ตอนที่ ๑ สิ่งที่อยากหลีกหนี
หญิงสาวยืนนิ่งเมื่อลงมาจากรถแท็กซี่สายตาจ้องมองไปที่ประตูเหล็กบานใหญ่เป็นสถานที่คุ้นเคยที่เติบโตมาตั้งแต่ยังเด็ก ท้องฟ้าในวันนี้แจ่มใสหากแต่เป็นเวลาช่วงเย็นของวัน
ประตูรั้วเหล็กเลื่อนเปิดออกก่อนที่จะได้มองเห็นหญิงสาวอีกคนที่เดินยิ้มออกมาต้อนรับ พร้อมกับสวมกอดคนที่อายุน้อยกว่าที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานหลายปี
“พี่ตาคิดถึงจังเลยค่ะ” กิ่งฟ้าสวมกอดพี่สาวไม่ต่างจากลิตาที่สวมกอดต้อนรับน้องสาวคืนสู่บ้านอีกครั้ง
“ทำไมไม่ยอมบอก พี่จะได้ไปรับไม่เห็นต้องนั่งรถแท็กซี่ให้ลำบากเลย” ลิตาเป็นห่วงน้องสาวเพราะยังเห็นเธอเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่โตเป็นผู้ใหญ่ถึงอายุของกิ่งฟ้าจะข้ามเลขยี่สิบมาแล้วก็ตามที
“ไม่อยากให้พี่ลำบากไปรับ หาที่จอดรถก็ยากนั่งแท็กซี่สะดวกกว่าค่ะ” เธอยิ้ม
“เปลี่ยนไปจนพี่แทบจำไม่ได้เลยนะ เด็กน้อยของพี่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว การแต่งตัวก็ดูทันสมัยดูมั่นใจขึ้นต้องแบบนี้สิพี่ชอบ” ลิตาเป็นพี่สาวที่เก่งรอบด้านทั้งหน้าตายังสะสวยไม่ต่างจากน้องสาว
“คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ไหมคะ”
“ไม่อยู่หรอก ไปงานประมูลนะ ตอนเย็นเราคงต้องไปเจอพ่อกับแม่ที่งานแล้วล่ะ รู้ใช่ไหมว่าเย็นนี้เราต้องไปงานวันเกิดของน้าวีนะ ไปเร็วรีบเอาของไปเก็บ” ลิตารีบเร่งให้น้องสาวเดินเข้ามาในบ้าน
กิ่งฟ้าที่เดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศนานถึงสี่ปี หลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจในวันนั้น ได้ทำให้หญิงสาวขอร้องให้พ่อกับแม่ส่งเธอไปเรียนที่ต่างประเทศ
ในครั้งแรกทุกคนในครอบครัวได้วางแผนให้เธอไปเรียนที่ต่างประเทศแต่กิ่งฟ้ากลับปฏิเสธเพราะไม่อยากอยู่ห่างจากครอบครัว แต่พอเรียนได้เพียงสองเดือนเธอกับขอย้ายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
แต่กว่าที่จะได้ไปเรียนต่อพ่อกับแม่ต่างอบรมเธอเสียยกใหญ่ เพราะการตัดสินใจใหม่อีกครั้งทำให้ทุกอย่างล่าช้าไปเสียหมด ไม่ใช่ว่าไปต่างประเทศแล้วเธอจะได้เรียนในทันทีมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ
เด็กสาวที่เคยเรียบร้อย ในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ เธอดูเป็นผู้ใหญ่นิ่งสงบมากกว่าเมื่อก่อน พี่สาวอย่างลิตามองน้องสาวด้วยความเศร้าใจ
เธอต้องการกิ่งฟ้าในอดีตมากกว่ากิ่งฟ้าในตอนนี้ รอยยิ้มที่เคยสดใสไม่ได้มีให้เห็นบ่อย ๆ เหมือนในครั้งวันวานอีกต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าน้องสาวของเธอเจอเรื่องใดมาบ้างถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้
