ตอนที่5[คนเอาแต่ใจ]
หนี้[รัก]วิศวะเถื่อน
ตอนที่5
[คนเอาแต่ใจ]
แสงเหนือตื่นเช้ากว่าปกติ รีบเข้าไปทำธุระส่วนตัว ก่อนจะก้าวเดินลงมาชั้นล่าง
“คุณเหนือจะออกไปมหา’ลัยแล้วหรอคะ” ป้าช้อยคนเก่าแก่เอ่ยขึ้น
“ครับเช้านี้ผมไม่รับกาแฟนะครับ” ว่าจบร่างสูงก้าวเดินออกไปหน้าบ้าน ป้าช้อยยืนมองรถหรูของนายหนุ่มแล่นจากไป
ปกตินายหนุ่มของเธอ กว่าจะลุกไปมหาวิทยาได้ก็เกือบแปดถึงเก้าโมงโน้นแหละ
รถหรูแล่นมาจอดที่ปากซอยเข้าบ้านของแพรไหม แสงเหนือเหลือบมองไปในซอยเห็นร่างคุ้นตากำลังก้าวเดินมาจวนจะถึงรถอยู่พอดี เขาจึงลดกระจกลง กวาดสายตามองเจ้าของร่างนั้นอย่างเต็มตา
'แพรไหมสวย น่ารักแถมใสซื่อ เขาคิดถูกแล้วใช่ไหม ที่คิดจะเก็บเธอไว้ใกล้ ๆ ตัวแบบนี้’ แสงเหนือจ้องร่างนั้นอย่างลืมตัว เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แพรไหมเป็นคนแรก
ยามเธออยู่ในชุดนักเรียนแบบนี้ เขาถึงกับใจกระตุกเธอไม่เด็กเกินไปใช่ไหม แสงเหนือคิด แต่ก็สะดุ้งขึ้นเมื่อข้างตัวมีร่างที่เขาเก็บไปขบคิด ได้มานั่งลงข้างกายเขาแล้ว
“คุณเหนือไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวสายหนูรีบไปโรงเรียน” เธอเอ่ยเตือนเมื่อเห็นเขายังนิ่ง
“ไปสิ!” เขาว่าแล้วเคลื่อนรถออกไปสู่ถนนใหญ่ ไม่นานรถได้แล่นมาจอดที่ลานหน้าคอนโดฯ
“คุณเหนือพาหนูมาทำอะไรที่นี่” ดวงตากลมโตฉายแววตระหนก
“คอนโดฉัน เราต้องอยู่ด้วยกันที่นี่”
“คุณให้หนูมาทำงานที่คอนโดนี่เหรอคะ ไม่ใช่ที่บ้านอย่างที่หนูเข้าใจ” แววตาตื่น ๆ คู่นั้นทำเอาแสงเหนือนึกเอ็นดูเด็กน้อยไม่ไหว แววตาตื่นเหมือนลูกแมวตัวน้อยกำลังตื่นกลัว อันตรายที่กำลังคืบคลานเข้าหาตัวอย่างไม่มีผิด
“ใช่! ส่วนใหญ่ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่คอนโดมากกว่า งานของเธอต้องดูแลฉัน ฉันจะอยู่ที่ไหน เธอก็ต้องตามมาทำหน้าที่นั้นไม่ใช่รึไง” เขาเอ่ยย้ำสถานะของลูกจ้าง ที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน
“หรือว่าเธอจะเปลี่ยนใจกะทันหัน ฉันจะได้ฉีกสัญญาของเราทิ้งซะ แต่โฉนดบ้านของเธอมันต้องตกเป็นของฉันโดยปริยาย” แสงเหนือว่าอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า
