บทที่1.ทาสในเรือนเบี้ย 2/3
“คุณน่ะ ปรามๆ ลูกบ้าง ไม่ใช่ยุส่ง ให้ท้ายแบบนี้ มันจะเรียนไม่จบเอานา”
ชายสูงวัยถอนใจแรงๆ บุตรสาวไม่ได้ดั่งใจ สร้างความหนักใจให้ตลอด ผิดกับหลานสาวภรรยา ขานั้นไม่มีปากมีเสียง ก้มหน้าทำงานไม่มีปริปาก ทั้งที่หากจะเรียกร้อง อลิชาก็มีสิทธิ เพราะที่มีกินมีใช้ทุกวันนี้ก็เพราะเอาสมบัติเก่าเก็บของบิดามารดาอลิชามาขาย เป็นการยักย้ายถ่ายเท โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ลำพังเงินเดือนข้าราชการซีต่ำๆ หรือจะพอเลี้ยงปากท้องคนทั้งครอบครัว เมื่อฉลวยและอลินดาจมไม่ลง ทำตัวฟุ้งเฟ้อเหมือนมีเงินถุง เงินถัง
“ผมไปทำงานล่ะ...คุณก็อย่าออกไปก่อหนี้อีกแล้วกัน” สมภพปรามภรรยา เขาดันตัวลุกขึ้นยืน คว้ากุญแจรถยนต์คันเก่าเดินออกไปนอกบ้าน เริ่มต้นวันทำงานด้วยอารมณ์ไม่คงที่ ปวดหัวกับปัญหาที่ภรรยาก่อ ปวดหัวกับพฤติกรรมของบุตรสาว แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้เหมือนเดิม
“ที่คุณพ่อพูดหมายถึงอะไรคะคุณแม่?” อลินดาหันมาถาม
“อย่าไปสนใจเลย พ่อแกก็บ่นตามประสาคนแก่นั่นแหละ” ฉลวยบอกปัด...เสก้มหน้าลงรับประทานอาหารต่อ...
“งั้นอลินไปมหาลัย’ นะคะ”
สาวสวยดันตัวลุกขึ้นยืน เดินฮัมเพลงไปตลอดทาง เมื่อมีสตางค์อัดแน่นเต็มกระเป๋า วันนี้คงไม่เสียเวลาไปกับเรื่องน่าเบื่อในคลาสเรียน ไปเดินเฉิดฉายที่ห้างสรรพสินค้า กับการหาอาหารอร่อยๆ กินแก้เซ็งดีกว่า
สำหรับอลินดาแล้ว...หล่อนไม่ห่วงเรื่องการเรียนเลย เพราะหากไม่ไหวจริงๆ มารดาก็คงไม่ว่า ครอบครัวเธอไม่ได้อดอยากปากแห้ง จนต้องไปนั่งหลังขดหลังแข็งเรียนหนังสือหนังหา
นั่นคือความคิดของอลินดา หล่อนไม่รู้ว่าเบื้องหลังหน้ากากคนร่ำรวย ครอบครัวฉัตรสุวรรณกำลังประสบภาวะสภาพคล่องเพียงใด เพราะหล่อนใช้อย่างเดียว ไม่เคยได้เป็นคนหา...
“อะไรอีกล่ะ! ” ฉลวยฉวยโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาแนบหู พลางส่งเสียงแข็งๆ ตอบกลับไป เมื่อมีเสียงเรียกเข้าถี่ยิบ
(อย่ามาเสียงแข็งกับฉันนะแม่หลวย ถึงวันจ่ายดอกแล้ว ทำไมหล่อนยังเงียบยะ! ) เสียงแหวดังสวนกลับมาทันควัน จากคนปลายสายที่ต่อสายมาหานาง...
ฉลวยตาเหลือก แบนโทรศัพท์ออกห่างจากใบหู บ่นพึมพำเบาๆ “อีคุณนายสายหยุดนี่เอง...ดันทะลึ่งรับไม่ดูเบอร์”
หลังปรับน้ำเสียงลง ฉลวยพูดเสียงหวานตอบกลับเจ้าหนี้ไป
(อุ้ยตาย...กำลังจะออกไปหาพอดีเลยค่ะ เพิ่งจะกินข้าวอิ่ม...ใจเย็นๆ ค่ะคุณนาย)
(ย่ะ... อย่าให้เกินเที่ยงแล้วกัน เดือนนี้ฉันไม่ผ่อนผันให้แล้วนะ หล่อนน่ะผิดนัดมาหลายงวดแล้ว)
สายหยุดกล่าวเสียงเย็น ฉากหน้าของหล่อนคือเศรษฐีใจบุญ ทำทานไม่เคยขาด แต่เบื้องหลังแล้ว สายหยุดทำธุรกิจบนหลังคน ปล่อยกู้ดอกแพงมหาโหด แต่ก็ยังมีคนหน้ามืดแวะเวียนไปมาหาสู่ไม่ขาดสาย รวมทั้งฉลวยด้วย
“อีคุณนายหน้าเลือด ตามจิกยิกๆ เชียวมึง! ” หลังกดวางสาย ฉลวยก่นด่าสายหยุดไม่หยุดปาก นางฉวยกระเป๋าสตางค์ล้วงธนบัตรออกมานับเงินมือเป็นระวิง “ขาดไป5000 เอาไงดีล่ะ” เพิ่งควักกระเป๋าจ่ายให้อลินดาไป เงินที่ต้องจ่ายดอกสายหยุดจึงไม่พอ ฉลวยขมวดคิ้วจนหน้าย่น คิดหาทางเอาตัวรอด ไม่อย่างนั้นคงได้ขายขี้หน้าเพราะปากสายหยุด นางถนัดนักล่ะการประจานคน...ชื่อเสียงของครอบครัวนางคงได้ป่นปี้ครานี้
ปฏิทินข้างผนังบ้าน วันที่ตรงกับวันเงินเดือนออกของอลิชาพอดี มุมปากสีซีดเหยียดยิ้ม คงต้อง ‘ขูด’ มาจากหลานสาวอีกครั้ง
นางลุกขึ้นยืน...เดินฉับๆ ไปด้านหลังบ้าน ห้องพักที่สร้างให้อลิชาพักอาศัย สถานที่ที่เธอจะได้สิ่งที่หวัง
ก๊อกๆ
นางบรรจงเคาะประตูไม้เนื้อแข็งแรงๆ
“คะ ใครคะ?” เสียงหวานๆ ร้องถาม
“ฉันเองยะ! ” นางตอบพร้อมกับถอยหลังมายืนห่างประตูเล็กน้อย
“คุณป้ามีอะไรใช้อลิสอีกเหรอคะ?” หญิงสาวรีบดันประตูเปิด เธออยู่ในสภาพพร้อมที่จะไปทำงาน
“เปล่า ฉันไม่ได้ใช้อะไรแก แต่เงินเดือนแกออกแล้วนี่” นางเปรยเสียงเย็น
“ค่ะ อลิสว่าจะเอาไปให้คุณป้าพอดี” ซองสีขาวยับเล็กน้อย ถูกล้วงออกมาจากซอกกางเกง หล่อนยื่นส่งให้กับผู้เป็นป้า
“ถ้าฉันไม่มาทวง หล่อนก็คงนิ่งซินะ...อย่าลืมล่ะ ข้าวแดงแกงร้อนที่รดหัวแกทุกวันนี้น่ะเป็นของฉัน”