ตอนที่ 7
แม้น้ำค้างไม่เอ่ยถึงรอนนี่ ทว่าด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตาไม้แพ้พระเอกหนังฝรั่ง ก็ทำให้เขากลายเป็นที่สนใจอยู่แล้ว และในทันทีที่เธอเอ่ยถึงเขา สายตาทุกคู่ก็พุ่งตรงไปที่รอนนี่ในทันที
“มีใครอยากรู้จักเพื่อนใหม่ที่เพิ่งร่วมทัวร์มากับเราด้วยความบังเอิญคนนี้มั้ยคะ”
คนพูดชำเลืองไปที่รอนนี่
มีเสียงกรี๊ดกร๊าดมาจากผู้หญิงสาวสองคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะด้านหลัง ดั่งลั่นแทนคำตอบ
เมื่อได้ยินน้ำค้างเอ่ยชื่อของเขา รอนนี่รีบหยัดร่างขึ้นจากเบาะที่นั่ง หันหน้ามองเข้าไปภายในตัวรถ โค้งคำนับและยกมือไหว้ไปพร้อมๆกัน
“ซา-วัด-ดี-คร๊าบ ผมชื่อรอนนี่คร๊าบ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคร๊าบ”
แม้สำเนียงไม่ชัดนัก แต่ก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ยิ้มแฉ่งตอบรับไมตรีจากใบหน้าของเพื่อนร่วมทัวร์ที่มองเขาอยู่ในเวลานั้นด้วยแววตาเป็นมิตร และดูเหมือนว่าสายตาทุกคู่ก็ทอดมองมายังรอนนี่ด้วยความรู้สึกเอ็นดูคนที่เดินทางไกลมากว่า 5,000 ไมล์ สร้างความประทับใจให้กับรอนนี่เป็นอย่างมาก
“ได้รู้จักคุณรอนนี่กันทุกคนแล้วนะคะ สำหรับใครที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แต่ยังไม่รู้จักกันกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ...ก็ถือโอกาสทักทายทำความรู้จักกันไว้นะคะ เพราะเรายังต้องเจอหน้ากันไปตลอดสามวัน”
กล่าวมาถึงตรงนี้ หญิงสาวหยุดในช่วงสั้นๆ หันไปบอกกับเพ็ญซึ่งเป็นเพื่อนสาวร่วมทีมงานให้เริ่มแจกน้ำดื่ม ครั้นแล้วจึงหันมากระเซ้าเย้าหยอกกับลูกทัวร์อีกครั้ง เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครง ชวนคุยให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายไปพร้อมๆกัน
“ใครมาเป็นคู่บ้างคะ...มีมั้ยเอ่ย”
มีลูกทัวร์สามสี่คู่ยกมือขึ้นทันทีที่เธอถาม
“ใครมาแบบไร้คู่บ้างคะ…โสดค่ะโสด” เธอถามอีก
คราวนี้ยกมือกันพรึ่บพรั่บ ทั้งที่โสดจริงและไม่จริง มีบางคนแกล้งจับมือเพื่อนยกขึ้นโดยเจ้าตัวไม่ทันตั้งตัว
“ใครมีคู่มาด้วยก็ดีไป...แต่ถ้าใครยังโสดก็อย่าได้เป็นกังวลนะคะ...เดี๋ยวเราไปหาเอาข้างหน้าค่ะ” ทันทีที่เธอพูดจบ เสียงฮาก็ดังลั่นขึ้นอีกครั้งด้วยความชอบอกชอบใจ
“พูดอย่างนี้แสดงว่าคนพูดยังไม่มีแฟนใช่มั้ยครับ”
หนุ่มใหญ่ ท่าทางใจดี ขี้เล่น แซวขึ้นเบาๆ
