ตอนที่4[สัญญาฉบับใหม่]
หนี้[รัก]วิศวะเถื่อน
ตอนที่4
[สัญญาฉบับใหม่]
แพรไหมก้าวเท้าตามคนสวนเข้าไปถึงด้านใน เธอรู้สึกเย็นวาบ เมื่อย่างกรายเข้ามาเจอความเย็นเยียบของเครื่องปรับอากาศที่เย็นจัดจนเธอต้องห่อไหล่
ด้านนอกคฤหาสน์ว่าหรูหราแล้ว แต่พอได้เข้ามาถึงด้านใน มันช่างเหมือนความฝันเอาทีเดียว
แพรไหมเดินก้มหน้า มือเรียวเล็กกำชายเสื้อของลุงคนสวนไว้แน่น
“เด็กคนนี้มาแล้วครับ” ชายชราเบี่ยงตัวหลบ เพื่อให้เจ้านายหนุ่มเห็นเด็กสาวชัดเจนขึ้น
“นี่! เธอ…มาที่นี่ทำไม” แสงเหนือตกใจไม่น้อยคาดไม่ถึง ว่าวันนี้จะมาเจอยัยเด็กนั่นที่บ้านของตน เด็กนี้ไม่ได้มาเสนอให้พ่อเขาใช่ไหม
“คุณ!…คุณคือนายหัวเมฆาเหรอคะ” แพรไหมเอ่ยติดขัดไปหมด นี่เธอเข้าใจว่านายหัวเมฆาจะอายุมากเสียอีก แล้วช็อปที่อยู่บนตัวเขามันเป็นช็อปของมหาวิทยาลัยเอกชน ที่ตั้งอยู่ติดรั้วโรงเรียนของเธอนี่!
“มีธุระอะไรว่ามา ฉันไม่ค่อยว่าง” แสงเหนือเอ่ยขึ้น ตวัดสายตาลอบมองคนตรงหน้า ที่เอาแต่ก้มหน้างุดไม่แม้แต่จะเงยหน้ามาสบตากัน
“คือหนู…หนูจะมาคุยเรื่องหนี้ที่พ่อติดไว้นะคะ นายหัวช่วยยืดเวลาไปก่อนได้ไหมคะ หนูกับพ่อยังไม่มีเงินคืนจริง ๆ”
นี่สินะที่ทำให้เธอมาถึงที่นี่ แสงเหนือกระตุกยิ้มร้ายขึ้นที่มุมปาก
“เงินตั้งครึ่งล้าน เธอคิดว่าเงินก้อนนี้ต้องยกให้เธอฟรี ๆ รึไง” แสงเหนือเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“หนูเข้าใจค่ะ แต่หนูก็อยากจะขอความกรุณาจากนายหัว ช่วยยืดเวลาให้หนูกับพ่อได้หาเงินมาคืนได้ไหมคะ หนูรักบ้านหลังนั้นมาก เพราะมันเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่หนูกับพ่อมีอยู่” แพรไหมเอ่ยขึ้นเสียงสั่น เธอไม่อยากเสียบ้านที่เธอเคยอยู่อาศัยมาตั้งแต่เด็ก หากถูกยึดเปลี่ยนเจ้าของไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้
“ถ้าฉันทำตามที่เธอขอ แล้วจะได้อะไร” แสงเหนือแสร้งถามกลับ
“หนูสัญญาค่ะ ว่าจะหาเงินมาคืนคุณทุกบาททุกสตางค์ คุณสบายใจได้” แพรไหมตอบกลับไปแต่ก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี ว่าจะมีวิธีไหนที่จะหาเงินมาคืนเขาทั้งหมด
“เงินตั้งครึ่งล้าน เด็กอย่างเธอมีปัญญาชดใช้เหรอ” แพรไหมถึงกับสะอึกนั่นสิ! แล้วเธอจะไปหาเงินที่ไหนมาคืนเขาได้ล่ะ เงินตั้งมากมายขนาดนั้น
ความนิ่งเงียบของอีกฝ่าย ที่ทำให้สมองของทายาทนักธุรกิจหนุ่มอย่างแสงเหนือ กระตุกยิ้มร้ายกาจออกมาอีกครั้ง
“มีทางเดียวที่จะช่วยได้” แสงเหนือกวาดมองร่างเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างประเมิน พร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“อะไรค่ะ” แพรไหมถึงกับเงยหน้าขึ้น สบตากับอีกฝ่ายด้วยแววตาที่มีแสงของความหวัง