“ไม่ได้นะคะ ฉีกสัญญาไม่ได้ หนูไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ไปกันเถอะ คุณเหนืออยู่ห้องไหน” แพรไหมออกเดินนำชายหนุ่มไปล่วงหน้า จนแสงเหนืออดนึกขำกับท่าทาง ของคนที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเธอไม่ไหว
“เดินลิ่วไปขนาดนั้นรู้หรือไงว่าห้องฉันอยู่ชั้นไหน” แสงเหนือตะโกนถามไล่หลังร่างบอบบางออกไป
“ไม่รู้ค่ะ คนเหนือก็รีบเดินไว ๆ สิคะ สายแล้วนะ เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน”
คู่หนุ่มสาวก้าวออกจากลิฟท์ มาที่ห้องของอีกฝ่าย
“ถึงแล้วนี่ไงห้องของเรา”
“ห้องของเรา หมายความว่าไง” แพรไหมสวนกลับ
“เออ! พูดผิด ห้องของฉัน เธอว่าไงชอบไหม”
“สวยดี กว้างมาก คุณอยู่คนเดียวจริงเหรอ ห้องตั้งกว้างมีห้องนอนตั้งสามห้องด้วย”
“แล้วเธอเห็นมีใครอีกหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่นะ”
“งั้นก็ทำหน้าที่สิ”
“ทำแบบไหนคะ” แพรไหมเอ่ยขึ้นอย่างงง ๆ จะให้เธอทำอะไรก่อนดี
“ฉันอาบน้ำมาแล้ว กำลังจะออกไปมหา'ลัย หน้าที่เธอก็ไปหยิบชุดพวกนั้น มาสวมใส่ให้ฉันแค่นั้นเองทำได้ไหม” แพรไหมได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ อย่างเข้าใจ ‘แค่นี้เองสบายมาก’
เธอเดินเข้าไปในห้องของอีกฝ่าย พร้อมหยิบเสื้อช็อปกับกางเกงมายื่นส่งให้นายจ้าง
“นี่ไงรีบแต่งตัวเลยเดี๋ยวสาย” แสงเหนือยืนนิ่ง แพรไหมจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมไม่รีบแต่งตัวล่ะค่ะ”
“ในสัญญาร่างเอาไว้ว่าเธอต้องมาดูแลฉัน และการแต่งตัวมันก็เป็นหน้าที่ของเธอแพรไหม รีบแต่งตัวให้ฉันเร็ว ๆ สิ เดี๋ยวสายฉันไม่รู้ด้วยนะ” เขาว่าพร้อมยกแขนกางออก เพื่อให้เธอถอดชุดในตัวออก แล้วสวมใส่ชุดใหม่ให้
“คุณแสงเหนือ! นี่มันสัญญาบ้าบออะไร โตขนาดนี้แล้วยังแต่งตัวเองไม่เป็นอีกหรือไง” เธอเอ่ยเสียงขุ่น
“เรียกพี่เหนือสิ!” จู่ ๆเขาก็เอ่ยขึ้น
“ไม่เรียก! กางแขนออกสิค่ะ แขนนี้ก็เหมือนกัน…ใส่ไปสิค่ะ” เธอเอ่ยสั่งเสียงขุ่น พร้อมติดกระดุมเสื้อช็อปให้ทุกเม็ดด้วยสีหน้างอง้ำ ทำเอาแสงเหนืออดเอ็นดูท่าทางของแมวน้อยไม่ไหว
ยามเขาทำให้แมวน้อยตรงหน้าโมโห แถมขู่ฟ่ออยู่ในขณะนี้ แก้มเนียนใสของเธอมันแดงระเรื่อขึ้น ยิ่งทำให้แสงเหนืออดใจไม่ไหว จึงยกมือตรึงท้ายทอยเธอไว้ โน้มใบหน้าลงแล้วฉกชิมริมฝีปากเป็นกระจับนั้นอย่างลืมตัว
จุ๊บ! จ๊วบ!