“อันที่จริงก็ไม่อยากโสดหรอกนะคะ...แต่ว่ามันขายไม่ออกค่ะ นี่ก็รออยู่ว่าจะมีหนุ่มตาถั่วคนไหนจะหลงมาติดบ่วงเข้าสักวัน อ้อ!...ขอโทษนะคะ ลืมแนะนำตัวว่าคนที่กำลังพูดอยู่นี้ชื่อ ‘น้ำค้าง’ นะคะ เรียกสั้นๆว่า ‘น้ำ’ ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวถือโอกาสแนะนำตัวอีกครั้ง
“ให้เรียกคุณ ‘น้ำ’ แต่ห้ามเรียกคุณ ‘ค้าง’ ใช่ไหมครับ’ ผู้ชายคนเดิมเอ่ยแซวขึ้นมาอีก
“ เอิ่มมม…”
เธอลากเสียงยาวที่ท้ายประโยค หยุดนิดนึง แกล้งเอียงคอ ทำสีหน้าคิดหนัก ไม่ได้รู้สึกตกใจกับคำพูดของชายคนนั้น ครั้นแล้วก็ตอบโต้โดยทันที
“แหม...เสี่ยค๊ะเสี่ยขา เพิ่งเจอหน้ากันก็จะชวน ‘ค้าง’ เลยหรอค๊ะ”
หญิงสาวใส่จริตจก้านในน้ำเสียงฉอเลาะได้อย่างน่ารัก ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ตีสำนวนตอบโต้ไม่ลดละ เพียงเท่านั้นก็เรียกเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงหัวเราะของผู้คนที่นั่งอยู่ภายในรถ พลอยทำให้รอนนี่หัวเราะตามไปด้วย ทั้งที่บางประโยคเขาก็ฟังไม่เข้าใจนัก
ไม่แปลกที่ลูกค้าหลายๆรายที่เคยร่วมทัวร์ภายใต้การนำของน้ำค้าง จะรู้สึกประทับใจในตัวเธอ เพราะขณะทำงาน บุคลิกภาพของน้ำค้างจะเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงอีกคนที่มีความเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์สูง เต็มไปด้วยความร่าเริงและอารมณ์ขัน มุกตลกโปกฮาเธอขนมาไม่อั้น และที่สำคัญคือเธอเอาใจใส่ต่อลูกทัวร์ทุกคนเป็นอย่างดี ขนาดพี่สมศรีที่เป็นเจ้าของบริษัท ถึงกับเอ่ยชมขึ้นกลางห้องประชุมบ่อยๆว่า ‘ถ้าพนักงานคนไหนอยากรู้ว่าการทำงานโดยมีจิตวิญญาณของไกด์นั้นเป็นเช่นไร? ให้ดูน้ำค้างเป็นตัวอย่าง’
รถยังคงแล่นเรื่อยมาตามถนน เสียงใสๆของเธอยังคงแว่วกังวานผ่านโทรโข่งอยู่เป็นระยะๆ
“ภายในตลาดน้ำมีบ้านไม้ทรงไทยโบราณที่หาชมได้ยาก มีลานแสดงการละเล่นของไทยด้วยนะคะ ตลาดน้ำอโยธยาเป็นตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอยุธยา เพิ่งเปิดเมื่อไม่นาน จำได้ว่าเดือนธันวาคม ปี 2554 นี้เองค่ะ ใช้เวลาเดินเล่นกันราวๆ 40 นาทีพอมั้ยคะ? จากนั้นเราจะแวะพักรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านแห่งหนึ่ง อยู่ในตลาดน้ำนั่นละค่ะ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติความอร่อย ใครที่มาตลาดน้ำเป็นอันต้องแวะ น้ำเชื่อว่าตอนนี้มีหลายคนเริ่มออกอาการท้องร้องเพราะหิวข้าวแล้วกระมังคะ เสร็จจากอาหารกลางวันค่อยไปต่อกันที่ลพบุรี เยี่ยมชมความสวยงามของพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จากนั้นก็มุ่งตรงไปที่สุโขทัย”
