ตอนที่ 2 ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก
เช้าวันถัดมาโอเมก้าเจ้าของกลิ่นฟีโรโมนซากุระก็ฮำเพลงอย่างอารมณ์ดีหมุนตัวกลับไปกลับมาหน้ากระจกเพื่อดูว่าตัวเองดูดีรึยังเพราะว่าวันนี้เป็นวันสำคัญ เป็นวันที่เขาไปเซ็นสัญญากับทางค่ายเป็นค่ายเดียวกันกับพี่คีย์ เขาอยู่ต้องทำให้ทุกคนประทับใจในการเจอเขาครั้งแรกเลยต้องแต่งหน้าแต่งตัวสักหน่อย
เมื่อวานหลังจากที่พี่คีย์เอาของที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาเก็ตวางไว้เขาก็ได้ชวนพี่คีย์ทานข้าวแต่ก็ปฏิเสธ ร่างสูงก็เดินกลับห้องของตัวเองซูกัสเมื่อเห็นแบบนั้น เขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่พี่แกไม่เดินลงไปหาโอเมก้าที่ชื่อเคนอะไรนั่น เพราะไม่มีใครชอบที่เห็นคนที่ตัวเองชอบไปมีอะไรกับคนอื่น แต่ตอนนี้สถานะของเราเป็นแค่อดีตเพื่อนข้างบ้านกันเท่านั้นไม่มีสิทธิ์มีเสียงในตัวพี่เขา แต่หลังจากนี่แหละเขาจะจับพี่แกมาเป็นสามีให้ได้เลย
“สวัสดีครับพี่อ๋อยมาเร็วจังเลยผมเพิ่งลงมาเอง”
เมื่อลงมาที่ข้างล่างคอนโดก็เห็นพี่อ๋อยมาจอดอยู่หน้าคอนโดเขาก็รีบวิ่งขึ้นไปในรถทันทีเพราะรู้สึกร้อนเหมือนผิวจะไหม้เขาไม่ค่อยชอบประเทศไทยก็ตรงที่ร้อนนี่แหละที่เหลือเขาชอบหมด
“เป็นไงเราเจอแดดประเทศไทยเข้าไปร้อนเหมือนตกนรกเลยใช่ไหมล่ะ”
“ครับก็นิดหน่อย”
เมื่อนั่งไปได้สักพักคนตัวเล็กก็เริ่มประเด็นที่ตัวเองอยากรู้ทันที
“พี่อ๋อยครับพี่รู้จักพี่คีย์ไหมครับ”
“เราหมายถึงคุณคีย์ที่อยู่ค่ายเดียวกันกับเรานะเหรอรู้จักสิทำไมจะไม่รู้ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“อ่อ ผมอยากรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงเหรอครับ”
“ทำไมถึงอยากรู้เรื่องของคุณคีย์ละ แต่ไม่เป็นไรเดียวพี่จะเล่าให้เราฟังเอง”
จากนั้นพี่อ๋อยก็เล่าทุกเรื่องที่รู้มาให้โอเมก้าที่เข้ามาเป็นเด็กปั้นคนใหม่ของเธอฟังทั้งเรื่องความเอาแต่ใจของเจ้าตัว และความเจ้าชู้ที่เปลี่ยนคู่ควงปล่อยยิ่งกว่าเปลี่ยนกางเกงในถึงจะพูดแบบนั้น แต่แววตาของพี่อ๋อยก็ยังมีความชื่นชมอยู่ในนั้นพี่ก็ชมเรื่องความเป็นมืออาชีพและฝีมือการแสดงของพี่คีย์และทั้งเก่งทั้งหล่อดูเหมือนจะเพอร์เฟกต์ไปหมดแต่คนที่อยู่ค่ายเดียวกันก็เห็นข้อเสียของร่างสูงอย่างชัดเจน
“ถึงแล้วลงได้เลยค่ะ”
ตอนนี้เขามายืนอยู่ที่ค่ายที่ใหญ่และดังระดับประเทศเป็นค่ายที่มีดาราดัง ๆ มากมายสังกัดอยู่เมื่อลงจากรถยืนรอพี่อ๋อยเอารถไปจอดก็เดินนำทางขึ้นไปที่ชั้นบริหารที่อยู่ชั้นบนสุด
“เรานี่เพิ่งเข้ามาวันแรกก็สะกดทุกสายตาให้มองมาเลยนะต้องปังแน่ ๆ พี่อ๋อยคนนี้ขอฟันธง”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งครับพี่อ๋อย”
“รอดูได้เลยค่ะพี่ขอเอาหัวเป็นประกัน”
โอเมก้าร่างบางที่ใส่ชุดสุภาพอย่างเสื้อเชิ้ตกางเกงเสลคทับด้วยสูทตัวใหญ่ก็หัวเราะคิก ๆ คัก ๆ อย่างสนุกสนานกับสิ่งที่ผู้จัดการพูดเขาไม่ได้อยากจะเป็นนักแสดงจริง ๆ แต่ขอแค่ได้เล่นคู่กับพี่คีย์ก็พอใจแล้วเขาอยากเป็นแฟนไม่ได้อย่างเป็นนักแสดงสักหน่อยนั้นคือจุดประสงค์ที่เขามาจริงเงินทองเขาไม่ได้ขัดสนขนาดนั้น ตัวเขาก็พอจะมีเงินเก็บและกองทุนและหุ้นต่าง ๆ ที่ป๊าเป็นคนจัดการลงทุนให้เขาตั้งแต่ยังเด็ก
“เซ็นห้าปีเลยเหรอครับผมอยากเซ็นอยู่ที่หนึ่งปีถึงสองปีครึ่งได้ไหมครับ”
“ทำแบบนั้นคงไม่ได้หรอกครับเพราะทางค่ายอาจจะเสียเปรียบได้และส่วนใหญ่เซ็นห้าปีกัน ถ้าอยากเซ็นที่สองปีจริง ๆ เดี๋ยวพี่ไปถามผู้บริหารก่อนนะครับ”
“ครับ”
เบต้าที่เป็นคนมาจัดการเรื่องการเซ็นสัญญา ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยมีใครมาต่อสัญญาให้น้อยลงขนาดนี้เลยเพราะว่ากว่าจะดังกว่าผลงานจะแมสก็ใช้เวลานานพอสมควร และการเล่นหนังหรือซีรีส์หนึ่งเรื่องก็ต้องใช้เวลานานครึ่งปีจนอาจจะเป็นปีเลยและกว่าที่นักแสดงคนหนึ่งจะมีชื่อเสียงมันต้องใช้เวลา ถ้าไม่ติดว่าคุณซูกัสที่เข้ามาใหม่นี้เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมากจากผลงานการแสดงทางญี่ปุ่นและโด่งดังในหมู่คนรุ่นใหม่ในประเทศไทย
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“ให้ต่ำสุดแค่สามปีครับ ถ้าต่ำกว่านี่ทางค่ายไม่สามารถให้ได้จริง ๆ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับผมจะเซ็น”
จากนั้นโอเมก้าตัวเล็กก็นั่งหลังเหยียดตรงอ่านข้อตกลงทั้งหมดอย่างละเอียดก่อนที่จะจะเซ็นสัญญาลงไป หลังจากนั้นพี่อ๋อยก็เดินทัวร์แนะนำบริษัทและพื้นที่ทั้งหมดให้เขาฟังและสตูดิโอต่าง ๆ ให้รู้จักและพี่อ๋อยก็พาเขาไปที่สตูดิโอห้องหนึ่งที่มีนักแสดงกำลังถ่ายทำกันอยู่และดูเหมือนจะเป็นความบังเอิญเพราะคนที่เล่นก็คือพี่คีย์และเป็นตอนจบของเรื่องพอดีที่พระเอกขอนางเอกของเรื่องแต่งงาน
ซูกัสยืนมองฝีมือการแสดงของร่างสูงก็ได้แต่ทึ่งในความสามารถอันยอดเยี่ยมที่แสดงได้เหมือนธรรมชาติเข้าถึงบทบาทสุด ๆ เหมือนเป็นตัวละครคนนั้นจริงเข้าถึงบทบาทเทคเดียวผ่านฉลุยตลอด
คัต!!
“เยี่ยมมาก ทุกคนเก่งมากขอเสียงตบมือให้กับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนะครับไม่ว่าจะเป็นนักแสดงช่างไฟช่างกล้องทุกคนสำคัญและทำหน้าที่ได้ดีมากขอประกาศจบกองอย่างเป็นทางการครับ”
จากนั้นก็มีทั้งเสียงตบมือและเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังไปทั่วสตูดิโอ
“พี่อ๋อยครับผมอย่างเล่นหนังสักเรื่องคู่กับพี่คีย์”
ใบหน้าสวยหวานของโอเมก้ากลิ่นซากุระหันไปออดอ้อนกับผู้จัดการเขาที่เป็นความหวังหนึ่งเดียวของเขาในตอนนี้
“เดี๋ยวพี่จะคุยกับผู้ใหญ่ให้อีกทีไม่รู้ว่าจะได้รึเปล่า”
“ขอบคุณครับ รักพี่อ๋อยที่สุดเลย”
“จ้าพอมาอย่างนี้ละรักพี่มากขึ้นเลยนะเรา”
เธอเข้าใจว่าทำไมเด็กที่เข้ามาใหม่ต่างก็อยากที่จะเล่นหนังคู่กับคีย์กันทั้งนั้น ถ้าเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาแล้วมาขอแบบนี้กับเธอคงไม่มีทางได้เล่นคู่กับดาวเด่นของค่ายแน่นอนเพราะฝีมือการแสดงก็ต้องยอดเยี่ยมมีประสบการณ์เทียบเท่ากันและมีผลงานที่โด่งดัง
แต่เมื่อมาเป็นโอเมก้าตรงหน้าเธอนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้เล่นคู่กับดาวเด่นของค่ายอย่างคีย์ได้ และน้องกัสก็มีฐานแฟนคลับทั้งไทยและต่างประเทศต่างเป็นไปได้สูงที่หนังเรื่องต่อไปน้องกัสอาจจะได้เล่นคู่กับนักแสดงเจ้าบทบาทอย่างคีย์ ที่เหลือแต่แค่ให้ผู้ใหญ่ในค่ายโหวตว่าจะให้ผ่านไหมและถ้าจะเล่นอีกเรื่องก็อาจจะเป็น ห้าถึงหกเดือนข้างหน้าเพราะคีย์รับเล่นหนังแค่ปีล่ะสองเรื่องเท่านั้นและทุกเรื่องที่เจ้าตัวเล่นนั้นก็ดังเปรี้ยงปร้างทุกเรื่องจึงไม่แปลกที่ทุกคนอยากเล่นคู่กับเจ้าตัวเพื่อเกาะกระแสให้ตัวเองดัง
โอเมก้าตัวเล็กสอดส่องสายตามองร่างสูงเจ้าของฟีโรโมนแอปเปิลที่เขาละสายตามาคุยกับผู้จัดการแค่แวบเดียวร่างสูงก็หายไปที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ และก็มองไปเห็นร่างสูงที่ตอนนี้กำลังเดินไปที่ห้องแต่งตัวคนตัวขาวที่เห็นอย่างนั้นก็รีบวิ่งตามร่างสูงไป
“พี่คีย์ครับรอน้องด้วยสิ ทำไมเดินเร็วจังเลย”
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
ใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างบางเบาทรงผมที่ถูกเซ็ตให้เข้ากับหน้าตาที่หล่อเหลาอยู่แล้วนั้น ให้โดดเด่นขึ้นไปอีก คิ้วคมเลิกขึ้นหนึ่งข้างมองไอ้ผีจูออนที่ตามเข้ามาถึงสตูดิโอแต่คำถามคือเข้ามาได้ยังไง และมองสำรวจคนตรงหน้าที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเด็กกะโปโลที่ขอให้เขาช่วยถือของเมื่อคืนนี้ พอแต่งตัวแล้วก็ดูดีขึ้นมาเหมือนกันนะเนี่ย
“ผมเซ็นสัญญากับค่ายนี้แล้วครับหลังจากนี้เราจะได้เจอกันทุกวันเลยน้าา ดีใจไหมครับกัสดีใจมากเลยและหนังเรื่องต่อไปผมจะได้เล่นกับพี่ด้วยนะ”
“งั้นเหรอ”
อัลฟ่ากลิ่นแอปเปิลแค่พูดปัด ๆ ไปและเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจเด็กที่พูดจาเพ้อเจ้อตามมาด้วยเพราะอีกหลายเดือนกว่าที่เขาจะรับหนังอีกเรื่องถึงตอนนั้นแล้วค่อยพูดกันอีกที ส่วนคนที่ได้เป็นผีจูออนก็เดินตามร่างสูงเข้ามาถึงห้องแต่งหน้าของร่างสูง
“ว้าวพี่จะเปลี่ยนเสื้อเหรอครับ เปลี่ยนเลยผมไม่แอบดูหรอก”
“ฉันไม่เปลี่ยนตรงนี้หรอกจูออน ไม่งั้นเขาจะมีห้องเปลี่ยนเสื้อไว้ทำไม”
ฝ่ามือใหญ่วางลงบนกลุ่มผมนุ่มและขยี้ผมที่จัดเป็นทรงให้ยุ่งเหมือนรังนก เขามันเขี้ยวมันไม่เจอกันนานหลายปีแต่เหมือนเดิมเป๊ะทั้งนิสัยที่เดินตามเข้าต้อย ๆ นี้ความพูดเยอะไม่ลดลงเลยปากเล็กนั้นเอาแต่พูดปากขมุบขมิบตลอดเวลา
“แล้วพี่จะไปไหนต่อไหมครับ หลังจากนี้”
“ไปหาเพื่อน”
“ที่ไหนเหรอครับ ผมไปด้วยคนได้ไหม”
“ไม่ได้เด็กอย่างเธออยู่นี่ไปเถอะ”
“ไม่เอาผมจะไปกับพี่ เพื่อนพี่คนไหนเหรอ”
“เธอไม่รู้จักหรอก”
ร่างสูงเก็บของใส่กระเป๋าของตัวเองและเดินนำออกไปจากห้องแต่งตัวร่างเล็กกะเปี๊ยกก็เดินตามติดมาไม่ห่าง
“ผมไปด้วยคนได้ไหมน้าพี่คีย์สุดหล่อของกัสสุดที่รักของกัส”
“เธอไม่มีงานมีการทำเหรอทำไมเอาแต่มาตามฉันแบบนี้ทั้งวัน”
“ไม่มีครับผมว๊างว่าง ยังไม่มีงานทำเพิ่งเซ็นสัญญาวันแรกเองนะครับพี่คีย์ให้ผมไปด้วยได้ไหม”
มือเล็กคว้าฝ่ามือใหญ่ของอัลฟ่าร่างสูงใหญ่มาโดยไม่ได้สนใจสายตารอบ ๆ เลยว่าจะมองเข้ามาที่เองยังไงอัลฟ่ากับโอเมก้าถ้าไม่รู้จักหรือไม่สนิทไม่ควรจับเนื้อต้องตัวกันแต่นี่คนตัวเล็กกับจับมือนักแสดงเจ้าบทบาทมากุมไว้และทำสายตาออดอ้อนเหมือนหมาที่หูลู่หางตก
“ไม่ได้มันไม่ใช่สถานที่เด็กอย่างเธอจะไปวิ่งเล่นได้”
“แต่ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับที่จะต้องวิ่งเล่นและผม 26 โตแล้วด้วย”
“น้องกัส หายไปไหนมาพี่หาตั้งนาน”
ผู้จัดการเบต้าสาววิ่งกระหืดกระหอบมายืนอยู่ข้าง ๆ คนตัวเล็กที่ตอนนี้ทำกิริยาไม่เหมาะสมกับดารารุ่นใหญ่ของค่าย คนอื่นมองเข้ามาคงคิดว่าซูกัสนั้นกำลังตามตื๊อคีย์เหมือนหลายคนที่เข้ามา แต่ดีที่คนเห็นไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เพราะแต่ล่ะคนต่างเก็บข้าวของให้เขาที่เรียบร้อยเก็บกวาดสตูดิโอกันอยู่เลยไม่ค่อยมีคนมาสนใจสองคนนี้เท่าไหร่เพราะห้องแต่งตัวนี้อยู่มุมที่ค่อนข้างลับสายตาผู้คน
อัลฟ่าร่างสูงใหญ่ที่เห็นว่าผู้จัดการของโอเมก้าตัวเล็กมาแล้วก็ดึงมือออกจากมือเล็ก และเดินออกไปจากสตูดิโอซูกัสที่เห็นแบบนั้นก็ทำหน้าหงุดหงิดที่ตามอีกฝ่ายไปไม่ได้แต่ไม่เป็นไรแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวและพอมาถึงตอนนี้คนตัวเล็กก็รู้สึกไม่สะดวกที่ตัวเองไม่มีรถถ้ามีรถเขาก็จะขับตามอีกคนไปแน่นอน ซูกัสเริ่มมีความคิดที่จะซื้อรถและรถที่จะซื้อก็คงเป็นมอเตอร์ไซต์เพราะเดินทางสะดวกซอกแซกได้ง่ายกว่ารถยนต์เพราะด้วยกรุงเทพนั้นรถติดแทบจะตลอดและจะรบกวนรถพี่อ๋อยตลอดก็คงจะไม่ได้
“พี่อ๋อยครับพาผมไปซื้อมอเตอร์ไซต์ได้ไหม”