“มีเวลาอีกสองชั่วโมง พักผ่อนเถอะไม่ต้องทำอะไรแล้ว รีบอาบน้ำแล้วงีบหลับสักตื่นจะได้มีแรง”
“ค่ะ” หญิงสาวขานรับแล้วเดินแยกขึ้นมาบนห้องนอนที่แสนคิดถึง
ภายในห้องนอนสีขาวเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างสลับกับสีชมพู เตียงนอนเจ้าหญิงขนาดหกฟุตยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป ต่อให้เธอจากไปนานเพียงใดในห้องก็ยังคงบรรยากาศที่คุ้นเคย
กิ่งฟ้ารีบอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้สบายตัวแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนอย่างสบายกาย ถึงจะนอนไม่หลับแต่ก็ยังอยากเหยียดแข้งขาที่ขดงอมานานหลายชั่วโมงกับเตียงนอนกว้าง
เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใดที่กิ่งฟ้าไถโทรศัพท์ไปมา ลิตาเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วดึงน้องสาวให้ลุกขึ้นนั่ง
“ไปเร็ว ช่างแต่งหน้าทำผมมาแล้วเดี๋ยวจะสายนะ”
“ต้องจัดเต็มขนาดนั้นเลยเหรอคะ ก็แค่งานวันเกิดเอง” กิ่งฟ้าทำตัวเอื่อยเฉื่อยไม่อยากลุกจากเตียงนอน
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นสิ พี่บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้พิเศษยังไง อย่าทำหน้าเศร้าสิกิ่งก็รู้ว่าเราทำอะไรไม่ได้นอกจากฟังคำสั่งของพ่อกับแม่”
“เข้าใจแล้วค่ะ” เธอยิ้มแล้วยอมลุกเดินตามพี่สาวเข้ามาในห้องอีกห้องที่ในตอนนี้มีช่างแต่งหน้าทำผมมารออยู่ก่อนแล้ว
ผ่านไปสองชั่วโมงหญิงสาวทั้งสองก็ได้แต่งตัวเสร็จแล้วเรียบร้อย กิ่งฟ้าสวมชุดเดรสสีชมพูหวานใบหน้าถูกแต่งแต้มเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางราคาแพงแต่ยังคงความเป็นธรรมชาติของใบหน้าให้ได้มากที่สุด
“แล้วคู่หมั้นพี่ละคะ”
“ตอนนี้อยู่ต่างประเทศอีกหลายอาทิตย์กว่าจะกลับ” เธอตอบน้องสาว
“พี่ไม่อยากมีคนรักจริง ๆ บ้างเหรอคะ” เธอถามพี่สาวในขณะที่ขึ้นมานั่งบนรถยนต์ที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์ไปยังสถานที่จัดงานวันเกิด
“พี่ไม่อยากคิดน่ะ แค่ทำงานก็ไม่มีเวลาให้คิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว มีคนจัดการให้ก็ดีเหมือนกัน ยังไงก็ได้แค่คุยกันรู้เรื่อง” ลิตาหันมาตอบน้องสาวด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
เธอถูกปลูกฝั่งให้อยู่ในกรอบคำสั่งสอนของพ่อแม่ตั้งแต่เด็กจนโต สิ่งที่บิดามารดากล่าวนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีที่เลือกให้แก่ลูกสาว เพราะฉะนั้นลิตาจึงไม่ขัดหากท่านทั้งสองเห็นว่าดี
