ตอนที่ 4
เสียงรองเท้ากระทบกระเบื้อง รณชัยยืนมองบ้านตัวเองถูกค้นสีหน้าเจ็บปวด มลวดีกอดสามีร่ำไห้ใจแทบขาด ไม่อยากเชื่อว่าทั้งเขาและภรรยาต้องมาพบกับสภาพเช่นนี้ เสียงรถจอดเทียบหน้าบ้าน สาวรูปร่างเพรียว ดวงตาเรียวยาว คิ้วโกง จมูกโด่ง ริมฝีปากบางอิ่ม รันรวีรีบแหวกนักข่าวเข้าสู่ตัวบ้าน มองเห็นพ่อแม่กอดกันเธอกระโจนไปหาสองท่านด้วยความเป็นห่วง
“พ่อคะ แม่คะ!” หญิงสาวร้องเรียก แล้วสวมกอด
“รัน....”
รณชัยไม่อาจหาคำใดมาพูดกับลูกได้ ใช่ เขาทำผิด และผลกรรมนั้นกำลังตามสนอง คิดได้ก็สายไป
“พวกเราต้องผ่านมันไปได้ค่ะ” เธอให้กำลังใจ แม้รู้ดีว่าความผิดของพ่อนั้นใหญ่นัก
เจ้าหน้าที่ขนเอกสารจำนวนมากออกจากบ้านไป ทุกอย่างเข้าสู่ความปกติ รณชัยแทบไม่ได้ตั้งตัว ไม่มีการแจ้งข่าวคราวเรื่องพวกนี้ ดูท่าเขาถูกทิ้งจริงๆ แล้ว รันรวีพยุงบิดาเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“พ่อคะ... ข่าวที่ออกมามันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม” รันรวีถาม น้ำตาเริ่มคลอ
คนเป็นพ่อพยักหน้าช้าๆ ยอมรับสิ่งที่ตัวเองก่อ แต่สำหรับลูกแล้ว มันช่างเจ็บเหลือเกินที่ต้องรับรู้ว่าพ่อกระทำความผิด มือบางยกปิดปากเพื่อไม่ให้ตนเองสะอื้น กลัวพ่อจะคิดมากกว่าเก่า
“รัน... พ่อทำเพื่อพวกเรานะ” มลวดีอธิบาย
เธอส่ายหน้า “เราไม่ควร สร้างความทุกข์ หรือเอาเปรียบใครค่ะแม่”
“พ่อรู้ว่าพ่อผิด พ่อสำนึกได้มันก็สายไปแล้ว” รณชัยบอกเสียงเครียด
ร่างบางทรุดกาย ดึงมือบิดามากุมไว้
“พ่อคะ พ่อต้องสู้ ต้องอดทนและยอมรับความจริงนะคะ” คนเป็นลูกน้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม “เราต้องชดใช้สิ่งที่เราทำ”
รณชัยพยักหน้า “พ่อรู้ แต่พ่อ...” มือลูบใบหน้าบุตรสาวแผ่วเบา “พ่อเป็นห่วงลูกกับแม่”
“หนูไม่เป็นไรค่ะพ่อ”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เก็บงำความเจ็บปวดไว้ภายใน ถ้าต้องทำให้ลูกเมียลำบากสู้ตายไปเสียยังดีกว่า คนอย่างเขาไม่ควรมีชีวิตอยู่อีกแล้ว
“พ่อจะสารภาพทุกอย่างกับศาล ดีไหม”
“ค่ะพ่อ”
ร่างบางถูกรั้งเข้ามากอด มลวดีโอบสามีและลูกไว้แน่น เธอเชื่อว่าทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี
ตีหนึ่งครึ่ง
รณชัยไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ขยับกายนั่งวางเท้าบนพื้นแล้วลุกยืน ค่อยๆ เปิดประตูออกจากห้องนอนไป เสียงรถเคลื่อนออกจากตัวบ้าน แล้วจอดลงที่ไนต์คลับแห่งหนึ่ง รณชัยลงมาจากรถแล้วเดินเข้าสู่ด้านใน พนักงานรีบเข้ามาต้อนรับ
“เชิญครับ”
“ขอบรั่นดี”
“ครับ” พนักงานรับคำแล้วเดินออกมา ไปที่เคาท์เตอร์บาร์แล้วสั่ง
ไม่นานนำมาเสริฟ์ให้ลูกค้า รณชัยกระดกดื่ม แล้วกวักมือเรียกต่อ
“เอามาห้าแก้วเลย”
“ได้ครับ”
บรั่นดีห้าแก้วมาตามที่สั่ง รณชัยกระดกดื่มจนหมด แล้วจ่ายเงินเดินโซเซออกไปนอกร้าน ขับรถออกมาราวยี่สิบนาที เขาจอดตรงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เปิดประตูลงมายืนอยู่ตรงริมสะพาน หลับตารับลมเย็นน้ำตาเอ่อคลอ
ที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะอยากจบปัญหาทุกอย่าง ลูกและเมียไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เท้าก้าวขึ้นขอบสะพาน
“จะทำอะไรครับ!” พูดจบ ร่างอวบอ้วนถูกคว้า จนล้มคว่ำไปกับเจ้าของน้ำเสียง
รณชัยยันกายมองชายหนุ่มตรงหน้า รูปร่างหน้าตาดีไม่น้อย แถมท่าทางเหมือนคนมีเงิน กลิ่นน้ำหอมลอยมา มีรสนิยม
“มาช่วยผมทำไม” รณชัยถามเสียงแผ่ว
ชายหนุ่มแปลกหน้ากระตุกยิ้มมุมปาก
“ผมจำได้นะ ช่วงนี้คุณกำลังดัง”
รณชัยตวัดสายตามอง “แกเป็นใคร ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน!”
เขาหัวเราะแผ่ว หลังจากโดนตวาด
“ผมแค่อยากช่วยคุณ”
คนผ่านน้ำร้อนมาก่อนเช่นเขารู้ดี หมอนี่อาจมีบางอย่างแอบแฝง แต่การมีมิตรในเวลานี้ย่อมดีกว่า
“อยากช่วยงั้นเหรอ จะช่วยยังไง”
เมื่อถูกถาม เลยล้วงกระเป๋าหยิบนามบัตรออกมาแล้วยื่นให้ รณชัยหยิบมาอ่าน ประธานบริษัทอินเตอร์กรุ๊ปจำกัด อ่านจบช้อนสายตามองสีหน้าตื่นตะลึง
“เป็นคุณเองเหรอ” สรรพนามรณชัยเปลี่ยนไป
“ผมไม่ค่อยออกงานเท่าไหร่ ผมเห็นใจคุณนะครับรัฐมนตรีรณชัย มีอะไรผมจะช่วย เพราะผมเองก็เคยลำบาก เคยถูกหักหลังมาก่อน!”
“ขอบคุณมาก ว่าแต่จะให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดี”
“ผมอัควินทร์ เรียกชื่อวินเฉยๆ ก็ได้ครับ”
“ครับคุณวิน”
อัควินทร์ลุกยืนเต็มความสูง จัดสูทเข้าที่
“ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
รถจอดอยู่ประตูเปิดออก เขานั่งตรงเบาะหลัง คนขับเคลื่อนออก อัควินทร์กระตุกยิ้ม เกมนี้มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น