ตอนที่ 1 แอบรักพี่ชายข้างบ้าน
2 ปีก่อนหน้านี้
“เดินทางปลอดภัยนะลูก ถึงแล้วอย่าลืมโทรหาป๊ากับแม่ด้วย
“ครับรักพ่อแม่ที่สุดในโลกเลย”
โอเมก้าร่างเล็กโผลเข้าอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันนั้นก็ได้แต่ยิ้มกับท่าทางเหมือนเด็กไม่ยอมโตของเจ้าลูกชายคนเดียวของบ้านพวกเธอสองสามีภรรยามีลูกแค่คนเดียวก็คือซูกัส เป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่เพราะกว่าที่จะมีลูกคนนี้นั้นพวกเขาพยายามกันไปมากเลยทีเดียว แต่พอมาถึงตอนนี้ลูกชายคนเดียวของพวกเธอกำลังจะกลับไปเมืองไทย
เพื่อเป็นนักแสดงตามความฝันของเจ้าตัวแต่ไม่รู้ว่าการไปครั้งนี้นั้นจะมีจุดประสงค์แอบแฝงเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ซูกัสอยากไปนั้นก็คืออัลฟ่าที่ชื่อว่าคีย์พี่ชายแสนดีข้างบ้านเขาตอนที่อยู่บ้านที่เมืองไทย ก่อนที่ครอบครัวเขาจะย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นอย่างถาวรเขาได้แต่แอบรักพี่ชายข้างบ้านคิดว่าถ้าโตกว่านี้จะไปสารภาพรักแต่ใครจะไปคิดว่าเขาไม่โอกาสทำแบบนั้นเลย เพราะต้องย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นอย่างกะทันหันเพราะช่วงนั้นคุณปู่ป่วยหนักมาก ต้องมาคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิดและตอนนี้ท่านได้เสียชีวิตลงไปแล้วตอนที่เขาสอบเข้ามหาลัยโตเกียวได้
ห้าชั่วโมงหลังจากนั้นเครื่องบินก็แลนดิ้งลงที่กรุงเทพแผ่นดินที่ไม่ได้มาเหยียบเกือบ 7 ปีและก็มีคนที่มายืนรอเข้าเป็นเบต้าผู้หญิงชื่อว่าอ๋อยหลังจากนี้จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการของเขาหลังจากนี้ไป เขายังไม่ได้เซ็นสัญญาแต่วันพรุ่งนี้เขาก็จะเข้าไปเซ็นแล้วเหตุผลที่เขาอยากเป็นนักแสดงก็เพราะว่าผู้ชายคนนั้นไม่รู้ว่าพี่คีย์ยังจะจำน้องชายข้างบ้านอย่างเขาได้ไหมไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน
“สวัสดีครับพี่อ๋อย”
“สวัสดีค่ะ ซูกัสตัวจริงน่ารักมากเลยนะเนี่ย”
อ๋อยมองดูโอเมก้าตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้าตัวเล็กผิวขาวเหมือนกินหลอดไฟลงไป ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือเธอปากนิดจมูกหน่อยหน้าตาจิ้มลิ้มมาก มีออร่าที่อยู่รอบกายนี้เป็นสิ่งที่นักแสดงทุกคนควรจะมีออร่าของความสดใสออร่าแห่งความโดดเด่นเปล่งประกาย เธอเดาได้เลยว่าอนาคตเด็กคนนี้ต้องรุ่งแน่นอนและเธอก็จะปั้นให้สุดความสามารถเธอได้ดูการแสดงของคนตรงหน้ามาบ้างแล้วซูกัสมีผลงานการแสดงตั้งแต่อยู่ที่ญี่ปุ่นมีหลายสังกัดมาทาบทาม แต่ซูกัสปฏิเสธไปเพราะต้องการกลับมาเป็นนักแสดงที่บ้านเกิดของผู้เป็นพ่ออย่างประเทศไทย
“น้องซูกัสอยู่ที่นี่จริงเหรอคะ”
“ครับคุณพ่อบอกว่าอยู่ที่นี่น่าจะที่นี่แหละครับ”
