บทที่ 2 บทนำ 1.1
บ้านไม้กลางเก่ากลางใหม่ตั้งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ต้นใหญ่ ที่แผ่กิ่งใบปกคลุมหลังคากระเบื้องของบ้าน เสียงแรงลมกรรโชกแรงราวกับว่ากำลังจะเกิดพายุลูกใหญ่ ฟากฟ้าเริ่มมีแสงสุรีย์เปล่งประกายวับวาบเป็นระยะ พร้อมกับเสียงแผดร้องของท้องฟ้าเบื้องบน ดังก้องสนั่นไปทั่วบริเวณ
“ยายจ๋า..ต้นข้าวจะทำยังไงดี?”
พิตตนันท์สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ถามคำถามอย่างเลื่อนลอย ในมือถือค่าใช้จ่ายที่ทางโรงพยาบาลแจ้งมาให้ หลังจากที่ยายหอมปลอดภัยจากโรคแทรกซ้อน และมาพักรักษาตัวที่ห้องพักฟื้นให้สภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ พร้อมที่จะทำการผ่าตัดเอาเนื้องอกบางส่วนที่เกิดขึ้นในร่างกายออก จำนวนเงินที่ต้องจ่ายงวดแรกสี่หมื่นบาท ทำให้พิตตนันท์แทบร้องไห้ออกมา ขาทั้งสองข้างของเธออ่อนแรงเสียดื้อๆ เดินทางกลับมาบ้านแทบไม่ไหว เงินที่อยู่ติดตัวมีไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท เพราะเงินที่เก็บหอมรอมริบมาหลายปี หมดไปกับการรักษาพยาบาลในวันแรกๆ ที่พายายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
หญิงสาวคิดหาหนทางหาเงินจำนวนมากขนาดนี้ หากแต่สมองของเธอหาคิดออกไม่ มันอื้ออึง สับสน รูปถ่ายยายหอมที่ติดอยู่บนฝากระดานของตัวบ้าน นึกถึงบุญคุณที่ยายทนเลี้ยงเธอมาตามลำพัง คิดถึงความอบอุ่นที่ได้รับจากผู้เป็นยาย และสุดท้ายคือคำพูดของมารุตที่แล่นเข้ามาในสมองอย่างเฉียบพลัน
“เพื่อยาย..ต้นข้าวทำได้ ทำได้”
การตัดสินใจครั้งสุดท้ายและยิ่งใหญ่ที่สุดของพิตตนันท์ก็เดินทางมาถึง สาวน้อยลุกขึ้นยืนก้าวเดินออกไปจากบ้านหลังน้อย จุดหมายปลายทางคือบ้านของมารุต ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ก้าวแต่ละก้าวของเธอเต็มไปด้วยความรักและความกตัญญูต่อยายหอม ที่ชุบเลี้ยงเธอมาเป็นทั้งพ่อและแม่ในคราเดียวกัน
............
พิตตนันท์เดินทางมาถึงบ้านของมารุตในเวลาไม่ถึงสิบนาที เธอสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกกำลังใจ ระบายออกมาเพื่อต่อสู้กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น นิ้วเรียวกดที่สัญญาณกริ่งหน้าบ้านสองครั้ง ไม่นานสาวใช้ประจำบ้านเดินออกมาดูผู้มาเยือน
“ต้นข้าวเองเหรอ?..มาหาใคร..คุณนายไม่อยู่หรอก” เจี๊ยบสาวใช้ที่รู้จักพิตตนันท์เอ่ยถาม
“มาหาคุณรุต”
“งั้นเข้ามาก่อนสิ คุณรุตนั่งทำงานอยู่ที่สนามพอดี”
เจี๊ยบเปิดประตูให้หญิงสาวนิสัยดีเข้ามาภายในเขตบ้าน ก่อนจะเดินนำหน้าไปหามารุตที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะม้าหิน มารุตเห็นพิตตนันท์เดินมาแต่ไกล รู้ดีว่าคำตอบที่เขาจะได้รับคือคำตอบที่เขาต้องการ เมื่อพิตตนันท์เดินทางมาถึงที่โต๊ะม้าหิน ลูกชายเจ้าของบ้านโบกมือไล่ให้สาวใช้ออกไปจากบริเวณนี้ทันที เพราะเขาต้องการพูดกับเธอตามลำพัง
“คุณรุต..คุณอยากได้คำตอบจากต้นข้าวอยู่หรือเปล่าคะ?” หญิงสาวรวบรวมความกล้าพูดออกไป
“ก็ว่ามาสิ..คำตอบของเธอคืออะไร?” พิตตนันท์ประสานมือเข้าหากันแน่น รู้สึกหนักปากขึ้นมาทันที หากแต่เธอก็เอ่ยออกไปในที่สุด
“ตกลงค่ะ” มารุตยิ้มกับคำตอบที่ได้รับ ส่วนพิตตนันท์หน้าชาเมื่อเห็นสายตาของมารุตที่มองมาที่เธอ
“ก็ดี..ฉันขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้มั้ย..เพราะฉันต้องมั่นใจว่าของขวัญชิ้นที่ฉันจะมอบให้เพื่อนยังสดๆ ซิงๆ อยู่”
เป็นครั้งที่สองที่ใบหน้าของเธอชา หากแต่ครั้งนี้มันมากมายกว่าครั้งแรกมากนัก เป็นเพราะสายตาของเขาที่มองมา มันเต็มไปด้วยคำดูถูกเหยียดหยาม
“เธอเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนหรือเปล่า?”
