธออธิบาย ควงกุญแจที่ถืออยู่ในมือเล่น
“เอ๊ะ...แล้วทำไมคุณถึงต้องแยกไปอยู่ซีกซ้ายในขณะที่ทุกคนเขาอยู่ซีกขวากันล่ะ”
เพทไหวไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ
“อาจเป็นเพราะห้องที่ฉันพักมันเป็นห้องเดี่ยวละมัง” ความจริงคำถามนี้มันก็จะปรากฏขึ้นในใจตั้งแต่ตอนที่มาถึงแล้ว แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆเสียด้วย “ราตรีสวัสดิ์นะ ลอน” พูดจบ เพทก็ทำท่าจะหมุนตัว เดินเลี้ยวไปตามช่องทางเดิน
“เดี๋ยวก่อนสิ ผมจะเดินไปส่ง” ลอนรีบออกเดินตาม รอยยิ้มบนใบหน้าบอกว่าเขายินดีจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ
“ฉันไปเองได้ลอน” เพทพูดเสียงเข้ม ปลดฝ่ามือที่โอบเอวเธอออกอย่างไว้ตัว “ฉันไม่จำเป็นจะต้องมีผู้คุ้มกันหรอก รับรองว่าไม่หลงทางด้วย”
“พุทโธ่เอ๊ย...ผมก็เพียงอยากจะให้คุณไปถึงห้องโดยปลอดภัยเท่านั้นละน่า” เขาทำสีหน้าขึงขังคล้ายจะบอกว่าเธอกำลังเข้าใขเขาผิดไปถนัด
“ฉันจะเข้านอนเสียทีละ ราตรีสวัสดิ์นะลอน” เพทกล่าวซ้ำ ก่อนที่จะผละจากเขา
ลอนยืนใช้ความคิดอยู่เป็นครู่ ก่อนที่จะยอมเดินกลับไปตามทางที่เพื่อนๆเดินล่วงหน้าเข้าห้องไปกันหมดแล้ว ในที่สุดเพทก็มาถึงห้องพักของเธอซึ่งอยู่ประมาณครึ่งทางเดิน
ห้องนั้นเป็นห้องพักขนาดเล็ก เตียงนอนกว้างกว่าเตียงเดี่ยวเล็กน้อย คลุมไว้ด้วยผ้าลายดอกสีฟ้า มีเก้าอี้สีฟ้าอมเขียว ซึ่งเป็นสีเดียวกับพรมตั้งอยู่ตัวหนึ่ง มีโต๊ะเครื่องแป้งเตี้ยๆ ประกอบด้วยกระจกที่ติดอยู่กับฝาผนังด้านหลัง อุปกรณ์สำคัญภายในห้องคือโทรทัศน์เครื่องเล็กๆที่ตั้งเข้าแถวอยู่ข้างโต๊ะเครื่องแป้ง ดูเหมือนจะมีห้องน้ำเท่านั้นที่มีขนาดพอจะได้มาตรฐานอยู่
เพทถอดรองเท้าส้นเตี้ยออก วางกระเป๋าถือกับกุญแจห้องลงบนเตียง ตั้งท่าจะเดินไปทรุดตัวนั่งตรงเก้าอี้ แต่แล้วก็เปิดกระเป๋าหยิบซองบุหรี่กับไล้ท์เตอร์ แล้วจึงเดินไปทรุดตัวลงนั่งตามที่ตั้งใจ
เมื่อจุดบุหรี่เสร็จ เธอก็เหลือบมองไปทางโทรทัศน์ แต่ไม่คิดจะเดินไปเปิด หลังจากที่อัดควันเข้าไปเต็มปอดแล้ว เธอก็เอนหลังลงกับพนักเก้าอี้นึกไปถึงงานที่จะเริ่มถ่ายทำในวันพรุ่งนี้อยู่
ขณะเดียวกัน เพทก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอหุบปากเสียบ้าง พยายามต่อต้านกับความรู้สึกของตนเองที่ต้องการจะประจานเดน คิงสตัน ออกมาด้วยความอคติแล้ว เขาก็คงจะไม่ได้ยินหรอก และมันก็อาจจะเป็นไปได้ด้วยว่า เมื่อเวลาล่วงเลยมาป่านนี้แล้ว เขาอาจจะลืมเรื่องที่ทะเลาะกับเธอในครั้งนั้นแล้วก็ได้ และพอมันทำท่าว่าจะดี เธอก็กลับไปขุดมันขึ้นมาอีกอย่างช่วยไม่ได้
