ตอนที่3[แสงเหนือ]
หนี้[รัก]วิศวะเถื่อน
ตอนที่3
[แสงเหนือ]
สนามบาส
หลังตึกวิศวกรรมศาสตร์
ร่างหนาของแสงเหนือที่มีใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพเจ้าปั้นแต่ง ด้วยมีบิดาที่หน้าตาดีและมีมารดาที่มีเชื้อสายจีน จึงทำให้บุตรชายเพียงคนเดียว โดดเด่นไปทั้งหน้าตาและเรือนร่างที่ขาวผ่อง จนกระทั่งติดอันดับหนุ่มฮอตของสถาบัน ตั้งแต่ปีหนึ่งจนกระทั่งปีสุดท้าย จึงไม่แปลกที่สาว ๆ อีกมากมายต่างหมายปอง วนเวียนยอมพลีกายถวายใจให้ เพื่อจะผูกมัดทั้งกายใจของผู้ชายหน้านิ่งคนนี้มาเป็นของตน
แสงเหนือก้าวมาหย่อนก้นลงบนม้าหินอ่อนอย่างผ่อนคลาย มือเรียวหยิบบุหรี่ขึ้นมาต่อไฟดูดพ่นควันสีเทาจาง ๆ ให้ลอยฟุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทว่าภายในใจกลับมีภาพใครบางคนได้ลอยวนเวียนไปมาในความรู้สึก ที่บังเอิญได้พบกันเมื่อวันวาน
“อ้าว! มึงมานั่งอยู่นี่เอง กูเดินตามหาจนทั่ว” วายุเข้ามาตบบ่าเพื่อนชายเบา ๆ
“ตามหาทำไมวะ”
“อะ! ไอ้นี่ แดกข้าวเสร็จก็จ้ำอ้าวไม่รอกู มันเป็นเชี่ย! ไร”
“กูไม่ได้เป็นไร”
“มึงไม่ต้องมาหลอกกูกูเป็นเพื่อนมึง กูมองออกว่ามึงมีเรื่องในใจ”
“กูไม่มีอะไรจริง ๆ”
ทั้งคู่กำลังสนทนากันอยู่ จู่ ๆ เสียงหวานของใครบางคน ได้ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“พี่เหนือหลบมาอยู่นี่เอง พราวตามหาจนทั่วเลยค่ะ” เสียงหวานของสาวสวยปีสอง ที่ตามตื้อเขามาตลอดสองปี ได้ก้าวเข้ามากอดแขนเขาเอาไว้
“พราวมีธุระอะไร” แสงเหนือเอ่ยถามเสียงเรียบ
“พราวอย่างให้พี่เหนือช่วยติวหนังสือให้นะคะ นะคะพี่เหนือ เย็นนี้ไปช่วยติวให้พราวที่คอนโดพราวนะคะ” เสียงหวานออดอ้อน
“ไม่ว่างเย็นนี้จะกลับบ้าน”
“งั้นพราวไปเที่ยวบ้านพี่เหนือด้วยนะคะ” เธออ้อนต่อ
“ขอตัว…ลืมไปว่าลืมส่งรายงาน” แสงเหนือแกะมือเรียวออกจากแขนพร้อมขยับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง 182ซ.ม ก้าวเท้ายาว ๆ จากไป
“อ๊าย! พี่เหนือ” เสียงพราวฟ้ากรีดร้องออกมาอย่างไม่พอใจอีกฝ่าย เธอเป็นถึงลูกสาวของท่านประธานบริษัทส่งออกรถยนต์เชียวนะ ทำไมแสงเหนือถึงได้ไร้หัวใจกับเธอขนาดนี้
“พี่ยุ…ฝนตามหาพี่เหมือนกันค่ะ” วายุกำลังจะก้าวตามแสงเหนือไปอีกคน ทว่าช้ากว่าแขนเรียวของน้ำฝน ที่ปรี่เข้ามากอดแขนเขาเอาไว้แน่นเช่นกัน
“ปล่อยครับ! เฮ้ย! ไอ้เหนือรอกูก่อนดิวะ กูลืมส่งรายงานเหมือนกัน” วายุบิดแขนออกจากมือน้ำฝนจนหลุด พร้อมออกวิ่งตามร่างสูงของแสงเหนือไปติด ๆ
หน้าตึก
กรี๊ด!