พิตตนันท์อยากจะสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าของชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ โทษฐานที่ดูถูกและเหยียดหยามศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงเช่นเธอ
“ถ้าคุณรุตไม่มั่นใจว่าต้นข้าวจะมีสิ่งนั้นอยู่หรือเปล่า แล้วคุณรุตมาเสนอเงินให้ต้นข้าวทำไม?” หญิงสาวย้อนถาม และนั่นมากพอที่จะเป็นคำตอบให้กับมารุต
“แสดงว่าสิ่งที่ฉันคิดว่าเธอจะมีให้เพื่อนฉัน..มันก็มีจริงๆ เอาล่ะ เป็นอันว่าเธอสอบผ่าน ฉันจะมอบของขวัญที่มีชีวิตให้กับเพื่อนรักของฉันในวันเกิดในปีนี้” มารุตสรุป
“ต้นข้าวขอถามอะไรสักสองสามข้อได้หรือเปล่าคะ?..ไหนๆ ต้นข้าวต้องไปเป็น..เอ่อ..ของขวัญวันเกิดให้กับเพื่อนคุณอยู่แล้ว” พิตตนันท์อยากทราบรายละเอียดต่างๆ ของผู้ชายที่ได้รับของขวัญชิ้นนี้
“ว่ามาสิ..อยากรู้อะไร?” มารุตพูดพลางจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ ไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่เขาทำ
“ต้นข้าวอยากรู้ว่า..ว่า..ต้องไปเป็นของขวัญให้กับเพื่อนของคุณรุตนานเท่าไหร่คะ?” หญิงสาวหลบสายตาของมารุต เมื่อถามคำถามนี้ออกไป ชายหนุ่มยิ้มเย็นก่อนจะตอบ
“เพื่อนฉันไม่ชอบใช้ผู้หญิงซ้ำ..อย่างน้อยหนึ่งคืน..อย่างมากไม่เกินสามคืน”
คำพูดง่ายๆ ฟังสบายๆ ของมารุต ทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้นมาบ้างที่รู้ว่าต้องตกนรกไม่เกินสามวัน สิ่งที่เธอกำลังจะสูญเสียไป แลกกับชีวิตของยายหอมผู้เปรียบเสมือนบุพการีของเธอ มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มในความรู้สึกของเธอ
“เพื่อนคนนี้ใช้ผู้หญิงเปลือง เจ้าชู้เป็นเพลย์บอยตัวยง เขาไม่หยุดอยู่กับผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอหรอก ฉันว่าแค่คืนเดียว เธอก็หมดหน้าที่แล้ว”
หญิงสาวไม่โต้ตอบกับคำพูดของมารุต เพราะถือว่าคำตอบที่ได้รับมากพอแล้ว เธอคงเป็นของเขาแค่คืนเดียวทุกอย่างก็จบ แค่คืนเดียวพิตตนันท์ย้ำเตือนอยู่ในใจ
“นี่เงินห้าหมื่นเป็นงวดแรกที่เธอจะได้รับ เมื่องานเสร็จเธอมารับส่วนที่เหลือ”
มือหนาค้นหาอะไรบางอย่างที่อยู่บนกองเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะหิน หยิบสมุดเช็คขึ้นมากรอกตัวเลข และกำกับชื่อลงนาม ยื่นให้หญิงสาวเป็นค่าตอบแทน กับการเป็นของขวัญวันเกิดที่มีชีวิต เพื่อมอบให้กับเพื่อนรักของเขา
“เอาไปขึ้นเงินได้ทันทีเลยนะ..วันอาทิตย์มาหาฉันที่นี่ตอนสี่โมงเย็น เราต้องไปก่อนที่งานจะเริ่ม” มารุตกำชับหญิงสาวถึงวันเวลา พิตตนันท์รับเช็คด้วยมืออันสั่นเทา เก็บเช็คลงในกระเป๋าถือ
“ต้นข้าวกลับก่อนนะคะ”
เธอขอตัวกลับทันทีเวลาสามวันต่อจากนี้ คือช่วงเวลาทำใจให้เข้มแข็ง นึกถึงผู้เป็นยายและความรักที่นางมอบให้ เพื่อเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับรอยราคีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า