บทที่ 2
“ถามจริงๆเถอะ ว่าคุณไม่พอใจเดนเรื่องอะไรน่ะ” แอนดี้ถามปนหัวเราะ “ที่จริงผมก็ไม่ได้ชอบหน้ายายรูบี้ เกล นั่นหรอก แต่สำหรับเดนนั่นสิ ผมมักจะมีความคิดอยู่เสมอว่า พวกผู้หญิงอยากเข้าใกล้เขากันทั้งนั้น อย่างน้อยก็เมียผมคนหนึ่งละ ติดอกติดใจเขาเป็นพิเศษ ที่จริงเมียผมเขารู้จักเลือกใช้แต่ของดีๆทั้งนั้นนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่คิดมาแต่งงานกับผมหรอก”
เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบโต๊ะกับคำพูดของแอนดี้ อันที่จริงเมื่อมาถึงตอนนี้การสนทนาอาจเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นได้โดยง่าย แต่การเอ่ยถึงเดน คิงสตัน มันทำให้เพทรู้สึกมันเขี้ยว เธอรู้ว่าความขุ่นใจจะไม่มีวันคลายลง จนกว่าจะได้พูดจากระทบกระเทียบไปถึงเขาให้หนำใจเสียก่อน ไม่มีใครรู้ว่าลึกไปในใจเธอเกลียดชังชายผู้นี้มากแค่ไหน
“ฉันไม่สงสัยเลยในเรื่องที่ว่าเดน คิงสตัน จะหล่อมากน้อยแค่ไหน” เธอเคาะปลายเถ้าลงในที่เขี่ยบุหรี่
“นั่นสิ อย่างน้อยเขาก็สามารถจะใช้คำหวานๆล่อให้นักร้องดาวยั่วคนนั้นมาทำงานให้โดยไม่แสดงอารมณ์ของเจ้าหล่อนก็แล้วกันละ” แอนดี้พูดด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก “ไม่เช่นนั้นแล้วเราทุกคนก็คงทำงานกันอย่างไม่มีจิตใจแน่”
“โธ่เอ๊ย...แล้วเวลาทำกับเดนล่ะ มันก็ไอ้เหมือนกันนั่นแหละ” เพทเยาะให้
“ถามจริงๆเถอะนะ เดน คิงสตัน เขาทำอะไรให้คุณเจ็บใจงั้นรึ เพท” ชาร์ลีเอ่ยถามขึ้น “เอ...แต่เท่าที่ได้ยินมาก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ทำอะไรอย่างมีเหตุผลคนหนึ่งนี่นา”
“เดน คิงสตัน น่ะรึ” เพทเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงแกมเยาะ มิได้มีความรู้สึกชื่นชมตามเพื่อนในทีมไปด้วย
“คุณเคยมีปัญหาอะไรกับเขาอย่างงั้นรึ” ชาร์ลีขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจจริงๆ
“อ้าว...คุณไม่เคยรู้เรื่องที่เดนกับเพทเขาเคยซัดกันมาแล้วหรอกหรือ” ลอน แบ๊กซเตอร์ เอนร่างเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างผู้รู้
มีเพียงไม่กี่คนในกลุ่มที่พยักหน้ารับว่าเคยรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ส่ายศีรษะปฏิเสธ และทุกสีหน้าก็ล้วนแต่อยากรู้ด้วยกันทั้งนั้น ทุกคนในกลุ่มต่างรู้กันอยู่ว่าเพทมิใช่คนที่ใครๆจะไปหลอกเธอเล่นได้ง่ายๆ แต่ก็เป็นคนคบง่าย และเหมาะที่จะทำงานร่วมด้วย ดังนั้น เมื่อเธอแสดงออกมาให้เห็นว่าไม่พอใจในตัวผู้กำกับทุกคนก็ย่อมสนใจใคร่รู้ว่าสาเหตุมันเนื่องมาแต่อะไรกันแน่
