บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 นักธุรกิจหนุ่ม

สาธารณรัฐฝรั่งเศส หรือประเทศฝรั่งเศส

ประเทศฝรั่งเศสตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันตกทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษและทะเลเหนือและจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก มีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยี่ยม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ โมนาโกและสเปน เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก มีนักท่องเที่ยวกว่าแปดสิบสองล้านคนต่อปี

แบรด มาร์โกล หนุ่มหล่อรูปร่างล่ำสันกำยังหน้าคมคิ้วเข้มผมสีทองดวงตาสีฟ้าคมกล้าเป็นประกายแวววับ ชนิดที่สาวๆสบตาแล้วต้องอ่อนระทวย นิสัยขี้เล่นทะลึ่งนิดๆชอบความสนุกสนาน เฮฮาปาร์ตี้ เอ็นจอยกับชีวิตจนเหมือนเขาจะเป็นพวกรักสนุกไปวันๆไม่จริงจังกับชีวิต แต่ความเป็นจริงเขาจริงจังกับงาน เป็นกันเองตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมให้เสียอารมณ์ ชอบก็บอกว่าชอบ เป็นคนง่ายๆ แต่ข้อเสียคือ พี่แกเจ้าชู้ใช่เล่น เรียกได้ว่าเป็นนักรักตัวฉกาจไม่แพ้หนุ่มชาติไหนเลยทีเดียว

แบรดเป็นทายาทคนโตของบริษัท D Mont France Airline สายการบินชื่อดังของประเทศฝรั่งเศสสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษอัศวินขุนนางชั้นสูงจากแคว้นนอร์ม็องดีหรือสมัยนั้นเรียกกันว่าไวกิ้ง และยังมีธุรกิจอีกมากมายในมือที่มอบหมายต่อให้ทายาทในตระกูลทำและทำเงินให้ต่อปีนับไม่ถ้วน

ตึกสูงสามสิบห้าชั้นกลางกรุงปารีส อนาจักรของแบรดตั้งแต่ชั้นสามสิบถึงสามสิบถึงชั้นสามสิบห้าและลานจอดรถหรูของเขาก็อยู่ชั้นสามสิบที่มีลิฟต์ส่วนตัวแยกจากชั้นหนึ่งถึงชั้นยี่สิบเก้าที่เป็นสำนักงานของบริษัท D Mont หรือ D Mont France Airline (ดี ม็องค์ ฟรานซ์ แอร์ไลน์) และ D Mont Bank ( ธนาคาร ดี ม็องค์ )ของตระกูล มาร์โกล ที่สืบเชื้อสายมาจากขุนนางเก่าผู้มั่งคั่งเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้วส่งมาถึงลูกหลานถึงยุคนี้ที่เลือนหายไปตามกาลเวลาแต่ผู้คนในฝรั่งเศสจะรู้ดีว่าตระกูลนี้ร่ำรวยมหาศาลและมีอิทธิพลในรัฐบาลมาทุกยุคทุกสมัยจนมาถึงรุ่นของแบรด มาร์โกล หนุ่มหล่อผู้มีอิทธิพลอายุยังน้อยทั้งที่เขาไม่ได้สนใจแค่สานต่อจากปู่และพ่อเท่านั้น

แบรดยืนมองออกไปนอกกระจกห้องทำงานของเขาชั้นยี่สิบเก้าที่มีแค่เลขาประจำสำนักงานสี่คนที่แยกทำงานในส่วนธนาคารสองคนและของสายการบินสองคนและยังมีเลขาส่วนตัวที่ต้องรับรู้ทุกเรื่องและดูแลเจ้านายตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอนและยังควบตำแหน่งบอดี้การ์ดอีกสองคนคือจอนนี่กับอังเดรแล้วยังเป็นเพื่อนกันอีก ทั้งสองถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กสืบทอดมาจากปู่และพ่อที่เป็นบอดี้การ์ดคนสนิทของมิสเตอร์เจสันและมิสเตอร์ริชาร์ด แม้ว่าฐานะของพวกเขาจะเข้าขั้นเศรษฐีแต่ก็แค่เศษหนึ่งเปอร์เซ็นต์หากเทียบกับทรัพย์สินของมาร์โกลและยังมีหุ้นของธนาคารที่ปู่ของแบรดมอบให้คนสนิทอย่างปู่กับตาของทั้งสองอีกคนละสองเปอร์เซ็นต์แค่นี้พวกเขาไม่ทำงานก็มีกินมีใช้พวกเขาก็เรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก

“คุณแบรดครับ วันนี้เรามีประชุมกับทีมบริหารเวลาบ่ายโมง แล้วไปตรวจการผลิตอาหารและน้ำดื่มตอนสี่โมงถ้าประชุมไม่ยืดเยื้อนะครับ” อังเดรรายงานเจ้านายโดยที่ไม่ต้องเปิดแท็บเล็ต

“เช้านี้ล่ะไม่มีงานเหรอ”

“มีครับ จอนนี่กำลังเอาเข้ามาครับ”

“นี่งานทั้งหมดของเช้านี้ครับ” จอนนี่บอกเจ้านายขณะเข็ญรถเอกสารเข้ามาในห้องทำให้แบรดส่ายหัว

“นี่ฉันไม่ได้ทำงานมากี่เดือนแล้ววะจอนนี่” แบรดนั่งลงที่โต้ะทำงานมองคนสนิททั้งสองช่วยกันยกเอกสารมาเรียงเป็นหมวดหมู่เพื่อให้เขาตรวจทานและเซ็นชื่อเพื่ออนุมัติให้แต่ละแผนกเพื่องานจะได้ไม่ติดขัด และงานที่ยังไม่เรียบร้อยหรือสิ่งที่ขอมามันไม่มีเหตุผลเลขาหน้าห้องทั้งสามก็จะกลั่นกรองคัดแยกไว้ต่างหาก