“พี่เหนือ พี่เหนือของฉันหล่อมากอะ!” กลุ่มนิสิตสาวของปีหนึ่งที่ชื่อเชอรี่ หันมาจ้องมองรุ่นพี่หนุ่มปีสี่ที่ตนหมายปอง ร่างสูงก้าวผ่านด้วยทวงท่าสง่างามดั่งนายแบบก็ไม่เกินจริง
สายตาคนที่จ้องมองอีกฝ่ายคล้ายอยากจะเข้าไปตะครุบร่างนั้นมากลืนกินลงท้องไปทั้งตัวเสียให้ได้
“อะ! ฉันอยากได้” เสียงหวานในกลุ่มอีกคนเอ่ยขึ้น
“ไม่ได้! พี่เหนือฉันจองก่อนแกย่ะ! แก…และก็แก…อย่าแม้แต่จะคิด” เสียงแหลมของเชอรี่เอ่ยต่อ
“อ๊าย! พี่วายุ” ในกลุ่มเดิมกำลังมองตามร่างสูงของแสงเหนือไปด้วยสายตาละห้อย ทว่าอีกคนหันมาเจอเข้ากับร่างสูงของวายุ ที่ความหล่อโดดเด่นพอ ๆ กัน ทำให้หญิงสาวอดที่จะกรี๊ดออกมาไม่ได้จริง ๆ
“อะ! พี่ปีสี่มีแต่หล่อ ๆ น่าลากทั้งนั้นอะแก” หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น
“พี่ยุฉันจองก่อน” เสียงมัดหมี่เอ่ยขึ้น
“อ๊าย! แล้วฉันล่ะ”
“แกก็หาใหม่สิย่ะ! แต่พวกแกอย่ามายุ่งกับคนของฉัน” เสียงเชอรี่กับมัดหมี่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
โรงเรียนรัฐบาล
แพรไหมเหลือบมองด้านขวามือ ที่มีรั้วสูงตระหง่านขวางกั้นระหว่างโรงเรียนมัธยมปลายของรัฐบาล กับอีกฝั่งที่เป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังของเอกชน ที่มีค่าเทอมแพงลิบลิ่ว จนคนระดับรากหญ้าอย่างเธอ ไม่กล้าที่จะคิดย่างกรายเข้าไปเฉียดได้เลย
“ไหมมาอยู่นี่เอง ทำรายงานเสร็จรึไง” นวินดาเพื่อนสาวเอ่ยขึ้น
“เสร็จแล้ว ไหมไปเข้าห้องน้ำมา ตอนแรกว่าจะชวนดาเหมือนกัน แต่เห็นยังก้มหน้าอยู่จึงไม่กล้าชวน”
“ดาทำเสร็จพอดี แล้วนี่มายืนมองรั้วทำไม กะจะมองให้ทะลุเข้าไปถึงด้านในรึไง” นวินดาเอ่ยแซวเพื่อนสาว เพราะพวกเธอชอบมายืนมองรั้วสูงนี้อยู่เป็นประจำ
“ด้านในคงดูหรูดูแพงมากว่าไหมดา อย่างเรา ๆ คงได้แต่จ้องรั้วอย่างเดียวสินะ” เสียงเล็กพึมพำออกมา
“ช่างเถอะอย่างเราก็ได้แต่มองรั้วแค่นั้นแหละ อย่าคิดมาก มหาวิทยาลัยรัฐบาลเยอะแยะไป คิดรึยังว่าจบมอหกไหมจะไปสอบเข้าที่ไหนดี” นวินดาหันมาถามเพื่อนสนิท
“ไหมเหรอ! ไม่รู้จะได้เรียนต่อรึเปล่า” คนเอ่ยได้แต่ทำนัยตาเศร้า
“ทำไมล่ะไหม จะไม่เรียนต่อรึไง”
“ไม่ใช่ว่าไหมไม่อยากเรียนหรอกนะ แต่ทางบ้านกำลังแย่ ดาก็รู้ว่าพ่อเราขายของไม่ค่อยดี”
“อืม! อย่าเพิ่งคิดมาก เหลืออีกตั้งสองเดือน ถึงตอนนั้นเราอาจมีทางออกดี ๆ ให้ชีวิตก็ได้”
'อย่างไหมคงไม่มีวันนั้นหรอกดา เพราะบ้านที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่เล็กจนโต ยังไม่สามารถที่จะเก็บมันไว้ได้เลย’ แพรไหมได้แต่ร้องประท้วงเพื่อนสาวอยู่ในใจ
หลังเลิกเรียนแพรไหมรีบเดินออกมาที่ป้ายรถเมล์อย่างเคย ขณะที่เธอยืนรอรถประจำทางอยู่นั้น รถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนหนุ่มอย่างอาทิตย์ ได้เข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าเธอ