“ถ้าวันหนึ่งพี่เจอคนที่พี่รักจริง ๆ พี่จะทำยังไงคะ”
“แล้วกิ่งล่ะจะทำยังไง” เธอถามน้องสาวกลับ “พี่ไม่อยากคิดอะไร แค่ตอนนี้ชีวิตของพี่ก็มีความสุขดี อีกอย่างพี่เห็นพ่อกับแม่มีความสุขก็พอแล้ว”
“หนูคงคิดแบบพี่มั้งคะ” กิ่งฟ้ายิ้ม ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะมีความสุขได้เหมือนที่พี่สาวเป็นอยู่หรือไม่
“อย่าไปคิดอะไรมาก เชื่อพี่เถอะ วันนี้น้องพี่สวยมากเลยนะ”
“พี่ก็สวยมากเหมือนกันค่ะ หนูสวยได้พี่ไงคะ” เธอหันมายิ้มแล้วหัวเราะ ทั้งสองคนหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข จนกระทั่งรถยนต์จอดนิ่งที่คฤหาสน์แห่งหนึ่ง
“สวัสดีค่ะคุณน้า” ลิตายกมือไหว้ชายวัยกลางคนที่เป็นเจ้าของงานวันเกิดในวันนี้พร้อมยื่นส่งของขวัญไปให้ “สุขสันต์วันเกิดนะคะ ขอให้น้าวีมีความสุขมาก ๆ”
“ไม่เห็นต้องเอาของขวัญมาด้วยเลย พ่อกับแม่รออยู่ด้านในแล้ว”
“สวัสดีค่ะ” กิ่งฟ้ายกมือขึ้นไหว้อีกคน “หนูคือกิ่งไงคะ คุณน้าจำหนูไม่ได้เหรอคะ”
“กิ่งเองเหรอลูก สวยจนจำแทบไม่ได้เลย เห็นพ่อกับแม่บอกว่าเดินทางกลับมาจากต่างประเทศวันนี้ดีใจจริง ๆ ไปรอน้าข้างในก่อนนะลูก น้าขอรับแขกก่อนเดี๋ยวตามเข้าไป”
“ค่ะ” ทั้งสองขานรับแล้วเดินเข้ามาในสวนที่ถูกจัดเป็นสถานที่จัดงานวันเกิด
กิ่งฟ้าทักทายบิดาและมารดาทั้งสองที่นั่งพูดคุยกับแขกคนอื่น ๆ และยังได้แนะนำเธอให้กับคนอื่น ๆ ได้รู้จัก ภายในงานล้วนมีแต่คนที่มีชื่อเสียงเพราะเจ้าของงานนั้นเป็นถึงนักการเมืองชื่อดัง
“วันนี้ทำตัวให้ดีนะ อย่าทำให้พ่อกับแม่ขายหน้า” วิณีเอ่ยกับบุตรสาวคนเล็ก ส่วนบุตรสาวคนโตนั้นเธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใด
“ค่ะ” เธอตอบรับเสียงเบานั่งนิ่งฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดคุยกัน ในระหว่างนั้นลิตาได้ชวนให้เธอลุกเดินไปหาอาหารที่ถูกจัดวางเอาไว้ให้หยิบได้ตามสบาย
“อาหารเยอะเหมือนกันนะ เลือกไม่ถูกเลย” ลิตาเอ่ยแล้วหันมองมาทางน้องสาวที่เอาแต่ยืนนิ่ง “หยิบจานขึ้นมาเร็วเข้า มาแล้วก็กินอะไรหน่อยเถอะ”
“ค่ะ” กิ่งฟ้าหันไปหยิบจาน เธอไม่มีความอยากอาหารสักนิดแต่ก็ยังคีบอาหารที่คิดว่าจะกินใส่จาน แล้วเดินกลับมานั่งที่เดิมเงียบ ๆ
เสียงเพลงที่บรรเลงในงานดังอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเจ้าของงานกล่าวคำเปิดงานและตัดเค้กงานวันเกิด เมื่อทุกคนร่วมอวยพรแม่ของเธอจึงเรียกให้กิ่งฟ้าเดินตามขึ้นมาบนเวที
