บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

“ดอกลีลาวดีค่ะ”

ในจังหวะที่หญิงสาวหันกลับมาบอก เธอประสานดวงตาเข้ากับเขาอย่างจัง ดวงตาของเขาเป็นวงสีน้ำตาลสนิมเหล็ก เส้นขนตาดกหนาและงอน เค้าโครงหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติติง หนวดเครารกครึ้มกระจายโอบกรามทั้งสองข้าง แผงหนวดสีน้ำตาลเข้มเหนือริมฝีปาก ยาวและโค้งครอบเป็นแนวลงมาถึงคาง ยิ่งทำให้เขาดูคมเข้ม หล่อเหลาราวกับรูปหล่อสำริด หรือประติมากรรมที่สลักเสลาได้อย่างสมบูรณ์ จมูกโด่งเป็นสันรับกับเบ้าตาและสันคิ้วที่ส่งราศรีไปสู่เนินหน้าผากกว้าง เส้นขนคิ้วเรียงแนวแน่นหนา เป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ เช่นเดียวกับสีผมและหนวดเครา เธอนึกในใจว่าถ้าเขาโกนหนวดเคราออกเสียบ้าง ‘คงหล่อเป็นบ้า’

เมื่อเห็นเขาย่นหน้าผากกับประโยคที่เธอเอ่ยออกไปเป็นภาษาไทยว่า ‘ดอกลีลาวดี’ เธอจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่าเขาอาจจะฟังภาษาไทยไม่เข้าใจ จึงขยายความด้วยภาษาอังกฤษอีกทีว่า

“Frangipani”

“ลีลาวดี…Frangipani” ชายหนุ่มพึมพำ ออกเสียงตามที่เธอบอก ทั้งที่ยังทำจมูกฟุดฟิด สูดกลิ่นหอมระรื่นชื่นใจ

“What can I do for you”

น้ำค้างถาม เมื่อสังเกตเห็นว่าสีหน้าของชายผู้นั้นกำลังตั้งคำถามกับเธอ บางทีเขาอาจต้องการความช่วยเหลือ ทว่าผิดคาด

“ผมพูดภาษาไทยได้ครับ”

ร่างสูงสง่าตอบด้วยกังวานเสียงทุ้ม พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่ที่ริมฝีปาก

“อ้าว…พูดภาษาไทยได้หรือคะ”

หญิงสาวทำน้ำเสียงประหลาดใจ จากนั้นจึงหันมาสื่อสารกับเขาด้วยภาษาไทย

ชายหนุ่มรีบอวดสำเนียงที่ท่องจำมาจนขึ้นใจ

“สะ-วัด-ดี-คร๊าบ”

เขาแทบจะเคล้นถ้อยคำออกมาทีละพยางค์ ยกมือขึ้นไหว้ แสดงการทักทายแบบไทยๆ ตามที่ได้อ่านมาจากหนังสือนำเที่ยวเล่มเล็ก ขนาดเท่าพ็อคเก็ตบุ๊คที่ถืออยู่ในมือ

“สวัสดีค่ะ”

มีแววฉงนผุดพรายขึ้นในดวงหน้าสวยสะคราญ แม้ภาษาไทยของชาวต่างชาติคนนี้จะไม่ชัดนัก หากก็ออกมาจากความมั่นใจที่จะพูด มีความกระตือรือร้นในน้ำเสียงที่พยายามจะสื่อสารกับเธอ

“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”

เธอถามพร้อมกับหยิบยื่นรอยยิ้มเป็นมิตร เพื่อไม่ให้เสียสโลแกน ‘ยิ้มสยาม…น้ำใจไทย’ ที่ดังระบือไกลไปทั่วโลก

“ผมอยากไปด้วย”

เขากล่าว พลางเหลือบมองที่ป้ายเหนือกรอบประตูทางเข้า

“อะไรนะคะ…” น้ำค้างขมวดคิ้ว

ครั้นแล้วจึงถามต่อ

“เอ่อ…คุณจองทัวร์ไว้แล้วใช่ไหมคะ”

ที่ต้องถามออกไป เพราะเธอเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น เขาอาจจะจองทัวร์ไว้แล้ว แต่ก็ไม่น่าจะตกหล่นไปจากการประสานงาน

“ไม่ได้จองครับ…”

“อ้าว!…”

หญิงสาวอุทาน นึกในใจว่าอีตานี่มาแปลก

“แต่ผมอยากไปด้วยครับ”

“เอ่อ…เห็นทีจะไม่ได้ค่ะ”

“ทำไมล่ะครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

“ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าอยากจะเดินทางกับเรา อย่างน้อยคุณต้องจองล่วงหน้าสามวันค่ะ”