“มาเป็นคนของฉัน”
“เป็นคนของคุณ! หมายความว่าไง”
“ก็ดูแลทุกอย่างเกี่ยวกับฉัน” เขาว่า แล้วหยุดมองอีกฝ่าย
“คุณบอกมาตรง ๆ เลยดีกว่า หนูต้องทำอะไรบ้าง”
“ปัญหาเยอะขนาดนั้นก็กลับไปซะ“ เอ่ยจบก็หมุนตัวจะขึ้นชั้นสอง
“ตกลง! งานแค่นี้เอง หนูทำได้ค่ะ คุณให้หนูเริ่มงานเมื่อไหร่บอกมาได้เลย” แพรไหมเผยยิ้มกว้าง เอาวะ! เขาคงไม่ใช้งานเธอหนักเกินไปหรอกมั้ง
“ฉันให้เธอเสนอเงินเดือน ว่ามาสิ! ต้องการเท่าไหร่” แสงเหนือว่า
“เงินเดือนเหรอคะ งานง่าย ๆ แบบนี้ หนูขอตามค่าแรงขั้นต่ำ ทำทั้งเดือนหนูขอหมื่นสองค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มน่ารักทำให้คนมองใจเต้นแรงไม่น้อย
“เยอะไป…เธอยังเด็กมาก” เขาว่าแล้วตวัดสายตาขึ้นลงมองรูปร่างเธออย่างประเมินอีกครั้ง
“อย่างเธอ…ให้เต็มที่เก้าพัน”
“มันเกี่ยวกับเด็กไม่เด็กด้วยเหรอ! งั้นหนูขอเพิ่มขึ้นอีกหน่อย…หนึ่งหมื่นบาทขาดตัว” เธอเสนอขึ้นพร้อมจ้องมองหน้าเขาเขม็ง อย่างน้อยถ้าได้ตามที่เรียกร้อง ทำงานอยู่กับเขาไม่กี่ปี เธอต้องมีเงินใช้หนี้เขาหมดแน่ ๆ
“ตกลงฉันให้ตามนั้น” ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มร้ายกาจออกมา อย่างน้อยเธอก็ยังอยู่กับเขาอีกนานแสงเหนือครางในใจ
“คุณให้หนูเริ่มงานเมื่อไหร่” แพรไหมเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น จนคนมองได้แต่ลอบยิ้มตาม
“ถ้าให้เริ่มพรุ่งนี้เธอพร้อมหรือเปล่า”
“ตกลงค่ะ หนูอยากทำงานไว ๆ จะได้เอาเงินมาคืนคุณให้เร็วที่สุด”
“งั้นเรามาทำสัญญากัน” แสงเหนือว่าพร้อมเดินไปหยิบเอกสารมาวางไว้ตรงหน้าเธอ
“ต้องทำสัญญาด้วยเหรอคะ”
“ทำสิ! เงินไม่ใช่น้อย ๆ ตั้งครึ่งล้านเชียว ถ้าเธอเกิดเบี้ยวฉันขึ้นมา ฉันก็สูญเงินเปล่าสิ!” เขาว่า
“ได้! เอาสัญญามาสิ หนูจะเซ็นให้ครบทุกช่องเลย” เธอว่า แพรไหมไม่คิดว่าเรื่องที่เธอวิตกกังวลมาตลอดทั้งสัปดาห์ พอเอาเข้าจริง ๆ มันกลับง่ายดายจนเธอสบายใจขึ้น เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยเชียวล่ะ
“เซ็นสิ! นี่สัญญาระหว่างเรา ส่วนอันนี้ฉันฉีกทิ้งเพราะเป็นสัญญาของพ่อฉันกับพ่อเธอ” แสงเหนือหยิบสัญญาเก่าของบิดามาฉีกทิ้งต่อหน้าเธอ
“คุณชื่อแสงเหนือเหรอ หนูก็นึกว่าชื่อเมฆาซะอีก” แพรไหมเอ่ยขึ้น
“เมฆาพ่อฉันส่วนฉันชื่อแสงเหนือเข้าใจหรือยัง” แสงเหนือเอ่ยยิ้ม ๆ
“อันนี้สัญญาของเราระหว่างเธอกับฉัน เราเก็บไว้คนละฉบับ แต่โฉนดนี้ฉันต้องเก็บเอาไว้ จนกว่าเธอจะใช้หนี้ฉันหมดถึงจะคืนให้เข้าใจตามนี้นะ” แสงเหนือว่า
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
“เข้าใจแล้วก็ไปสิเดี๋ยวฉันไปส่ง”
รถหรูของแสงเหนือแล่นออกจากคฤหาสน์หลังงาม พร้อมมีร่างเล็กนั่งข้างกายมาด้วยท่าทางตื่น ๆ