“ครอบครัวน้องต้องรวยมากแน่ ๆ เลยรู้ไหมว่าห้องที่นี่ราคาเท่าไหร่”
“เท่าไหร่เหรอครับ”
ซูกัสถามพี่อ๋อยด้วยน้ำเสียงสดใสเขาไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่เพราะว่าป๊าเป็นคนจัดการให้ทุกอย่างเขาเคยได้ยินป๊าว่าที่นี่เป็นคอนโดของเพื่อนป๊า ป๊าเลยจองไว้หนึ่งห้องตอนที่สร้างเขาก็ไม่รู้เรื่องราคา
“เริ่มต้นถูก ๆ ก็ยี่สิบล้านค่ะน้องซูกัส”
อ๋อยได้แต่อิจฉาน้องที่มีคุณพ่อที่คอยซัพพอร์ตทุกอย่างขนาดนี้ดูเหมือนครอบครัวจะมีฐานะพอสมควรตอนที่เธอพูดว่ายี่สิบล้าน น้องไม่ดูตกลงใจเลย คอนโดนี่อยู่ใกล้ตึกของค่ายมากเดินไปแค่ไม่ถึงสิบนาทีก็น่าจะถึงแล้ว ใกล้รถไฟฟ้าเดินทางสะดวกมากจนเธออยากจะขอน้องมาอยู่ด้วย เธอได้แต่คิดอยู่ในใจไม่กล้าพูดออกไปเพราะยังไม่สนิทกันมากขนาดนั้น
“ให้พี่ขนขึ้นไปช่วยไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับพี่อ๋อยผมไหว”
“ให้ผมช่วยไหวครับ”
พนักงานเปิดประตูคอนโดที่เห็นแบบนั้นก็เดินเข้าไปหาทันที เพราะลูกค้ามีกระเป๋าเดินทางมาด้วยสองใบใหญ่และเป็นโอเมก้าที่ขึ้นชื่อเรื่องผอมแห้งแรงน้อย เบต้าอย่างเขาก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยดูเหมือนจะเป็นลูกบ้านคนใหม่ที่เพิ่งจะย้ายเข้ามา
“ขอบคุณครับคุณลุง”
“ไม่เป็นไรครับมันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
“ผมมีคนช่วยแล้วครับพี่อ๋อยกลับไปเถอะครับ”
“ถ้ามีปัญหาอะไรโทรหาพี่ได้เลยนะซูกัส คุณลุงค่ะฝากด้วยนะคะน้องเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นไม่ค่อยคุ้นกับที่ไทยเท่าไหร่”
หลังจากที่ฝากฝังเรียบร้อยแล้วอ๋อยก็ขับรถตรงไปที่ค่ายที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ซูกัสทำเรื่องรับคีย์การ์ดใส่รหัสห้องสแกนนิ้วมือเรียบร้อยเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของเสร็จก็เดินลากกระเป๋าขึ้นห้อง
เขาอยู่ที่ชั้นสูงสุดนั้นก็คือชั้นสี่สิบเก้าสูงมากสำหรับเขาเพราะบ้านของเขาอยู่ในโตเกียวส่วนมากที่ดินแพงและป้องกันตึกถล่มเวลาแผ่นดินไหวญี่ปุ่นเลยไม่สามารถสร้างที่อยู่สูง ๆ ได้เพราะหากเกิดเหตุแผ่นดินไหวจะได้ปลอดภัยแต่ประเทศไทยไม่มีแผ่นดินไหวเลยไม่มีปัญหา
“ขอบคุณมากครับคุณลุง”
ซูกัสขอบคุณคุณลุงที่เอากระเป๋าขึ้นมาส่งและมองสำรวจชั้นที่ตัวเองอาศัยอยู่เขาสงสัยว่าทำไมมันมีแค่สองห้อง ห้องเขาและห้องฝั่งตรงข้าม แต่ซูกัสก็คิดว่าดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องวุ่นวายหลังจากนั้นซูกัสก็สำรวจห้องที่ตกแต่งตามสไตล์โมจิสะอาดตาเหมือนบ้านที่อยู่ในญี่ปุ่น