เพทรู้ว่าตัวเองไม่ชอบเขา แต่เพียงแค่การไม่ชอบ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปพูดใส่หน้าเขาถึงขนาดนั้น ถ้าคุณไม่ชอบหน้าใครก็ควรจะหลีกเลี่ยงให้พ้นเสียจากเขา หรือไม่ในขณะที่ต้องประจันหน้ากันต่อหน้าคนอื่น ก็ควรจะพูดจาอย่างมีมรรยาท แต่คุณไม่ควรจะประกาศความเป็นศัตรูและนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอได้ทำไปแล้ว
เพทถอนหายใจออกมาดังๆ ที่จริงเธอเป็นคนที่สามารถระงับอารมณ์ของตนเองได้อย่างดีมาโดยตลอด ก็แล้วเพราะเหตุใด เดน คิงสตัน ถึงได้มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เธอเสียอารมณ์ได้ง่ายๆเล่า
เถ้าบุหรี่ลามเป็นทางยาว ที่เขี่ยอันใกล้ที่สุดก็วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เพทจึงเดินไปยังโต๊ะตัวนั้น วางบุหรี่ลงในที่เขี่ย เปิดตู้เสื้อผ้าออกหยิบเสื้อนอนออกมาวางไว้บนเตียง
ขณะนี้ 4 ทุ่มกว่าแล้ว เพทรู้สึกว่าเธอควรจะเข้านอนเสียดีกว่า ถึงจะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ อีกประการหนึ่งพรุ่งนี้ก็คงจะต้องทำงานหนักกันทั้งวัน ไม่ว่า เดน คิงสตัน จะเตือนให้เธอรู้เรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอก็เริ่มลงมือปลดกระดุมเสื้อ และดึงชายออกมาจากกางเกง
เสียงเคาะที่ดังขึ้นตรงหน้าประตูห้องทำให้เพทชะงัก มือที่ปลดกระดุมเสื้อหยุดลงในทันที ยังเหลือกระดุมเพียง 2 เม็ดเท่านั้นที่ยังมิได้ปลด
“ใครน่ะ” เพทร้องถามออกไป
“เดน คิงสตัน” เสียงอู้อี้จากภายนอกตอบมา
เธอมิได้เชื่อเลยแม้แต่น้อยว่าจะเป็นผู้กำกับคนนั้นจริงๆ เพทรู้ว่าพวกช่างเทคนิคในกองถ่ายนั้นบางคนก็ชอบเล่นตลกแบบไม่เข้าท่า ซึ่งเธอไม่รู้สึกเห็นขันตามไปด้วยและความหงุดหงิดรำคาญใจก็ชักจะแล่นริ้วขึ้นมา
“พุทโธ่โว้ย” เธอคำรามออกมาอย่างเต็มที่
แต่คนที่อยู่ข้างนอกประตูก็ดูจะไม่ยอมแพ้ เพทจึงตั้งท่าจะบอกเขาว่า เธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นตลกอะไรด้วย แต่แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า มันน่าจะสนุกกว่านี้ ถ้าเธอจะคว่ำโต๊ะใส่คนที่ตามมายั่วถึงห้อง
“รอเดี๋ยว” เธอรับกัดกระดุมเสื้อ เหลือไว้เพียงเม็ดบนที่ยังเผยให้เห็นเนินทรวงภายในได้รำไร จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูออก ส่งเสียงหวานเจื้อยถามออกไปว่า
“จะมากกฉันให้เข้านอนหรือไงคะ เดน”
แต่...คนที่ยืนอยู่ภายนอกประตูนั่นคือ เดน คิงสตัน จริงๆ!!