เป็นที่รู้กันว่าตามเงื่อนไขการจอง อย่างน้อยที่สุดก็ก่อนการเดินทางหนึ่งวัน เพราะว่าทางบริษัททัวร์ต้องใช้เวลาประสานงานในเรื่องห้องพักเอาไว้ล่วงหน้า และต้องวางเงินมัดจำครึ่งหนึ่ง สาเหตุที่ต้องวางเงินมัดจำก็เพราะทางบริษัททัวร์จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการมัดจำ เพื่อจองห้องพักเอาไว้ล่วงหน้าเช่นกัน ป้องกันกรณีที่ลูกค้าเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน หรือมีเหตุสุดวิสัยทำให้ไม่สามารถเดินทางได้

“ทำยังไงดี…คุณพอจะช่วยผมได้ไหมครับ ผมอยากไปจริงๆ”

“แล้วคุณรู้หรือคะ…ว่าทัวร์นี้จะไปไหน”

หญิงสาวถามอีก เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นั้นชำเลืองไปยังรถทัวร์ที่จอดอยู่ไม่ไกล

“ไม่รู้ครับ” เขาตอบตามตรง

“อ้าว…คุณไม่รู้ว่าคุณจะไปไหน?”

เธอทำหน้าฉงน นึกในใจว่าแปลก…เขาอยากร่วมทัวร์ไปด้วย ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปไหน?

“ผมเพิ่งมาถึงเมืองไทยเมื่อเช้านี้ครับ…เพิ่งลงจากรถแท็กซี่ กำลังเดินหาที่พัก บังเอิญผ่านมาทางนี้ แล้วได้กลิ่นดอกไม้นั่น ผมเลยเดินตามมา” เขาบอก

น้ำค้างพยายามปะติดปะต่อ คิดในใจด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า ‘ช่างสมเหตุสมผลเหลือเกินนะคุณฝรั่งตาน้ำข้าว…อยู่ๆก็เดินตามกลิ่นดอกลีลาวดีมา แล้วยังไง?...สุดท้ายบอกว่าอยากร่วมทัวร์ด้วย’

“พิลึกคน”

เธอเผลอหลุดคำพูดออกมาเบาๆ ทั้งที่มันควรจะอยู่ในความคิด

“อะไรนะครับ” คนตัวโตขมวดคิ้ว

“เปล่าค่ะ…”

น้ำค้างรีบแก้ คิดว่าเขาคงไม่เข้าใจคำว่า ‘พิลึก’

เธอนิ่งคิดอยู่ชั่วขณะ ครั้นแล้วจึงเอ่ยออกมา

“เอางี้…ถ้าคุณสนใจ อยากจะไปจริงๆ ได้ค่ะ เรามีทัวร์อีกรอบ คุณจองไว้ก่อนดีมั้ยคะ”

“จองไว้ก่อน” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว

“ใช่ค่ะ ทัวร์จะออกเดินทางวันมะรืนนี้ค่ะ เป็นทัวร์วัฒนธรรมค่ะ คุณเข้าไปติดต่อในนี้นะคะ” เธอผายมือไปที่ประตูทางเข้าสำนักงาน

“ครับ”

เขาพยักหน้ารับ แสดงสีหน้าว่าเข้าใจ ทว่าหญิงสาวรีบแทรกขึ้น

“เอ่อ…แต่ว่าตอนนี้ยังจองไม่ได้นะคะ”

“ทำไมครับ” เขาขมวดคิ้วอีก

“อีกสองชั่วโมงสำนักงานจะเปิด ตอนนั้นคุณค่อยมาใหม่อีกที คือว่าตอนนี้พนักงานที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับทัวร์ที่เราจัด ยังไม่มาทำงานค่ะ”

อธิบายจบก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง คิดว่าคงมีเพียงเท่านี้ที่เธอจะช่วยเขาได้ ขืนชักช้าเสียเวลามากไปกว่านี้จะสาย รู้ดีว่าย่านนั้นรถติด

ชายหนุ่มทำสีหน้าผิดหวัง หากยังไม่ละความพยายาม

“ผมอยากไปวันนี้…จะได้ไหมครับ” เขาวิงวอนด้วยน้ำเสียงและแววตา

“ทัวร์เต็มแล้วค่ะ ไม่ได้จริงๆค่ะ” เธอส่ายหน้า นึกในใจว่าอีตานี่ขี้ตื๊อใช่ย่อย

“งั้น…ผมขอนามบัตรคุณได้ไหมครับ”

ได้ยินที่เขาถาม หญิงสาวจึงหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าสตางค์

“นี่ค่ะ…นามบัตร”

น้ำค้างคิดเพียงว่าอย่างน้อยก็คงช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องของการติดต่อ เพราะมีเบอร์โทรของบริษัทอยู่ในนามบัตรใบนั้น เผื่อว่าเขาอาจต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทัวร์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel