ตอนที่ 5 เพื่อนใหม่
“ว่าไงสุดหล่อ ทำการบ้้านหรือยังเอ่ย”
พอได้ยินคำถามของฉันเด็กชายวัยห้าขวบก็ละความสนใจจากรถของเล่นแล้วเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาสงสัย
“ให้พี่สอนไหม ตอนนี้ว่างแล้วนะ” ฉันแกล้งปัดมือตัวเองเป็นเชิงว่าตอนนี้ทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว พร้อมที่จะช่วยสอนการบ้านอย่างที่เขาขอ
“ยังไม่เสร็จเลย เฮียบอกว่าจะสอนเตแต่ก็ไม่ว่าง”
“งั้นไปหยิบการบ้านมา เดี๋ยวพี่รอตรงนี้”
เด็กน้อยพยักหน้าแล้วกระโดดลงจากเก้าอี้หินอ่อน เดินตรงเข้าไปด้านในออฟฟิศก่อนจะออกมาพร้อมกับสมุดแบบฝึกหัดในมือหนึ่งเล่ม
“วิชาคณิตศาสตร์ เตไม่ชอบวิชานี้”
“เดี๋ยวพี่จะสอนนะ มันไม่ยากเลย แถมสนุกด้วยเวลาคิดหาคำตอบ”
เขาพยักหน้าอีกครั้งแล้วเปิดสมุดไปยังหน้าที่ต้องทำส่ง ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเด็กห้าขวบ มีความรับผิดชอบขนาดนี้คงถูกสอนมาดีเหมือนกัน
“เก่งนะเนี่ย ไม่ต้องให้ใครบังคับทำการบ้านเลย”
“เตไม่อยากถูกตี”
“งั้นวันหลังทำการบ้านไม่ได้ให้พี่ช่วยสอนดีไหม จะได้ไม่โดนครูตี”
“อื้อ”
ถึงแม้ท่าทางของตั้งเตจะดูแข็งกระด้างแต่ฉันรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนก้าร้าวอะไร นิสัยนิ่งๆแบบนี้คงเป็นนิสัยที่คล้ายกับพี่ชายตัวเองมากกว่า
“มาเล่นเกมกันดีกว่า” พอเห็นคิ้วเข้มบนในหน้าเนียนใสนั้นขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นตัวเลขในหน้ากระดาษฉันจึงสร้างแรงจูงใจให้เขาสักหน่อย “พี่จะยึดของเล่นทั้งหมดนี้”
“ไม่ได้หรอก นั่นเฮียซื้อให้เต”
“งั้นถ้าอยากได้ เตต้องคิดคำตอบเอง ถ้าข้อไหนที่เตตอบเองได้ พี่จะคืนรถให้หนึ่งคัน” ฉันอธิบายแล้วยึดเอารถของเล่นชิ้นเล็กราวสิบคับมากองไว้ตรงหน้าตัวเอง “แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ได้คืน”
“แล้วไหนบอกจะมาสอนไง”
“ก็เรียนมาแล้วต้องคิดเองก่อน ถ้าให้สอนทุกข้อก็ขอยึดของเล่นนะ กำลังสะสมอยู่พอดีเลยนะเนี่ย” ฉันแกล้งทำเป็นจะเอารถพวกนั้น
“เตทำได้ไหมเนี่ย” ฉันแกล้งเอียงคอถาม
ก็ดูออกแต่แนกแล้วล่ะว่าเขาทำได้ แต่ไม่ทำต่างหาก ที่บอกว่าอยากให้สอนคงเพราะอยากให้ทุกคนสนใจมากกว่า
“นี่ไง เสร็จแล้ว”
“อย่างนี้พี่ก็ไม่ไม่ยึดของเล่นแล้วสิ ไหนเอามาดูก่อนว่าทำถูกหรือเปล่า”
ฉันหยิบเอาการบ้านาี่ตั้งเตเพิ่งทำเสร็จภายในสิบนาทีขึ้นมาตรวจดู น้องทำถูกทุกข้อแถมยังไม่มีแม้แต่รอยลบ นี่มันไม่ใช่แค่ทำได้แล้วเรียกว่าเก่งเลยก็ว่าได้
“เก่งจัง ไม่ต้องสอนเลยสักข้อ” ฉันหันไปชมเด็กผู้ชายหน้าตาดีอย่างกับดาราเด็กแล้วยิ้มให้อย่างจริงใจแต่เจ้าตัวกลับแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วหอบเอาของเล่นตัวเองกลับไปไว้ที่เดิม “งั้นถ้าทำการบ้านเสร็จแล้ว พี่กลับก่อนนะ ไว้เจอกัน”
ฉันรู้ว่าน้องคงไม่ตอบอะไรจึงผุดลุกขึ้น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าฉันต้องไปลงเวลาในสมุดลงเวลาของตัวเอง แค่คิดว่าวันนี้ทำงานไปแปดชั่วโมงแล้วยังเหลืออีกเป็นพันชั่วโมงมันก็ท้อเหลือเกิน
“เดี๋ยวก่อน” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งแล้วจึงตั้งคำถามอยากรู้ “พี่ชื่ออะไรเหรอ”
“พี่ชื่อธัญญ่า เรียกพี่ญ่าก็ได้”
“ออ พี่ญ่า” น้องพยักหน้าอย่างเข้าใจพร้อมกับทำท่าทางครุ่นคิด “เราเป็นเพื่อนกันได้หรือเปล่า”
“หืม เป็นเพื่อนกันเหรอ”
“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก พูดไปอย่างนั้นแหละ” ตั้งเตหันหลังแล้วจับของเล่นของตัวเองเหมือนไม่ใส่ใจ มองแล้วฉันก็เผลอยิ้มออกมา
ท่าทางแบบนี้ควจะเหมือนเฮียเต๋อแน่ๆ แม้ว่าไม่เคยเห็นรายนั้นทำแต่นึกภาพออกทันที
“ได้สิ พี่ก็อยากมีเพื่อนอยู่เหมือนกัน งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันนะ”
“อื้อ”
ตอนที่เข้ามาในสำนักงานเจ้าของอู่ก็ยังนั่งดูเอกสารของเขาอยู่ เขาปรายตามองฉันเล็กน้อยแล้วก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองโดยที่ไม่พูดอะไร
"สมุดลงเวลาของหนูล่ะ"
"บนโต๊ะ" เขาพูดนิ่งๆเช่นเดียวกับใบหน้าที่ฉันมองว่ามันไม่เป็นมิตรกับตัวฉันเท่าไหร่ ถึงแม้จะหล่อบาดใจแค่ไหนก็รู้สึกว่าเราไม่มีทางเข้ากันได้
"พรุ่งนี้หนูมาแค่ช่วงเช้านะ"
"ขอให้หมดไวที่สุด เวลามาทำงานก็ให้มันได้งานไม่ใช่มาเล่นเหมือนตัวเองไม่มีความผิด"
"ค่ะ" ฉันตอบสั้นๆแบบกัดฟันพูด เพราะความหมั่นไส้สุดขีด
"เวลาเลิกงานคือห้าโมงเย็น ที่เหบือฉันไม่นับ"
"เข้าใจแล้วค่ะ หนูก็ไม่ได้โกงหรอกแค่คุยกับน้องเฉยๆ" คนอะไรจ้องแต่จะหาเรื่อง เข้าใจหรอกว่าไม่พอใจแถมคงเกลียดฉันมากแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะฉันไม่มีเงินน่ะ
"ถ้าไม่เห็นแก่เพื่อนฉันไม่ปล่อยให้เธอมาถ่วงเวลาแบบนี้หรอกนะ"
"งั้นหนูต้องไปขอบคุณพี่สะใภ้แล้วสินะ"
"..."
"มีอะไรอีกไหมคะ"
"จะไปไหนก็ไป"
ท่าทางหงุดหงิดของพี่อี้เต๋อไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากท่าทางกวนๆของฉันหรือเพราะว่าฉันกำลังพูดถึงพี่สะใภ้ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่อี้เต๋อ
เพราะฉันได้ยินมาจากพี่ธูปว่าพี่อี้เต๋อแอบชอบเพื่อนตัวเองและนั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากับพี่ชายของฉันไม่ค่อยจะลงรอยกันจนถึงทุกวันนี้
แล้ววันอาทิตย์ที่เคยเป็นวันหยุดสุดพิเศษ เอาแต่นั่งๆนอนๆดูซีรี่ย์ หรือไปก็ออกไปเที่ยว เดินห้าง นั่งคาเฟ่กับเพื่อนก็หายวับไปกับตา ต้องมาทำงานกับพวกชายฉกรรจ์ทั้งห้าหกคนแถมยังเหม็นทั้งสีทั้งน้ำมันเครื่องยนต์
"สรุปยังไง ไปทำงานอะไรบ้านมัน" เสียงพี่ธูปดังขึ้นมาตอนที่ฉันกำลังเดินคอตกหมดแรงเข้าบ้านพอดี วันนี้พี่ธูปไม่ได้เปิดอู่แต่คงแวะมาหาพ่อแล้วแยะรับพี่น้ำชาที่ร้านกาแฟซึ่งเป็นร้านที่ทั้งคู่เปิดด้วยกัน
"ก็ทั่วไป ที่พอทำได้"
"แกก็นะ ขับจักรยานยังไงไปชนรถคนอื่น แถมรถมันยังจอดอยู่เฉยๆ ยังมาเป็นไอ้เหี้ยเต๋ออีก" พี่ธูปทำจิบปากจิบคอพูดเหมือนคนกำลังหมั่นไส้
"เอาเวลาบ่นๆมาช่วยคิดหาตังดีกว่า หรือไม่ก็เอามาให้ยืมก่อน"
"อยากให้อยู่หรอก แต่แม่ไม่ยอม บอกให้แกรับผิดชอบเอง"
แม่ก็แบบนี้แหละ ขนาดเรื่องที่เป็นหนี้ยังไม่บอกใครเลย พี่ธูปก็มีเงินเยอะจะตายไปแต่แม่ไม่อยากรบกวน
“ญ่ามีเรื่องจะปรึกษาหน่อย”
“อะไร เรื่องเงินไม่คุยนะ”
“งั้นไม่คุยด้วยแล้วนะเบื่อพี่ธูปแล้ว”
ฉันแกล้งทำเป็นเดินผ่านเขาไปเพราะความรำคาญพี่ชายตัวเอง ไม่รู้ว่าพี่น้ำชาตกหลุมรักคนแบบนี้ได้ยังไงกันหรือใช้น้ำมันพรายชื่อดังไหนก็ไม่รู้ถึงมีเมียกับเขา
“โอเคๆ ว่ามา”
ฉันถอนหายใจแล้วกอดอกมองพี่ชายตัวเอง ก่อนจะหันซ้ายแลขวาดูว่าไม่มีใครจะมาได้ยินเร่่องที่เราคุยกัน
“พี่รู้เรื่องที่แม่ไปเป็นหนี้ชาวบ้านไหม”
“ไม่ แกไปเอามาจากไหน” คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันเป็นคำตอบได้ดีเลยว่าเขาไม่รู้เรื่องยิ่งกว่าฉันอีก
“ก็…” ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่ธูปฟัง แน่นอนว่าเขาเองก็ตกใจที่ได้ยินแบบเดียวกับฉันเมื่อวันก่อน พี่ธูปคงรู้สึกผิดที่ไม่ได้ได้ช่วยแม่มากกว่าเพราะพี่ชายฉันตอนนี้ก็พอจะมีเงินเหลือเฟือแล้ว แต่มารู้ว่าแม่ลำบากแบบนี้คงรู้สึกแย่น่าดู
“ทำไมแม่ไม่เคยบอกเรา”
“แม่คงไม่อยากให้เราคิดมากล่ะมั้ง แล้วตอนนี้ญ่าก็มาทำเรื่องสร้างปัญหาอีก”
พี่ธูปเงียบก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เดี๋ยวเรื่องแม่พี่จะจัดการเอง ส่วนเรื่องแกจะให้ช่วยไหม”
“ไม่เป็นไร เรื่องนี้ญ่ารับผิดชอบเอง” เงินก็ไม่ใช่น้อยถ้าฉันให้พี่ธูปมาช่วยอีกคงกลายเป็นตัวภาระ ตอนนี้เขากำลังจะมีตัวเล็กกับพี่น้ำชาอีก
“อืม ถ้ามันใช้งานหนักหรือรังแกอะไรก็บอก”
“มีแต่ญ่าแหละจะไปรังแกเขา พี่ธูปไม่ต้องห่วงหรอก สบายมาก”
ฉันบอกไปอย่างนั้นทั้งที่ภายในใจคือรู้สึกท้อเหลือเกินที่ต้องทำงานให้อู่นั่นไปอีกเป็นปี ฉันรู้ว่าทางนั้นนั้นก็ไม่มีทางเลือกเพราะฉันไม่ยอมจ่าย ที่บอกว่าเห็นแกพี่น้ำชาก็คงจะจริง
แต่จะให้รบกวนพี่ชายตัวเองที่มีครอบครัวแล้วฉันก็ไม่กล้า ไหนจะเรื่องพ่อกับแม่อีก พี่ธูปก็คงเหนื่อยมากพอแล้ว เพราะที่ผ่านมาพี่ชายฉันก็เสียค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาพ่อไปมากพอสมควร