“วันนี้นับว่าเป็นวันดีและมีเรื่องดีอีกเรื่องที่ผมอยากแจ้งครับ” นาวียิ้มแล้วกวักมือเรียกให้บุตรชายเดินขึ้นมาบนเวที “นี่ลูกชายของผมครับ มาวิน ส่วนนี้คือ...ว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตของผมครับ หนูกิ่ง ผมจะประกาศการหมั้นหมายของทั้งสองตระกูลซึ่งก็คือคุณปรีชาที่เป็นเพื่อนรักของผม เราสองครอบครัวตัดสินใจแล้วว่าจะให้บุตรสาวและบุตรชายแต่งงานกัน”
“พ่อ!!” มาวินรู้สึกตกใจไม่คิดว่าวันนี้จะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น เขาหันมองไปยังหญิงสาวที่ยืนทำหน้านิ่งแล้วไม่พอใจ
“อยู่เฉย ๆ ไป อย่าทำให้พ่อขายหน้า” เขาหันมากระซิบกับบุตรชาย
“ผมดีใจเป็นอย่างมากครับที่วันนี้เราได้ประกาศข่าวดีให้กับทุกคนได้รู้ อีกสองอาทิตย์จะมีงานหมั้นขอเชิญแขกทุกท่านในวันนี้ด้วยนะครับ” ปรีชาเอ่ยกับแขกที่มาร่วมงาน
เสียงยินดีกับทั้งสองครอบครัวดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กิ่งฟ้ายังคงทำสีหน้านิ่งเรียบเช่นเดิม เธอยิ้มบ้างในบางครั้งแต่แววตากลับไม่มีความรู้สึกใด ๆ
“หนูกิ่ง” เพลินตาภรรยาของนาวีเดินเข้ามาทักทาย “น้าพึ่งกลับมาจากต่างประเทศนะลูก คิดว่าจะมาไม่ทันงานแล้ว โตขึ้นมากเลยนะ”
“สวัสดีค่ะน้าเพลิน”
“ไหว้พระเถอะลูก กิ่งสวยมากเลยนะลูก น้าจำแทบไม่ได้ มาเร็วน้าจะแนะนำให้รู้จักกับคนในครอบครัวของน้า” เธอพาว่าที่ลูกสะใภ้เดินมาที่โต๊ะ
ซึ่งมีครอบครัวของเธอนั่งรายล้อมก่อนที่จะได้รับการแนะนำตัวจากเพลินตา มาวินเอาแต่นั่งหน้านิ่งหันมองมาทางกิ่งฟ้าบ้างในบางครั้ง
“ดูเหมาะสมกันมากจริง ๆ” นาวีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่หลานชายฉันหายไปไหน” เขาถามพี่ชายที่นั่งอยู่กับภรรยา
“ใจเย็น ๆ เดี๋ยวก็มาเห็นบอกว่าจะถึงแล้ว”
“ถ้าไม่มาผมน้อยใจจริง ๆ นะ” นาวีเอ่ยถึงหลานชายอีกคนที่ไม่ได้เจอหน้าอยู่บ่อยครั้ง
“น้อยใจผมได้ลงคอเหรอครับคุณอา” เสียงของชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นก่อนที่เขาจะยื่นกล่องของขวัญมาให้กับคนเป็นอาที่รอคอยการมาของเขาใจจดใจจ่อ
“มาได้สักที อาคิดว่าจะไม่มาแล้ว”
“งานวันเกิดของอาผมเคยพลาดเหรอครับ”
“ทีวันเกิดของผมพี่ไม่เห็นจะมาตรงเวลาสักครั้งเลย” มาวินเอ่ยขึ้น
“ก็ให้รู้ไงว่าใครสำคัญ” เขาหันหน้าไปคุยกับหลานชายที่อายุห่างกันเพียงสองปีเท่านั้น ก่อนที่สายตาจะหยุดนิ่งที่หญิงสาวคนหนึ่ง
“นี่หนูกิ่ง ว่าที่สะใภ้ของอาเป็นไงสวยไหม” นาวีแนะนำกิ่งฟ้าให้กับหลานชายได้รู้จัก
“ครับ” เขายิ้มมุมปากแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ว่างด้านข้างของมาวิน
“หนูกิ่งนี่หลานชายของน้าเอง ชื่อเธียรรู้จักกันเอาไว้นะลูก เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกันอีกหน่อยเจอกันบ่อย ๆ จะได้สนิทกันเอาไว้”
“ค่ะ” เธอขานรับแต่กลับไม่ยอมสบสายตาของมาธัสที่จ้องมองมายังเธออยู่ตลอดเวลา
“กิ่งโอเคไหม” ลิตาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กับน้องสาวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ออกไปสูดอากาศด้านนอกกับพี่ไหม ทางนั้นมีสระน้ำด้วยนะคนไม่มากเท่าไหร่”
“ค่ะ” เธอลุกเดินตามหลังของพี่สาวมาที่สระว่ายน้ำใหญ่ของบ้าน ในตอนนี้มีคนที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ไม่มากนัก
“อึดอัดใช่ไหมล่ะ ตอนนั้นพี่ก็เป็นแบบนี้แหละ แต่อีกไม่นานมันจะดีขึ้น” เธอวางมือลงบนมือของน้องสาว
“กิ่งไม่อยากหมั้นเลยค่ะ”
“พี่ไม่อยากเห็นกิ่งทะเลาะกับพ่อแม่นะ พี่เป็นพี่สาวที่แย่ใช่ไหมปกป้องกิ่งไม่ได้เลย พี่ขอโทษนะกิ่ง” เธอรู้สึกผิดกับน้องสาว เรื่องการหมั้นหมายไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากช่วยน้อง
ลิตาได้พูดคุยกับผู้ให้กำเนิดทั้งสองแล้ว เธอไม่อยากให้น้องสาวเป็นเหมือนกันกับเธอ ถึงการเลือกจะเป็นสิ่งที่ดีในอนาคตแต่น้องสาวของเธอคงทนรับไม่ได้
กิ่งฟ้าไม่ใช่เด็กหัวอ่อนเหมือนกับวันนั้นแล้ว เธอเติบโตในต่างแดนคงมีความคิดสมัยใหม่และเปิดโลกการมองเห็นที่กว้าง ยิ่งเป็นการคลุมถุงชนแล้วด้วยคงยากที่จะทำให้น้องสาวมีความสุข
“พี่ตาอย่าคิดมากเลยนะคะ กิ่งไม่เป็นอะไรค่ะ อย่างที่พี่บอกเดี๋ยวมันคงดีขึ้นค่ะ” เธอได้แต่ถอนหายใจการเปลี่ยนความคิดของพ่อกับแม่นั้นเป็นเรื่องยาก แต่เรื่องยากอีกเรื่องคงหนีไม่พ้นเรื่องของมาธัส
ทำไมนะ...ทั้งที่เธอหลีกหนีจากการพบหน้าของเขานานถึงสี่ปี แต่พอจะได้มาเจอกันกลับเจอกันในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย แต่บางครั้งมันอาจดีแล้วที่เจอเขาในฐานะนี้
“พี่หิวน้ำมากเลย พี่ไปหยิบน้ำก่อน เอาอะไรไหมเดี๋ยวพี่หยิบมาเผื่อ”
“ไม่ค่ะ” เธอปฏิเสธแล้วหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ใกล้ตัว จ้องมองไปรอบสระที่ตอนนี้มีคนเพียงสองคนที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่
ทันใดนั้นร่างของชายหนุ่มก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เขายืนประชิดจ้องมองสบสายตากับเธอนิ่งและดูดุดัน ไม่มีการเอ่ยทำทักทายมีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ปกคลุมคนทั้งสอง
“ไม่คิดที่จะทักทายกันหน่อยเหรอ” เป็นมาธัสที่เปิดประเด็นการพูดคุย “ทำไมจำพี่ไม่ได้แล้วเหรอ”
“คุณเป็นใครคะ” กิ่งฟ้าเอ่ยถามแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับจะเดินจากเขาไป แต่กลับถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้ก่อนจะดึงให้เธอเดินตามมาอีกทางที่เป็นทางเดินแคบ ๆ และยังมืดสนิท “ปล่อยนะ!! จะพาฉันไปไหน!!”