“เอ...ดูเหมือนคุณจะไม่เคยทำงานกับเดนโดยตรงไม่ใช่หรือ” แอนดี้เอ่นถามขึ้น
“ไม่เคย” เพทตอบห้วนๆ
“ก็จริงอยู่ แต่คุณจำหนังตอนที่เดนสร้างเมื่อปีกลายได้ไหมล่ะ” ลอนคันปากยิบๆ อยากเล่าให้ใครต่อใครฟังว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไรกันแน่ “นั่นล่ะ เพทเขาอยู่ในโปรแกรมงานนั้นด้วย พอถึงตอนสุดท้ายมันก็เกิดมีปัญหาที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการถ่ายทำขึ้นเยอะแยะเลย แล้วก็ใช้จ่ายเงินเกินงบประมาณไปมากด้วย ถึงกับมีการตั้งคำถามกันขึ้นว่าจะเสร็จทันออกอากาศหรือไม่ด้วยซ้ำ พอเรื่องรู้ไปถึงหูเดนเข้า เขาก็ก้าวเข้ามาจัดการทันที ตอนนี้ละใครๆก็หัวปั่นกันไปหมด”
“เออ...ผมก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกันนะ” ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ได้ยินว่าสั่งพักงานคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเสียตั้งหลายคน แล้วก็ลงมือทำงานต่อด้วยตัวเองจนเสร็จ”
“ก็นั่นละ” ลอนเล่าต่อ “ตอนนั้นมันมีข่าวลือล่วงหน้ามาแล้วว่า เขากำลังจะเข้ามาดูงานอยู่ว่า ความผิดพลาดมันเกิดขึ้นตรงไหน แต่เขาก็ไม่ได้บอกให้ใครรู้ล่วงหน้าว่าจะมาตอนไหนด้วย เรากำลังพูดถึงเขาอยู่จู่ๆเขาก็โผล่เข้ามา วันนั้นอากาศมันร้อนเสียด้วยสิ ร้อนแทบจะตับแตกเลยละ ดูเหมือนแอร์มันจะเสียด้วยใช่ไหม” เขาหันไปถามเพทผู้เป็นต้นเรื่อง
“ไม่ได้เสียหรอก แต่เสียงมันดังเข้าไมค์ เขาก็เลยปิดเสีย” เพทอธิบายอย่างไม่แยแส
“เออ...ใช่สินะ” ลอนนึกออกแล้ว “อย่างไรก็ตามทีเถอะ เอาเป็นว่าเขาเดินเข้ามาตอนนั้นพอดี แล้วเขาก็ได้เห็นอะไรเป็นสิ่งแรกรู้ไหมล่ะ ก็คุณเพทของเรานี่แหละนุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว เสื้อเอวลอยสีแดงง เซ็กซี่น่าดูเชียวละ ตอนนั้นเพทเขากำลังรอเวลาที่จะถ่ายช่วงต่อไป และตอนนั้นก็ไม่มีใครคิดจะบอกให้เดนรู้ด้วยว่า เรามีช่างกล้องที่เป็นผู้หญิงร่วมงานอยู่ในกลุ่มด้วย เขาก็เลยเดาเอาว่าคุณเพทของเราจะต้องเป็นแฟนของช่างกล้องคนในคนหนึ่ง ก็เลยเกิดโมโหหน้ามืดขึ้นมา ไล่เพทออกจากกองถ่ายเลย แถมไล่ใครๆที่ยืนรออยู่กับเพทด้วย เออ...เพทรา ตอนนั้นคุณรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร” ลอนหันไปถามเพื่อนสาว
“ไม่รู้หรอก แล้วก็ไม่สนใจด้วย” เพทว่า
“นั่นละใช่แล้ว” ลอนหัวเราะออกมาดังๆ “แถมยังไม่มีใครบอกให้เขารู้ด้วยนะว่า แท้ที่จริงแล้วเพทเป็นใครเพราะกลัวว่าเขาจะด่าใส่หน้าว่าเสือกเข้าให้อีก ในที่สุดคุณเพทนี่แหละที่ตะโกนใส่หน้าเขาไปบ้าง บอกให้เขาหยุดพูดเสียที โอ้โฮ ตอนนั้นนะ ในห้องเงียบกริบไปหมด ถ้าจะมีเข็มสักเล่มตกยังได้ยินเลย จากนั้นเพทก็อธิบายยาวเหยียดเลยว่าเขาเป็นใคร แถมยังไปบอกเดนอีกด้วยนะว่า จะมีก็แต่คนปัญญาอ่อนอย่างเขาเท่านั้น ที่ไม่ได้รู้เลยว่าปัญหาที่มันทำให้การถ่ายทำต้องล่าช้าไปน่ะเพราะอะไร และยังไปแนะเขาอีกนะว่าให้ไปลงนรกเสียไป๊”
เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกัน สายตาทุกคู่ที่มองมายังเธอบอกถึงความนับถือและชื่นชมที่เธอสามารถจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดียิ่ง แต่เพทกลับคิดว่า การที่เธอทำเช่นนั้นเป็นการปกป้องเกียรติยศของตนเองมากกว่า
“แล้วตอนนั้นเดนเขาว่ายังไงล่ะ” โจ ไวล์ส ถามเสียงยิ้มๆ
“ผมว่าเขาก็คงอยากซัดเพทอยู่เหมือนกันนะ” ลอนส่ายศีรษะอย่างขบขัน “แต่ที่ทำได้ก็แค่ยื่นคำขาดว่าจะยอมออกจากงาน หรือว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ให้มันเข้าท่ากว่านั้น เขาจะได้ไม่คิดว่าเพทเป็นผู้หญิงข้างถนน”
“แล้วคุณทำยังไงล่ะเพท” หนุ่มน้อยคนที่นั่งสงบเสงี่ยมมานานถามขึ้นอย่างสนใจ
“อ้าว...ฉันก็ยังต้องทำงานอยู่กับคิงสตัน โปรดักชั่น ฉันก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะสิ” เธอขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ย
“จริงๆแล้วผมก็รู้สึกว่ามันเป็นความผิดของผมอยู่นะ” แอนดี้เอ่ยขึ้นอย่างครุ่นคิด “แต่ตอนนี้คุณคงไม่โกรธเดนอยู่เพราะเรื่องนั้นไม่ใช่หรือ”
เพทไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ แต่การข่มขู่ของเดนมิใช่สิ่งที่เธอจะลืมและให้อภัยได้โดยง่ายเลย
“เดน คิงสตัน เขาเป็นคนที่มีอำนาจสิทธิขาดในบริษัทนี่ ทั้งเหี้ยมและก็ใจดำด้วย” เธอว่าออกมาตรงๆ
“เพท” ชาร์ลีพยายามจะใช้สายตาบังคับไว้มิให้เธอพูดต่อ
“ทำไม ฉันคิดยังไงก็พูดอย่างงั้น ฉันไม่ชอบเขา ไม่เคยชอบ แล้วก็จะไม่ชอบด้วย” เธอพูดเสียงกร้าว “ถ้าเขามายืนอยู่ตรงนี้ ฉันก็จะพูดใส่หน้าเขาเลย”
“ถ้างั้น คุณก็ลองหันหลังมาดูหน่อยสิ” มีเสียงเยือกเย็นดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง
เพทรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วไขสันหลัง ค่อยๆเอี้ยวตัวไปช้าๆ สายตาไปหยุดอยู่ตรงหัวเข็มขัดที่รัดอยู่รอบเอวผู้ชายคนที่ยืนอยู่หลังเก้าอี้ตัวที่เธอนั่ง เมื่อไล่สายตาสูงขึ้นไปตามเรือนกายท่อนบน ผ่านช่วงไหล่ที่ผึ่งผาย ช่วงลำคอสีแทนและริมฝีปากที่บางเฉียบ เธอก็พบกับดวงตาคู่สีน้ำตาลคู่นั้น