ด้วยน้ำเสียงหวานใสและกิริยาท่าทางอันมีเสน่ห์ของน้ำค้าง ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมาที่เธอ จึงมองเห็นแต่ความสดใสน่ารัก พูดจาฉะฉาน น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ ใบหน้าสวยหวานประดับรอยยิ้มราวจะแย้มอยู่ตลอดเวลา
ทว่าบางครั้ง…ใบหน้าเดียวกันนั้นก็เต็มไปด้วยเสน่ห์อันลึกลับ น่าค้นหา ด้วยอุปนิสัยที่เป็นคนสนุกสนานกับการทำงาน เธอสามารถทำให้คนฟังรู้สึกเป็นสุขในขณะที่เธอกำลังพูด อารมณ์ทะเล้นน้อยๆของเธอ เรียกรอยยิ้มและเสียงฮาจากลูกทัวร์ได้เป็นระยะๆ ตลอดเวลาที่โทรโข่งอยู่ในมือของเธอ
“คุณรอนนั่น…อุ๊ย! ขอโทษค่ะ มันคล้ายๆกัน คุณรอน ‘นี่’ ไม่ใช่รอน ‘นั่น’ เคยมาเมืองไทยแล้วหรือยังคะ” เธอหันไปชวนคุย เมื่อเห็นว่าเขานั่งอยู่ไม่ไกลจากที่เธอยืนอยู่ และดูเหมือนว่าทุกคนกำลังให้ความสนใจในตัวเขา ซึ่งเจ้าตัวได้แต่ยิ้ม เพราะไม่เข้าใจนักที่เธอเอาชื่อของเขามาแซวเล่น ว่ามันตลกอย่างไร? จึงมีบางคนหัวเราะ
“เป็นครั้งแรกครับ”
“งั้นก็แสดงว่ายังไม่เคยเห็นตลาดน้ำของเมืองไทยมาก่อน”
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ
“อีกอึดใจเดียวนะคะคุณรอนนี่ รับรองได้เห็นแน่ อันที่จริงตลาดน้ำในเมืองไทยก็มีอยู่หลายที่นะคะ อยู่เที่ยวเมืองไทยต่อไปอีกสักพัก คุณจะได้เห็นเอง”
“เวนิสตะวันออก”
จู่ๆรอนนี่ก็กล่าวขึ้นมา
“ถูกของคุณรอนนี่ค่ะ อาจจะมีหลายคนที่ไม่รู้ หรืออาจจะเคยรู้ แต่ก็ลืมไปว่าเมื่อ 100 ปีก่อน กรุงเทพฯของเรานี่แหละค่ะ ที่ได้ขึ้นชื่อว่า ‘เสนิสตะวันออก’ ยุคสมัยนั้นยังไม่มีถนน เมืองไทยล้วนเต็มไปด้วยแม่น้ำลำคลอง มองไปทางไหนก็คลาคล่ำไปด้วยเรือแพนานาชนิด การคมนาคมเดินทางเพื่อติดต่อค้าขายในอดีตกาล จึงต้องพึ่งพาแม่น้ำลำคลองเป็นหลัก เรือแพเรือพายจึงขวักไขว่ไม่ต่างอะไรกับเมืองเวนิสในประเทศอิตาลี”
ภายในพระราชวังบางปะอิน รอนนี่เดินตามติดๆไปกับหมู่คณะ แทบไม่ห่างจากน้ำค้าง ซึ่งหญิงสาวเชื่อว่าเหตุผลที่เขาเลือกจะเดินตามเธอนั้น คงเป็นเพราะเธอสามารถไขข้อสงสัยให้กับเขาได้ ในบางจุดที่ไม่มีเจ้าหน้าที่นำชม ไม่มีคนคอยอธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของสถานที่ และมีบางครั้งที่เจ้าหน้าที่พูดเร็วเกินไป รอนนี่จับใจความไม่ทัน เขาก็มักจะหันมาถามน้ำค้างทุกครั้ง ซึ่งเธอก็สามารถให้ความกระจ่างกับเขาได้ด้วยภาษาอังกฤษ