“เลิกโวยวายได้แล้ว” เขาดันให้เธอติดกับกำแพงเอาสองแขนกักกันเธอเอาไว้ “ทำไม กลัวว่าไอ้วินมันจะมาเห็นหรือไง”
“ปล่อยฉันค่ะ คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้” กิ่งฟ้าใช้มือทั้งสองข้างดันหน้าอกของเขา พยายามดันให้มาธัสขยับออกให้ห่างจากตัว
“ตะโกนสิ ตะโกนดัง ๆ คุณหญิงวิณีจะเป็นยังไงนะถ้ารู้ว่าลูกสาวมาแอบจู๋จี๋กับลุงของคู่หมั้นตัวเอง” เขายกยิ้มมุมปาก
“ความคิดชั่ว ๆ ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนสักนิด ถอยไป ถ้าไม่ถอยอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” เธอจ้องตาของเขากลับอย่างไม่เกรงกลัว กิ่งฟ้าไม่ใช่กิ่งฟ้าในวันวานอีกต่อไปแล้ว
“พี่ชอบสายตาเมื่อก่อนมากกว่านะ กิ่งดูเป็นเด็กดี แต่ตอนนี้เหมือนจะเป็นเด็กดื้อ” เขาเหยียดยิ้มทั้งยังโน้มใบหน้าลงมาสูดดมเอาความหอมจากแก้มของเธอ
“ไอ้ชั่ว ปล่อยฉันนะ ไอ้คนเลว” เธอใช้มือทั้งสองฟาดลงมาที่หน้าอกกำยำแต่มันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับมาธัสแม้แต่น้อย
“ร้องเลยสิ แถวนี้มีแต่คนของพี่ ไม่มีใครมาช่วยเธอหรอก”
“คุณทำแบบนี้ต้องการอะไร” กิ่งฟ้าถามเขาด้วยเสียงอันสั่นเทา เธอรู้สึกถึงความกลัวที่กำลังเกาะกินหัวใจไปทีละนิด
“ก็แค่อยากมาทักทาย...เมีย...เท่านั้น”
“ใครเป็นเมียคุณ”
“ความจำเสื่อมหรือไง วันนั้นยังครางอยู่ใต้ร่างของพี่อยู่เลย ให้ทบทวนอีกทีดีไหม” มาธัสยังคงใช้ปลายจมูกสูดดมเอาความหอมจากร่างกายของเธอ
“สมองของฉันไม่จำคนเลว ๆ อยากแกเอาไว้หรอก ไอ้คนชั่วฉันไม่อยากเจอแกไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน”
“เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้นนะ” เขาไม่สะทกสะท้านกับคำด่าของหญิงสาวตรงหน้า “พี่ชอบนะ ปากดีแบบนี้เวลาครางคงเสียงหวานน่าดู”
“ไอ้โรคจิต ปล่อยฉันนะ!!” กิ่งฟ้าสู้สุดแรงดันให้เขาถอยห่าง พร้อมกับหัวใจเต้นแรงกับสัมผัสของมาธัส
มือใหญ่รวบตรึงข้อมือเล็กเอาไว้เหนือศีรษะ เขาใช้ริมฝีปากกดจูบลงมาหาเธอนานหลายนาที จนกระทั่งกิ่งฟ้าไม่ดิ้นรนขัดขืน ปล่อยให้เขาได้เชยชมความหอมหวานจากริมฝีปากบางอย่างหนำใจ
“อื้อ” เสียงครางอย่างพอใจของมาธัสดังขึ้น เขาปล่อยมือที่ตรึงเอาไว้สวมกอดร่างของกิ่งฟ้าให้แนบชิดกับร่างของตนเอง