หัวใจของเธอเต้นรัวแรง มันเป็นปฏิกิริยาที่บังเกิดขึ้นจากการที่เขาได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างใกล้ชิด มีความรู้สึกว่าเขากำลังยืนตระหง่านค้ำหัวเธออยู่ บางทีถ้าเธอไม่รู้สึกว่าเขาพยายามจะข่มขู่เธอมากจนเกินไปแล้ว เพทอาจจะมองเห็นความมีเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ก็ได้ เรือนผมสีดำสนิทของเขาหยักศกน้อยๆหวีเข้ารูป บุคลิกลักษณะของเขาบ่งบอกถึงความเป็นชายชาตรีที่เธอน่าจะพึงใจมากกว่าเกลียดชัง
“อันที่จริง คนที่เที่ยวแอบฟังใครๆเขาคุยกันน่ะมักได้ยินแต่เรื่องไม่ค่อยดีเกี่ยวกับตัวเองนะคะ คุณคิงสตัน” เธอพยายามแต่งน้ำเสียงให้ราบเรียบเข้าไว้
บรรยากาศเงียบงันอย่างน่าตกใจ ลอนขยับตัวอยู่ในเก้าอี้ข้างเพท ซึ่งกำลังประสานสายตาอยู่กับเดน คิงสตัน อย่างไม่ยอมลดละ แต่ขณะเดียวกันในทุกวินาทีที่ผ่านไปความรู้สึกอึดอัดก็เพิ่มขึ้น
เสียงแอนดี้กระแอมออกมาเบาๆก่อนจะกล่าวว่า
“เอ้อ...ดื่มเบียร์กับเราก่อนไหมครับ คุณคิงสตัน เดี๋ยว...ผมจะลากเก้าอี้มาให้นั่ง”
“ผมนั่งแทนคุณวิลลิสก็ได้” เดนจ้องหน้าเพทอยู่ แววเยาะฉายชัดอยู่ในดวงตา “ผมคิดว่าดึกขนาดนี้ เธอก็คงจะเพลียแล้วก็คงอยากกลับไปนอนเต็มที่แล้วละ”
“ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณต้องผิดหวัง เพราะฉันไม่ได้เพลียอย่างที่คุณพูด แล้วก็จะไม่สละเก้าอี้ให้คุณนั่งด้วย” เธอจ้องหน้าเขาเขม็ง “ฉันยังกินเบียร์ไม่หมด” เธอหันไปหยิบแก้วเบียร์ แต่จริงๆแล้วมันเป็นโอกาสที่จะหลบสายตาจากเขามากกว่า
“ถ้างั้น เชิญคุณนั่งเก้าอี้ผมก็ได้ครับ คุณคิงสตัน” ใครคนหนึ่งทำท่าจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อให้เขานั่งลงแทน
“ไม่ต้องหรอก ผมเห็นจะไม่นั่งละ” เขาปฏิเสธความเอื้อเฟื้อของลูกทีม “ที่มานี่ก็เพื่อจะบอกว่าพรุ่งนี้ เราจะต้องตั้งเครื่องมือเพื่อการถ่ายทำกันตั้งแต่ ๖ โมงเช้าเลย เพราะฉะนั้น ถ้าทำได้ก็ควรจะรีบนอนกันเสีย”
มีเสียงอุทธรณ์ดังขึ้นจากคนที่ยังไม่อยากนอนแต่หัวค่ำ แต่กระนั้นตามมารยาทแล้ว ทุกคนย่อมจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น
“ราตรีสวัสดิ์นะทุกคน อ้อ...แล้วก็อย่าลืมละว่าผมหวังว่าจะได้เห็นทุกคนที่มีหน้าตาสดใสในตอนเช้า”
“ครับ หัวหน้า”
“แน่นอนครับ”
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
เพทรู้สึกค่อยหายใจคล่องขึ้นเมื่อ เดน คิงสตัน พาตัวออกไปจากที่นั่น เธอยกเบียร์ขึ้นจิบ แต่รสชาติของมันจืดชืดเต็มที
“ฉันมีความรู้สึกว่าเจอเคอฟิวส์เข้าอีกแล้ว นี่...พวกคุณคิดว่า เขาจะต้องตรวจตามเตียงเหมือนเวลาที่เราเป็นนักเรียนประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าเราเข้านอนกันทุกคนไหมนะ”
“คุณอยากให้ผมพาเข้านอนด้วยไหมล่ะครับ คุณวิลลิส” เสียงถามเยาะๆดังมาจากข้างหลัง