คอนโดของเขามีสองห้องนอนสามห้องน้ำหนึ่งห้องครัวหนึ่งห้องรับแขกใหญ่มากเลยทีเดียว และก็ทำการจัดเสื้อผ้าและเครื่องใช้ต่าง ๆ ให้เข้าที่และอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนรู้สึกเหนื่อยจากการเดินทางมากไม่และก่อนจะนอนโอเมก้ากลิ่นซากุระก็หยิบกรอบรูปที่พกไปด้วยทุกที่ขึ้นมาเป็นภาพของเจ้าตัวกับคีย์ที่ถูกผู้ใหญ่บังคับให้มาถ่ายรูปด้วยกันกับเขา คีย์ตอนนั้นอยู่มอหกส่วนเขาอยู่มอสามในรูปเขายิ้มปากแทบฉีกผิดกับอีกคนที่เย็นชาทำท่าเหมือนกับว่าแบกโลกไว้ทั้งใบ
และเป็นรูปคู่รูปแรกที่ถ่ายด้วยกัน ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มที่ถูกบำรุงอย่างดีจุ๊บลงไปที่หน้าอัลฟ่าคนนั้น มีกระจกสีใสที่ขวางกั้นเอาไว้
“พรุ่งนี้เราจะได้กันแล้วนะครับพี่คีย์”
มือสวยวางกรอบรูปไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงอย่างเบามือและใช้รีโมตปิดม่านกันแสงเพื่อให้ห้องอยู่ในความมืดพร้อมเข้าสู่การหลับใหล
เมื่อตื่นมาอีกทีก็เป็นตอนสองทุ่ม ซูกัสล้างหน้าส่องดูตัวเองในกระจกก็พอใช้ได้ คนตัวเล็กอยู่ในชุดเสื้อยืดโอเวอร์ไซต์และกางเกงขาสั้นสีดำที่เขาเอาไว้ใส่นอนพอมองดูเผิน ๆ เหมือนโอเมก้าตัวเล็กจะไม่ได้ใส่กางเกงอะไรเลยถ้าเป็นแต่ก่อนก็อาจจะโดนลวนลามได้แต่สมัยนี้ปลอดภัยไม่มีอะไรแบบนั้นแน่นอนเพราะกฎหมายที่คุ้มครองโอเมก้ามากเพราะเป็นเพศที่อ่อนแอและเป็นที่จับตามอง
โอเมก้าตัวเล็กเดินลงมาที่ใต้คอนโดมองหาร้านอาหารแต่คิดว่าไม่ดีกว่าและสายตาดันไปสะดุดกับซูเปอร์มาเก็ตที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเดินเข้ามาคนตัวเล็กก็เลือกของอย่างไม่หยุดทั้งขนมขบเคี้ยวน้ำอัดลมอาหารแช่แข็ง บะหมี่สำเร็จรูปและอาหารสดจนเต็มรถเข็นโดยลืมไปว่าจะเอากับยังไงให้หมด พนักงานแคชเชียร์มองดูลูกค้าโอเมก้าตัวเล็กที่ตอนนี้ดูเหมือนจะคิดหนักว่าจะเอากลับยังไงดูท่าทางแล้วน่าจะอยู่แถวนี้เพราะว่าดูจากชุดเสื้อยืดกางเกงนอนและที่คาดผมเป็ดสีเหลือง แตะดาวเทียมเวลาเดินก็มีเสียงดัง แป๊ะ ๆ
“เอาอันนี้ครับ”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยพูดขึ้นที่ข้าง ๆ และกลิ่นฟีโรโมนแอปเปิลที่คุ้นเคยโชยมาเข้าจมูกเล็ก ซูกัสหันมองร่างสูงที่คุ้นเคยสลับกับมองของที่ร่างสูงซื้อนั้นก็ถุงยางอนามัยไซซ์ใหญ่พิเศษวางลงที่หน้าแคชเชียร์
“กรี๊ด พี่คีย์ใช่ไหมครับจำน้องกัสได้ไหม”
ร่างสูงชายตามองร่างเล็กกะเปี๊ยกของเจ้าเด็กผีจูออนที่ไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ดี ๆ ก็มาทักว่าจำได้ไหมใครจะไปจำได้วันหนึ่งวันเขาร่วมงานกับคนมากมาย คนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าตัวเองได้ไปเป็นผีจูออนในสายตาคมของร่างสูงในตอนนี้เดาได้ในทันทีว่าคงจะจำเขาไม่ได้แน่นอนโอเมก้าเจ้าของกลิ่นซากุระหูตกไปแค่แวบเดียวก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม
“พี่คีย์จำไม่ได้จริงเหรอ ผมซูกัสไงน้องข้างบ้านพี่อะแล้วตอนมอสามผมก็ย้ายไปญี่ปุ่นเพราะ...”
“หยุด ฉันจำได้แล้ว”
คีย์รีบหยุดเจ้าเด็กผีจูออนเด็กน้อยข้างบ้านเขาที่แทบจะหายไปจากความทรงจำเขาแล้วถ้าไอ้เปี๊ยกมันไม่มารื้อฟื้นทำไมจะจำไม่ได้ตอนเด็กตามติดเขายิ่งกว่าวิญญาณ ฝ่ามือใหญ่ล้วงหยิบเงินจากกระเป๋ากางเกงออกมาจ่าย และหยิบกล่องถุงยางห้ากล่องขึ้นมาเดินหันหลังโดยไม่สนใจซูกัส
“พี่คีย์ อย่าเพิ่งไปมาช่วยกัสถือของหน่อยสิมันถือไปไม่หมด”
ร่างสูงเดินไปไม่หยุดทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินเสียงแหลมจนกระทั่งต้องหยุดเพราะเจ้าเด็กตรงหน้ายกเอาเรื่องพ่อแม่ของเขาขึ้นมาพูด
“ถ้าพี่ไม่หยุดผมจะฟ้องคุณลุงคุณป้าว่าพี่คีย์เห็นน้องลำบากแล้วยังไม่ช่วยน้องอีก”
เจ้าตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดเหมือนจะร้อง คีย์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจและเดินหันหลังมาที่เคาน์เตอร์คิดเงินและหยิบเอาถุงที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมาทั้งหมด สองแขนใหญ่ที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อแต่ตอนนี้มีถุงอาหารขยะอยู่เต็มแขนทั้งสองข้าง เมื่อเห็นว่าได้ผลร่างเล็กก็วิ่งตามคนพี่ที่เดินไปก่อนแล้ว
“พี่รู้เหรอครับว่าผมอยู่ไหน”
“....”
ร่างสูงไม่ตอบแต่เดินนำเข้าไปคอนโด เมื่อเดินเข้ามาที่ล็อบบี้หน้าคอนโดก็มีโอเมก้าชายกลิ่นวานิลลาที่หอมจนขมคอเดินตรงดิ่งมาเกาะแขนของคีย์
“คีย์มาแล้วเหรอทำไมซื้อของมาเยอะจังเลย”
“ไม่ใช่ของฉัน”
“แล้วของใครละครับ”
“ของผมเองครับ คุณมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
โอเมก้าชายกลิ่นวานิลลาไม่รู้ว่าเพราะตาบอดหรือว่าทำเป็นมองไม่เห็นคนตัวเล็กที่เดินมาด้วยกัน
“อ้าว ผมไม่เห็นต้องขอโทษด้วยนะครับ นี่ใครน้องคีย์เหรอน่ารักจังเลยพี่ชื่อเคนนะครับ”
“เปล่าหรอกครับผมไม่ใช้น้องพี่คีย์แต่เป็นอย่างอื่นพี่มากกว่าพี่น้อง”
เมื่อพูดแบบนั้นคนตัวเล็กก็กอดแขนที่เต็มไปด้วยหมัดกล้ามเนื้อ และซบหน้าลงไปกล้ามแน่น ๆ นั้นและดึงร่างสูงให้เดินเข้าไปในลิฟต์โดยที่ทิ้งคนที่ชื่อเคนไว้ที่หน้าล็อบบี้คอนโดและกดลิฟต์ขึ้นไปบนห้อง เมื่อเข้ามาในลิฟต์คนตัวเล็กก็ยังคงเนียนไม่ปล่อยแขนที่กอดอยู่แถมกอดแน่นกว่าเดิม
“เธอทำแบบนี้ทำไม”
“หมายถึงทำอะไรเหรอครับ เรื่องเมื่อกี้งั้นเหรอผมก็แค่ช่วยพี่ไล่เห็บยังไงล่ะครับ”
“...”
“ทำไมเหรอครับพี่อยากจะนอนกับเขางั้นเหรอ”
คนตัวเล็กถามออกไปแบบนั้นทั้ง ๆ ที่ในใจก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นยังไงซื้อถุงยางมาขนาดนั้นก็ต้องเอามาใช้อยู่แล้ว แต่เขาอยากให้พี่คีย์พูดว่าไม่ใช่ แต่ก็อย่างว่าใช่ว่าทุกเรื่องที่เราหวังจะเป็นไปตามที่เรานั้นต้องการ
“ใช่ แต่เธอดันมาไล่เขาไปแบบนี้”
ติ้งง
และลิฟต์ก็เปิดออกคีย์เดินไปที่ห้องที่อยู่ด้านขวาห้องของโอเมก้ากลิ่นซากุระและรอให้เจ้าของห้องมาเปิดประตูให้
“นี่พี่รู้ได้ยังไงครับว่าห้องของผมอยู่ตรงนี้”
“ห้องฉันอยู่ตรงข้ามเธอ”
คนตัวเล็กตาเบิกกว้างกับสิ่งที่เพิ่งรู้นี่สินะเข้าเรียกว่าพระเจ้าทรงมาโปรดแต่คงจะพูดแบบนั้นได้ไม่เต็มปากเพราะว่าพ่อเป็นคนจัดการให้ทำให้เขามาอยู่ใกล้ห้องพี่คีย์ขนาดนี้ คงต้องพูดว่าป๊าทรงมาโปรดอย่างแท้จริงอยากจะขอบคุณป๊ามากตอนนี้ ได้อยู่ห้องตรงข้ามกับพี่คีย์ด้วย พรมถูกลิขิตโดยป๊า