“ไหมไปกับทิตย์นะ”
“ขอบใจนะทิตย์ ไหมไปรถเมล์ดีกว่า รถมาพอดีเลยทิตย์ไปเถอะนะ” แพรไหมรีบก้าวไปขึ้นรถเมล์ประจำทาง ทำให้อาทิตย์ออกรถตาม
แพรไหมเห็นเพื่อนหนุ่มบิดมอเตอร์ไซค์แซงรถเมล์ประจำทางไปล่วงหน้า เธอจึงลุกยืนกดกริ่ง เพื่อให้รถจอดในป้ายถัดไป
ร่างระหงหยุดยืนอยู่ที่คิวมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
“จะให้ไปส่งที่ไหนรึเปล่านังหนู” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้น
“ขอโทษนะคะ ลุงรู้จักบ้านของนายหัวเมฆาไหมคะ”
“บ้านนายหัวเมฆใช่ไหม ใคร ๆ เขาก็รู้จักทั้งนั้นแหละหนู แล้วนี่แม่หนูจะอยากรู้ไปทำไม”
“คือหนูอยากไปบ้านนายหัวเมฆ ลุงช่วยไปส่งหนูหน่อยได้ไหมคะ”
“ให้ไปส่งบ้านนายหัวเมฆ หนูจะไปที่นั่นทำไม” ชายวัยกลางคนได้แต่ขบคิด เธอเด็กเกินไปถ้าจะให้เขาไปส่งที่นั่น เธอเด็กเกินไปจริง ๆ
“หนูมีธุระอยากคุยกลับนายหัวค่ะ ลุงช่วยไปส่งหนูหน่อยนะคะ” แพรไหมเอ่ยขึ้นด้วยสายตาวิงวอน
“หนูรู้ไหมหนูยังเด็กมาก ลุงว่าหนูเปลี่ยนใจเถอะนะ” ชายตรงหน้าได้แต่เตือนสติเด็กน้อยให้เปลี่ยนความคิด เนื่องจากแกได้ยินคนร่ำลือไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าผู้หญิงสวย ๆ ส่วนมากชอบไปเสนอตัวให้นายหัวเมฆาอยู่บ่อย ๆ เพื่อล้างหนี้
“หนูรู้ว่าหนูยังเด็ก แต่หนูมีความจำเป็นที่จะไปที่นั่นจริง ๆ ลุงช่วยไปส่งหนูเถอะนะคะ หนูขอร้อง”
ร่างระหงอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ยืนสะพายถุงผ้าราคาถูก ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูรั้วคฤหาสน์หลังหรู แล้วตัดสินใจเอื้อมมือไปกดออดในทันที
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ทำให้ร่างหนาของแสงเหนือที่ก้าวลงจากรถ ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปในบ้านต้องหันขวับกลับมามอง
“มีเด็กผู้หญิงมากดออดเล่นครับคุณเหนือ” คนสวนวิ่งมาแจ้งเจ้านายหนุ่ม
“ใคร! เด็กที่ไหน ไล่ไปให้พ้นผมหนวกหู” แสงเหนือเอ่ยเสียงดุ ก่อนจะก้าวเข้าไปในบ้าน แต่ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงนั่ง เสียงคนสวนคนเดิมที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาอีกครั้ง
“คุณเหนือครับ ผมไล่แล้วแต่เด็กนั่นไม่ไป เธอยืนยันจะขอพบนายหัวให้ได้”
“ได้ถามหรือเปล่าว่าเด็กนั่นมีธุระอะไร” เขาถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“ผมถามแล้วครับ แต่เธอไม่ยอมบอก มีแต่อ้อนวอนจะขอพบนายหัวเพียงอย่างเดียว”
“งั้นก็กลับไปเปิดประตูให้เด็กนั่นเข้ามา” ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจสุด ๆ เขาก็อยากจะรู้ว่าเด็กนั่นมีธุระสำคัญอะไรกับบิดาเขาหนักหนา