“คุณแสงเหนือค่ะ ไม่ต้องไปส่งไหมถึงบ้านนะคะจอดข้างหน้านั่นเลยค่ะ ไหมไม่อยากให้พ่อเห็น” ทว่าพอใกล้จะถึงตลาดนัดเธอจึงบอกให้แสงเหนือจอดรถให้ลง
“กลัวพ่อเห็นรึกลัวใครเห็นกันแน่” จู่ ๆ แสงเหนือก็โพล่งขึ้น
“คุณหมายความว่าไงหนูไม่เข้าใจ” แพรไหมหันมาถามคนขับด้วยสีหน้างุนงง
“เธอมีแฟนรึยัง” แสงเหนือไม่ตอบแต่สวนคำถามหยั่งเชิงอีกฝ่าย
“ไม่นะคะ หนูยังเด็ก ยังไม่คิดมีแฟนตอนนี้หรอก” เธอเอ่ยขึ้นอย่างใสซื่อ ทำเอาคนลอบมองถึงกับขยับยิ้มออกมาอย่างพอใจอยู่เงียบ ๆ
ทว่าพอแสงเหนือมองไปอีกฝั่ง เขาถึงกับขยับยิ้มกว้าง
“บ้านเธออยู่ใกล้ตลาดนัดเหรอ! ดีเลยงั้นเราไปเดินตลาดนัดด้วยกัน ฉันไม่เคยเดินตลาดนัดนานแล้ว”
“ไม่ได้นะคะ คุณจะลงไปเดินตลาดนัดไม่ได้”
“ทำไมฉันจะลงไปเดินตลาดนัดไม่ได้ หรือว่าแฟนเธออยู่แถวนี้”
“เปล่านะคะ พ่อไหมขายของอยู่ในตลาดนัดค่ะ ไหมไม่อยากให้พ่อเห็น คุณกลับไปก่อนได้ไหมคะ”
“ทำไมเธออายที่มีฉันเดินด้วยรึไง” เขาว่า
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ หนูไม่อยากให้ใครมองคุณในทางที่ผิด ๆ”
“แล้วไอ้ทางที่ผิด ๆ ของเธอมันคืออะไร” คำถามนี้ของแสงเหนือทำเอาแพรไหมแก้มแดงระเรื่อขึ้น
“เธอกลัวคนแถวนี้จะเข้าใจผิดว่าฉันกับเธอเป็นแฟนกันรึไง ไม่เป็นไรใครจะมองยังไงก็ช่างฉันไม่ถือ” แสงเหนือเอ่ยจบก็ขับรถเลื่อนไปจอดที่ลานจอดของตลาดนัด
“ลงมาสิ ฉันรู้สึกหิวเลิกเรียนมายังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลย” ว่าจบร่างสูงก็เปิดประตูก้าวลงจากรถ
“พ่อเธอขายอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถาม
“ข้าวเหนียวไก่ย่างค่ะ”
“งั้นดีเลย ฉันกำลังหิวข้าวเหนียวไก่ย่างอยู่พอดี ถ้ามีส้มตำด้วยยิ่งดี” แสงเหนือว่า
ทั้งคู่เดินมาถึงร้านของบิดา แพรไหมจึงต้องแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“สวัสดีครับผมชื่อแสงเหนือเป็นเพื่อนของแพรไหมครับ” แสงเหนือเอ่ยแนะนำตัวกับบิดาของเธอ
“คุณลุงขายดีไหมครับ”
“วันนี้พอได้ครับใกล้จะหมดแล้ว” นายมั่นเอ่ยขึ้นพร้อมลอบมองชายหนุ่มตรงหน้า
“งั้นผมเหมาหมดนี่เลยครับ” หลังจากนั้นแสงเหนือส่งเงินให้แพรไหมเดินไปสั่งส้มตำ
ทั้งสามคนรวมบิดาของเธอได้มานั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันที่บ้าน กระทั่งอิ่มแสงเหนือจึงขอตัวกลับบ้านในเวลาต่อมา
และเขาเองที่เป็นคนเล่าถึงสัญญาฉบับใหม่ให้บิดาของเธอรับทราบจากปากของเขา พร้อมกฎกติกางานที่แพรไหมต้องเข้าไปทำงานกับเขาอีกด้วย
“ขอบคุณมากนะครับคุณแสงเหนือ ที่ยืดเวลาให้ผมกับลูก ขอบคุณจริง ๆ” นายมั่นยืนมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินไปขึ้นรถ กระทั่งรถคันนั้นจากไป