เพทยืนตะลึงอยู่ตรงหน้าประตูนั่นเอง มือข้างหนึ่งเท้าสะเอวไว้ อีกข้างหนึ่งจับอยู่กับขอบประตูที่เปิดออก เขากวาดสายตามองไปทั่วเรือนร่างของเธอ แววในดวงตาคู่นั้นมิได้ปิดบังความชื่นชมไว้เลยแม้แต่น้อย เป็นครู่เธอจึงได้หายตกใจกับการที่พบเขามายืนอยู่ตรงหน้าประตูจริงๆ มิใช่เรื่องล้อเล่นเช่นที่คิดในตอนแรก
“ฉันนึกว่าคุณเป็นลอนหรือชาร์ลีเสียอีก” เธอรีบกล่าวคำแก้ตัวออกไปทันที
“มากกให้คุณนอนน่ะเรอะ” เขาเอียงคอถาม แววบางอย่างปรากฏขึ้นในดวงตาคู่สีน้ำตาล แต่รอยยิ้มนั้นบอกไม่ถูกว่า เป็นเพราะความพอใจหรือความขบขันกันแน่
โทสะของเธอพลุ่งขึ้น เมื่อได้ยินคำถาม
“คุณมาที่นี่เพื่อจะพูดเพียงแค่นั้นหรือคะคุณคิงสตัน ฉันไม่ขำนะคะ แล้วก็ไม่สนด้วย” เพทก้าวถอยหลังกลับเข้ามา และทำท่าจะปิดประตูใส่หน้าเขา
แต่เขาเอื้อมมือมายันไว้ก่อน เพทพยายามโถมน้ำหนักยันเข้าไว้ แต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้ ในที่สุด เธอก็เพียงแต่ยืนขวางหน้าประตูไว้
“คุณต้องการอะไรกันแน่” เธอแสดงความไม่พอใจออกมาให้เขาเห็นอย่างเปิดเผย
“ผมมีเรื่องจะต้องพูดกับคุณ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม ซึ่งบอกให้รู้ว่าเรื่องที่เขาจะพูดนั้นมิใช่เรื่องส่วนตัว
“คุณก็พูดมาแล้วนี่ เพราะฉะนั้นก็โปรดกลับไปได้แล้ว ฉันต้องนอนนะ” เพทนึกถึงกระดุมเสื้อ 2 เม็ดที่ยังเหลืออยู่ขึ้นมาได้ จึงรีบกลัดเข้ารังให้เรียบร้อย “คุณก็บอกแล้วนี่ว่าเราต้องตื่นแต่เช้า และพรุ่งนี้ก็จะต้องทำงานกันทั้งวัน”
“ผมขอสัญญาว่า จะใช้เวลาอันมีค่าของคุณเพียงแค่ 2-3 นาทีเท่านั้น” เดน คิงสตัน พูดเยาะๆเมื่อเห็นเธอเกิดห่วงใยเรื่องการเข้านอนขึ้นมา “คุณจะเชิญผมเข้าไปพูดในห้อง หรือว่าจะพูดกันตรงนี้ที่ใครๆเขาเดินผ่านไปผ่านมาก็ได้ยิน”
ฝ่ามือของเขายังทาบอยู่กับประตู เพทคิดว่าถ้าเขาผลักเพียงเบาๆ ก็เข้ามาได้อยู่แล้ว ถ้าเขาจะทำเช่นนั้น แล้วเธอก็ดูจะไม่มีทางป้องกันได้เลย
“คุณไม่ห่วงเลยหรือว่าอาจจะมีใครเห็นคุณเข้ามาในห้องฉันดึกๆดื่นๆอย่างนี้” เธอเถียง
“ไม่มีใครรู้จักเราหรอก เพราะห้องพักของพวกผู้ชายอยู่อีกด้านหนึ่ง” มุมปากของเขาหยักขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“เพราะฉะนั้นคุณคงไม่ต้องห่วงว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะผมมาหาคุณถึงห้องหรอก”
เขาทำให้เธอกลายเป็นคนโง่เขลาไม่ใช่ผู้หญิงที่โตเป็นสาวขึ้นมาอีกแล้ว
“ฉันเป็นห่วงคุณต่างหากล่ะ” เธอแก้เกี้ยว ก่อนจะหมุนกายออกจากประตู ซึ่งเท่ากับเป็นการอนุญาตให้เขาเข้ามาได้โดยปริยาย
“คุณมีเรื่องอะไรถึงต้องมาหาฉันตอนนี้” เมื่อเธอไม่อาจไล่ให้เขากลับไปได้ก็จำเป็นจะต้องพูดให้หมดเรื่องกันไป
“คืนนี้...” เขาเอ่ยขึ้น แต่แล้วก็ชะงักคำพูดไป “นี่คุณชอบทิ้งก้นบุหรี่ที่ยังไม่ดับไว้อย่างนี้น่ะเรอะ คุณไม่รู้หรอกหรือว่ามันเป็นนิสัยที่อันตรายมาก”
“ฉันจะทำอย่างนี้ก็ต่อเมื่อมีคนมายืนเคาะประตูห้องอยู่เท่านั้น หรือคุณอยากให้ฉันคาบบุหรี่ออกไปเปิดประตูรับคุณ” เพทโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนที่จะดับบุหรี่ลง “แม่ฉันสอนไว้นะคะว่าทำอย่างนั้นน่ะ ไม่ใช่กิริยาของสุภาพสตรี”
“แล้วคุณคิดว่าตัวเองเป็นสุภาพสตรีหรือไง ที่ไปนั่งรวมกลุ่มอยู่กับผู้ชายตั้งโหลอย่างนั้นน่ะ” เขาใช้คำพูดของเธอย้อนถามมาให้
เพทหันขวับไปมองเขาทันที และได้เห็นความไม่พอใจฉายชัดอยู่บนใบหน้า แม้เธอจะเป็นคนที่มีรูปร่างค่อนข้างสูง แต่เขาก็ยังสูงกว่าเธอนั่นเอง ดังนั้น เพทจึงต้องเป็นฝ่ายต้องเงยหน้าพูดกับเขาอยู่