“นี่แค่สองวันครับ และยังมีที่ จิม มอลลี่ ฟรอยด์ กับอิงกริด ที่ยังตรวจไม่เสร็จอีกประมาณนี้แหละครับ” จอนนี่ตอบเจ้านายที่ก้มหน้าทำงานทำให้เขากับอังเดรกลับไปหน้าห้องและทำงานของตน

ห้องทำงานขนาดใหญ่กินพื้นที่ของชั้นยี่สิบเก้าครึ่งหนึ่งและสามารถมองเห็นปารีสได้ครึ่งเมืองและยังเห็นหอไอเฟลอยู่ไม่ไกล แยกห้องรับแขกไว้อีกฝั่งหนึ่งของห้องทำงานส่วนและอีกฝั่งก็เป็นตู้เอกสารสำคัญและมีโต้ะทำงานของคนสนิททั้งสองอยู่หน้าห้องที่มีกระจกใสกั้นอยู่ไม่มีผ้าม่านปิดเปิดโล่งให้เห็นกันชัดเจน อีกฝั่งของตึกก็เป็นห้องทำงานของเลขาทั้งสี่ คือ จิม หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบที่ทำงานมาเกือบสิบห้าปีตั้งแต่ยุคปลายของคุณริชาร์ดทำงานได้เรียบร้อยจัดการตามคำสั่งเจ้านายเป้ะๆ ฟรอยด์ หนุ่มหล่อวัย สามสิบสี่ วันเดียวกับแบรดและมาเริ่มงานพร้อมกับแแบรดเมื่อแปดปีก่อนหลังจากมาฝึกงานที่นี่และเรียนที่เดียวกับเจ้านายแต่คนละสาขาและเขาได้เกียรตินิยม นั่นเป็นใบเบิกทางให้หนุ่มเนิร์ดได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทีมเลขาของแบรดและนิสัยตรงไปตรงมาขยันซื่อสัตย์เหมือนทุกคน และ อิงกริด สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าที่ทำงานมาเกือบยี่สิบปีและเป็นคนละเอียดอ่อนงานทุกอย่างต้องผ่านมือเธอแล้วใครคิดจะหมกเม็ดก็ไม่สามารถหลุดลอดสายตาเธอไปได้

คนสุดท้าย มอลลี่ สาวแว่นวัยสามสิบปี ที่จบเลขานุการและยังได้เกียรตินิยมที่เป็นใบเบิกทางให้ได้รับตำแหน่งเลขาของซีอีโอของ ดีม็องค์ฯ ส่วนเรื่องเงินเดือนของแต่ละคนไม่ต้องพูดถึงไหนจะสวัสดิการณ์อีกหลายอย่างที่มัดใจให้ทุกคนซื่อสัตย์กับเจ้านายและบริษัท

“เฮ้ พี่ชายเที่ยงแล้วนะครับ ไปกินข้าวกันเถอะ” รุยส์ หนุ่มหล่อลูกครึ่งวัยยี่สิบสองที่เข้ามาช่วยงานการตลาดในระยะสั้นตอนปิดคลอสเพราะกำลังเรียนโทที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษ

“นายก็ไปกินสิจะมารอพี่ทำไม” แบรดพูดทั้งที่สายตาของเขายังอ่านแฟ้มงานอยู่

“ไปเถอะครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะพี่แบรด ถ้าเราอิ่มสมองมันก็แล่นปื้ด แล่นปื้ด เร็วๆสิครับ” รุยส์เร่งพี่ชายยิ่งเห็นงานของแบรดกองท่วมโต้ะอย่างนี้ทำเอาเขาขยาดและคิดว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ได้เกิดมาเป็นพี่ชายคนโต

“อะไรของนาย แล่นปื้ด แล่นปื้ด”

“ก็สมองแล่นคิดอะไรก็ออกไงครับ ภาษาไทยเขาเรียกว่าแล่นปื้ด วันนี้ภาษาไทยวันละคำคือ แล่นปื้ดครับ” รุยส์เป็นเด็กหนุ่มร่าเริงใบหน้าก็คล้ายพี่ชายแต่เขาจะหน้าหวานเพราะได้เค้าแม่ที่เป็นคนไทยแต่หล่อคนละแบบกับแบรด

“ถ้าพี่ไม่ไปกินข้าว พี่ก็ทำงานไม่ได้เพราะนายจะก่อกวนแบบนี้ใช่มั้ยรุยส์” แบรดวางปากกาแบรนด์ดังในมือแล้วมองน้องชายคนรองที่อายุน้อยกว่าเขาถึงสิบสองปีเพราะพ่อของเขาแต่งงานใหม่กับ อารียา ผู้หญิงไทยใจดีวัยสามสิบปีในขณะนั้นและเขาอายุสิบปีก่อนจะลองใจเธอมาถึงหนึ่งปีเต็มกลัวว่าอารียาจะมาหลอกพ่อของเขาตามที่ซาร่าน้าสาวของเขาบอกจนอารียาท้องเขาจึงยอมรับเธอ ไม่ว่าเขาจะแกล้งยังไงเธอก็ไม่เคยปริปากบอกพ่อกลับเป็นเขาเองที่เป็นคนบอกพ่อว่าแกล้งเมียใหม่พ่อ จนถึงเดี๋ยวนี้อารียาก็ยังทำตัวเหมือนเดิมทั้งที่เธอเป็นมาดาม มาร์โกล เต็มตัวและมีน้องชายจอมแสบให้เขาอีกสองคน คือ รุยส์ วัยยี่สิบสองปีและ ราอูล วัยยี่สิบปี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel