ตอนที่ 4 วันหยุดที่หายไป
“ให้มาทำงานใช้หนี้ไม่ใช่มาชวนคนอื่นคุยจนเสียการเสียงาน!”
เสียงหัวเราะนั่นไม่ใช่ของแม็กและเสียงที่ดังขึ้นมานั้นก็ไม่ใช่เขาแต่เป็นเจ้าของอู่สุดโหดที่ทำให้ลูกน้องอย่างแม็กต้องรีบหันกลับไปทำงานโดยไม่ยอมคุยกับฉันอีก
“สรุปเธอจะทำงานไหม”
“หนูก็จะทำอยู่นี่ไง”
“ฉันไม่ชอบคนที่อ้างนั่นอ้างนี่ ปากพูดแต่มือไม่ขยับ เธอควรรู้ตัวนะว่าควรทำตัวยังไง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดแถมยังเท้าเอวมองฉันอย่างเอาเรื่อง
“ค่ะ” ฉันกัดฟันตอบรับสั้นๆแล้วก้มลงหยิบอุปกรณ์ยื่นให้เพื่อนอย่างจำใจยอมรับ
“เห็นว่าโตแล้วนะฉันถึงไม่ไปคุยกับพ่อกับแม่เธอ แต่ถ้ายังทำตัวแบบนี้ก็กลับไปแบมือขอเงินพ่อแม่มาใช้หนี้เถอะว่ะ”
“นี่!…”
“พี่สาวมาทำงานในอู่ด้วยเหรอ”
ขณะที่ฉันกำลังอารมณ์พุ่งทะยานจนเกือบถึงขีดสุดแล้วเกือบเผลอปล่อยอารมณ์นั้นออกไปเสียงของเด็กผู้ชายคนเดิมก็ดังขึ้นขัดจังหวะเลยต้องหยุดความคิดที่จะเถียงกลับไปเพราะอารมณ์ที่ถูกยั่วโมโหแล้วก้มลงไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นแทน
“เฮียให้พี่สาวมาสอนการบ้านเตได้เปล่า วันนี้การบ้านยากมากเลย”
“เดี๋ยวเฮียสอนเอง”
“วันก่อนก็บอกแบบนี้ แต่ไม่เห็นสอนเลย โดนครูดุเพราะเฮียตลอด” พูดจบเด็กชายก็เดินคอตกกลับไปเหมือนคนกำลังน้อยใจ ท่าทางน่าสงสารนั้นทำเอาฉันอยากเดินเข้าไปปลอบแต่ติดที่มันไม่ใช่หน้าที่ แถมไม่สนิท
“ทำงานของเธอไป อย่าให้ฉันต้องรู้สึกเสียเวลากับเธออีก”
ไม่รู้ทำไมทำอะไรก็เหมือนจะไม่ถูกใจนายจ้างเลยสักอย่าง นี่เพิ่งวันแรกก็โดนด่าจนน่วมแล้ว ฉันจะรอดไปถึงอาทิตย์หน้าไหมนะ หรือสุดท้ายต้องไปลำบากพ่อแม่อีก
ไม่เด็ดขาด! ฉันต้องทำให้ไอ้เฮียนี่เห็นว่าคนอย่างฉันไม่ต้องแบมือขอเงินพ่อแม่อย่างที่เขาว่าหรอก คอยดูนะ ‘ไอ้เฮียเต๋อ!’
“อย่าไปโกรธเฮียเลย เขาพูดเพราะอยากให้เราคิดได้นั่นแหละ” พอเจ้าของอู่เดินจากไปแม็กก็เริ่มบทสนทนากับฉันอีกรอบ เหมือนก่อนหน้านี้มีพายุซัดเข้ามาแล้วตอนนี้มันก็พัดหายไปทางอื่นแล้ว
“อืม ไม่โกรธหรอก” ฉันพูดไปอย่างนั้นทั้งที่ยังคิดแค้นเคืองอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่เกิดมาแม่ยังไม่เคยด่าฉันแรงแบบนี้เลย “ว่าแต่เด็กคนนั้นใครเหรอ”
“ตั้งเต น้องเฮียเขา”
“ออ อายุห่างกันขนาดนี้เลยเหรอ”
“น้องชายต่างแม่ แต่เตแม่เขาเสียแล้ว”
“จริงเหรอ น่าสงสารจัง…” ฉันหันไปมองที่ตั้งเตอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะยาว ดูเหมือนกำลังทำการบ้านอยู่อย่างที่บอกก่อนหน้านี้
“ชอบเด็กเหรอ ช่วยจับนี่หน่อย” แม็กถามแล้วขอความช่วยเหลือจากฉันก่อนที่เขาจะค่อยๆพ่นสีอย่างสม่ำเสมอไปบนแผ่นโลหะรูปทรงประหลาดนั่น
“ชอบนะ น่าฟัด”
“เดี๋ยวก็ไปสอนการบ้านน้องมันสิ เฮียไม่ว่างหรอกให้ความหวังเตตลอด เอ็นดู” แม็กเอ่ยแล้วทำงานของเขาอย่างตั้งใจ ฉันก็เหลือบมองตั้งเตอย่างเป็นห่วง
“แล้วแม่เสียเพราะอะไรล่ะ ลูกอายุแค่นี้อยู่เลย”
“อย่าไปพูดให้เฮียได้ยินนะเรื่องนี้” แม็กหยุดการกระทำแล้วเหลือบมองไปด้านหลังอย่างระแวดระวัง “เธอฆ่าตัวตาย ตั้งแต่เตอายุได้สองขวบ”
จุก เหมือนมีก้อนอะไรหน่วงอยู่ที่อกเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันทั้งที่ฉันก็เพิ่งจะเคยได้ยินเรื่องของเด็กคนนี้แท้ๆ
“มีอะไรโหดร้ายกว่านี้อีกไหม”
“แล้วแม่เตคือเพื่อนสนิทเฮียด้วย” แม็กพูดเบาๆเหมือนกลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้า แต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดให้ใครได้ยินเลยจริงๆ ถึงแม้ว่าเรื่องจะผ่านไปหลายปีแล้ว ฉันกลับรู้สึกว่าความเจ็บปวดของคนที่รับรู้เรื่องราวยังคงเท่าเดิม “ฉันเล่าเพราะไม่อยากให้เธอไปพูดอะไรไม่เข้าหูเฮียเต๋ออีก เป็นห่วง”
“ขอบคุณนะ”
“ไอ้แม็ก ไวนะมึง” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นตอนที่เราสองคนกำลังช่วยกันพ่นสีอย่างเอาจริงเอาจัง จนตอนนี้เสื้อผ้าที่ฉันใส่มาโดยไม่ได้คิดว่าจะต้องเริ่มงานเริ่มเปรอะเปื้อนไปด้วยสีและคราบสกปรกจากการทำงานไปแล้วเรียบร้อย
“เพื่อนผมพี่ฟิล์ม มันมาทำงานใช้หนี้เฮีย”
“ออ คนนี้เองเหรอ”
สายตาและคำพูดของช่างคนนี้เดาไม่ออกเลยว่าก่อนหน้าพวกเขาพูดถึงฉันว่ายังไงบ้าง แต่คงไม่ใช่ในทางที่ดีแน่ๆ
“สวัสดีค่ะพี่ ธัญญ่านะคะมีอะไรเรียกใช้ได้เลยค่ะ”
“เอ่อ ครับๆ พี่ฟิล์มนะ พี่ไม่รู้จะใช้อะไร มีแต่งานผู้ชายทั้งนั้น”
“งานอะไรก็ไหวเรียกได้ตลอดค่ะ เดี๋ยวเขาหาว่าทำตัวแย่” ตอนพูดคำนี้เจ้าของอูเดินมาพอดีฉันเลยแกล้งทำเป็นไม่เห็น ช่วยงานแม็กแต่ปากขยับพูดเสียงดังให้เขาได้ยิน พี่ฟิล์มถึงกับทำหน้าเลิกลักคล้ายทำอะไรไม่ถูกสุดท้ายก็แกล้งคุยกับแม็กเรื่องอะไหล่รถแทน
“น้องเต๋อให้น้องเขาไปซื้อข้าวให้พวกเราไหม ใกล้เที่ยงแล้ว” ช่างอีกคนที่โผล่มาจากไหนสักแห่งเดินมาทางพี่อี้เต๋อแล้วส่งยิ้มให้ฉัน ดูเหมือนจะเป็นคนที่อายุเยอะที่สุดในอู่นี้
คนถูกถามไม่ตอบทำเพียงพยักพเยิดหน้าไปหนึ่งทีอย่างไม่ใส่ใจ เขาตรวจเช็คเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตคันหนึ่งอยู่
“คนนี้พี่ชัย คนเก่าคนแก่ของอู่”
“มึงว่าใครแก่ไอ้แม็ก”
“แก่สุดในอู่นี้ก็พี่แหละคร้าบ”
แล้วแม็กก็โดนแทงศอกจากพี่ชัยไปหนึ่งทีแบบจุกๆ ดูแล้วก็อบอุ่นเหมือนกันนะอู่นี้ เท่าที่ดูแล้วมีพนักงานทั้งหมดห้าคน
แม็ก พี่ชัย พี่ฟิล์ม พี่เอกแล้วก็พี่เค มีแค่แม็กที่เป็นคนในพื้นที่ คนอื่นส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด แม็กบอกว่าทุกคนเป็นช่างฝีมือดีและเรียนจบสูงทั้งนั้น บางคนเคยไปดูงานและฝึกงานถึงต่างประเทศ
ก็แน่ล่ะ รถแต่ละคันที่มาซ่อมราคาไม่ใช่น้อยๆ ความรับผิดชอบของช่างและเจ้าของอู่ก็ต้องสูงเพิ่มขึ้นไปอีก ระบบการทำงานไม่เหมือนอู่บ้านๆของพ่อฉันหรอก อยากเปิดปิดตอนไหนก็ได้ ลูกค้าก็มีแต่พวกชาวบ้านทั่วไปทั้งในและต่างพื้นที่
แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าของพ่อจะเป็นลูกค้าประจำทั้งนั้น ช่วงหลังๆมานี้อู่เริ่มเงียบ รายได้ก็เริ่มลดเพราะเพราะป่วยหนัก ถึงแม้ว่าจะมีพี่ธูปมาช่วยสานต่อกิจการ แต่เขาก็มีธุรกิจอย่างอื่นที่ต้องทำด้วย เลยคล้ายว่าจะไปไม่รอด
ที่ยังเปิดอยู่ทุกวันเพราะพ่อยังรักมันมาก ถึงแม่ตัวเองจะไม่ไหวแต่ก็ยังเปิดมันไว้เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว
“ห้าโมงแล้ว กลับกันเถอะ” แม็กเอ่ยหลังจากที่เขาจัดการเก็บอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือหลายๆอย่างเข้าที่ เปลี่ยนเสื้อที่เปรอะเปื้อนตอนใส่ทำงานเป็นเสื้อยืดสีเทาคองีจนดูสะอาดตา
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
“ยังไม่กลับเหรอ เวลาเลิกงานแล้วนะ” เขาย้ำอีกทีเหมือนกลัวว่าฉันจะไม่รู้
“เดี๋ยวว่าตะไปดูน้องก่อน” ฉันบุ้ยปากไปทางตั้งเต ซึ่งตอนนี้นั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างสำนักงานของอู่
“ออ โอเค แล้วพรุ่งนี้เธอไม่มีเรียนเหรอ”
“มีช่วงบ่าย ฉันก็จะมาทำงานตอนเช้า”
“ออ งั้นก็เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“อื้อ”