“คุณ! แสงเหนือ” เสียงเล็กตวาดขึ้น ดวงตากลมโตจ้องเขาอย่างตื่นตระหนก พยายามขืนตัวออกจากท่อนแขนอีกฝ่าย
“เรียกพี่เหนือก่อนสิ แล้วพี่จะปล่อยให้ไหมเป็นอิสระ” ดวงตาคมคร้ามตวัดสบสายตาสวยที่ไหวระริก
“ปล่อยไหมคะ ไหมจำได้ว่าในสัญญาของเราไม่มีแบบนี้”
“ไหมยังอ่านไม่ครบทุกบรรทัดนะสิ แต่ไม่เป็นไรพี่ปล่อยก็ได้ ไหมไปจัดโต๊ะสิ พี่แต่งตัวเสร็จจะรีบออกไปกินข้าวพร้อมกัน” เขาว่า
แพรไหมเดินไปหยิบปิ่นโตที่แม่บ้านจัดส่งขึ้นมาให้ เทลงใส่จาน กระทั่งเรียบร้อยแสงเหนือที่แต่งตัวอยู่ได้เดินมาถึงโต๊ะอาหารพอดี
“กินข้าวกันเถอะสายแล้ว” เวลากระชั้นชิดทำให้แพรไหมหลงลืมเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นจนหมด
ทั้งคู่นั่งทานอาหารด้วยกันจนอิ่ม แพรไหมจึงลุกขึ้นเก็บถ้วยชามจะไปล้าง
“เก็บไว้ล้างตอนเย็น เรารีบไปเรียนกันเถอะ” เขาว่า พร้อมดึงแขนอีกฝ่ายให้ออกเดินไปด้วยกัน
แพรไหมออกเดินตามเขามาเงียบ ๆ กระทั่งถึงรถแสงเหนือเปิดประตูเข้าไปนั่ง แล้วร้องเรียกคนตัวเล็กให้ขึ้นตามมา
“ไหมขอขึ้นรถเมล์ดีกว่า คุณเหนือไปเถอะ”
“ว้าย!” สิ้นเสียงร่างแพรไหม ที่ถูกมือหนากระชากลงมานั่งบนตัก จนเธอตกใจ สาวน้อยได้แต่ดิ้นหนีจากอ้อมแขนแข็งแรงของเขา
“อยู่นิ่ง ๆ ถ้าขืนเธอดิ้นวันนี้เราไม่ต้องไปเรียนกัน” เสียงเข้มดุ ทำให้คนถูกดุแน่นิ่งเงียบ
ทว่าเป็นแสงเหนือเอง ที่กลับคุมสติไม่อยู่ ยามอยู่ใกล้ชิดคนตัวนุ่ม แก้มป่อง ๆ ที่อยู่ไล่ระดับเดียวกันทำให้เขายื่นปลายจมูกโด่งกดเข้าหาแก้มเนียนใสอย่างอดใจไว้ไม่ไหว
ฟอด!
“คุณเหนือ!” แพรไหมโมโหจนตัวสั่น ตั้งแต่แสงเหนือเข้ามาในชีวิตเพียงไม่กี่ชั่วโมง เขาทำให้เธอทั้งโกรธทั้งตื่นตระหนกไปพร้อม ๆ กัน ได้อย่างเหลือเชื่อ
“จะเสียงดังไปทำไม พี่แค่…หอม” แสงเหนือตอบออกมาหน้าตาเฉย
“ปล่อยหนูค่ะ”
“เรียกพี่เหนือก่อนแล้วจะปล่อย” คนเอาแต่ใจบังคับ
“พี่เหนือปล่อยหนูค่ะ”
“น่ารักจัง พี่ปล่อยก็ได้ครับ”
แสงเหนือยกคนตัวเล็กไปวางลงบนเบาะข้างกาย ก่อนจะขับรถออกไปส่งแพรไหม
“พี่เหนือจอดให้หนูลงตรงนี้นะคะ” แพรไหมรีบหันมาบอกคนขับ
“ทำไม! จอดตรงนี้ไหมเดินไปอีกตั้งไกลนะ”
“หนูไม่อยากให้ใครเห็น…นะคะพี่เหนือช่วยจอดตรงนี้เดี๋ยวหนูเดินไปเอง” เธอเอ่ยเสียงอ้อนอย่างน่าฟัง จนแสงเหนือยอมลดความเร็วและจอดให้เธอลง
“ขอบคุณนะคะ” เธอยกมือไหว้เขา ก่อนจะเปิดประตูลง
“เดี๋ยวก่อน ตอนเย็นไหมออกมารอพี่นะ เดี๋ยวพี่มารับ” แสงเหนือบอกก่อนจะขับรถจากไป โดยไม่รอเสียงตอบกลับของเธอ
‘บ้าเอ้ย! เอาแต่ใจ…สั่ง ๆ’ แพรไหมได้แต่ก่นด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