บทที่ 5
ความวุ่นวายในการค้าขายเช้าวันนี้ มันจบลงในเวลาไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ เพราะว่าข้าวกล่องที่สินทำมันมีเพียงแค่ 50 กล่องเท่านั้น พวกมันถูกขายออกไปจนหมด ในเวลานี้คือ 6 โมง 15 นาทีเท่านั้นเอง เขาก็เริ่มเก็บร้าน จากเวลาที่เริ่มขายตอน 6 โมงเช้า
และเพื่อที่เขาจะสามารถกะปริมาณทำข้าวกล่องในวันพรุ่งนี้เช้าได้อย่างถูกต้อง สินจึงเปิดรับออเดอร์จากกลุ่มลูกค้าที่มาซื้อไม่ทันในเช้าวันนี้ รวมถึงพวกนักวิ่งน้อยใหญ่ทั้งหลายด้วย
ชาวบ้านละแวกแถวๆนี้ เห็นถึงความวุ่นวายที่หน้าบ้านของสิน พวกเขาได้แต่ตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อลองสอบถามกับผู้ที่เคยทานอาหารของสินแล้ว พวกเขาจึงอยากลองทานกันดูสักครั้ง ทำให้ออเดอร์ทั้งหมดที่ลูกค้าสั่งในพรุ่งนี้เช้ามีมากถึง 120 กล่องเลยทีเดียว
“แจ้งเตือนการทำอาหาร 1 รายละเอียด คุณสามารถทำให้อาหารมีคะแนนดาวเพิ่มขึ้น อย่างละ 1 ดาว (เช่นจากเดิมความอร่อย 4 ดาว กลายเป็น 5 ดาวเป็นต้น)” ระบบที่ดังสะท้อนในจิตใจแจ้งเตือนกับเขา
“แปลว่ายิ่งทำเยอะ ก็ยิ่งได้ค่าประสบการณ์มากขึ้นซินะ... อืมมม ช่างมันก่อนก็แล้วกัน เตรียมตัวไปรับออเดอร์จากพวกพี่คนงานดีกว่า” ว่าแล้วเขาก็รีบวิ่งไปจับจักรยานคู่ใจพร้อมกับปั่นออกไปที่ไซด์ก่อสร้างทันที
ณ ไซด์งานก่อสร้าง
“พี่มด พี่ว่าไอ้เด็กเมื่อวานมันจะมาอยู่มั้ย ฉันว่ากับข้าวของมันอร่อยดี ว่าจะสั่งกับข้าวมันเสียหน่อย”
“ข้าเองก็รอมันอยู่เนี้ย ข้าว่ามันน่าจะมาช่วงสายๆนั้นแหละ” พี่มดหัวหน้าคนงาน ซึ่งแกกำลังบ่นถึงสินอยู่ โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นเขาที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้างหลังเลยสักนิดเดียว
“สวัสดีครับพี่ วันนี้รับอะไรดีครับ” เขายิ้ม และเรียกพี่มดจากทางข้างหลัง
“โอ้ วันนี้เองทำไมมาเช้าจังล่ะ ข้าก็นึกว่าเองจะมาช่วงสายๆซะอีก.. ดีเลยๆ ข้าเอาเหมือนเมื่อวาน 2 กล่อง “ และเมื่อพี่มดแกสั่งเสร็จ แกก็ตะโกนเข้าไปในไซด์ก่อสร้าง
“พวกแก ไอ่หนูสินมารับออเดอร์แล้วนะเว้ย... ช้า หมด อดแดกนะเว้ยยยย” มันเป็นเสียงที่ดูทรงอำนาจมากเหลือเกิน หลังจากที่แกตะโกนไปไม่นานนัก ฝุ่นควันก็ลอยให้เห็นมาแต่ไกล เขาก็นึกว่ามาดูกระทิงที่วิ่งเป็นฝูงเหมือนในการ์ตูน แล้วมันก็จะมีควันตามหลังมันมาเสียอีก
“พี่เอากะเพรา 3 กล่อง …………………ฯลฯ”
เมื่อทุกคนแย่งกันสั่ง เขาก็ไม่รู้ว่าจะฟังใครก่อนดี แต่ดีที่พี่มด(หัวหน้าคนงาน ) จัดระเบียบการรับสั่งออเดอร์ให้ จึงไม่ลำบากอีกต่อไป และวันนี้เขาก็รับออร์เดอร์ที่ไซด์งานนี้ได้มากกว่าเมื่อวานถึง 3 เท่าตัวเลยทีเดียว มีทั้งลูกค้าเก่าทั้งใหม่ที่อยากจะลองสั่ง
แล้วเวลาก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนถึงช่วงตอนเย็น โดยที่วันนี้เขาได้กำไรมามากถึง 2,000 บาทโดยประมาณ หลังจากนั้นเวลาผ่านก็ผ่านไป 1 สัปดาห์
สินดำเนินกิจการไป โดยแต่ละวันลูกค้าก็มีเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆอย่างไม่น่าเชื่อ ในทุกวันนี้ เขาต้องทำข้าวกล่องขายให้มากที่สุด ซึ่งมันก็ได้เฉลี่ยเพียง 1,000 กล่องต่อวันเท่านั้น ซึ่งมันทำให้ผลกำไรที่ได้มามากถึง 9,000 บาทต่อวันเลยทีเดียว
ในวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เขาค้าขายข้าวกล่องหน้าบ้านที่เดิม โดยมีลูกค้ามาต่อแถวยาวเป็นหางว่าว โดยที่เขาเลิกตระเวนที่จะขายข้าวกล่องตามไซด์งานแล้ว เพื่อการทำขายกล่องจำนวน 1,000 กล่องต่อวัน มันไม่ใช่สิ่งที่คนๆเดียวสามารถทำมันได้เลย
คนงานแถวนั้นที่ติดใจในรสชาติอาหารของเขา ก็เข้าใจดี การทำอาหารมันจะต้องใส่ใจในการทำค่อนข้างมาก พวกเขาจึงแวะเวียนมาซื้อข้าวกล่องในตอนเช้าด้วยตัวเองแทน
ณ สวนสาธารณะ ไม่ไกลจากตัวบ้านของสิน
“สวัสดีครับท่านผู้ชม อยู่กับเขา สรศักดิ์เจ้าเก่าคนเดิม.... กับรายการเป็นข่าว ณ เชียงใหม่...” นักข่าวภาคสนามท่านหนึ่งกล่าวเปิดรายการสดรายการดังในเชียงใหม่ คนเชียงใหม่ชื่นชอบรายการนี้เป็นอย่างมาก
“วันก่อนทางทีมงานของเราได้พบกับร้านลึกลับที่มีคนต่อแถว เพื่อที่จะรอซื้อข้าวกล่องปริศนาเป็นจำนวนมาก โดยร้านลึกลับแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชุมชนหนองหอย เวลาเปิดขายคือเวลาหกโมงเช้าของทุกวัน”
“แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า ร้านนี้ปิดร้านไม่เกินหกโมงครึ่งของทุกวัน ไม่ใช่ว่าเจ้าของร้านหยิ่ง หรือ เปิดปิดตามใจอะไรหรอกนะครับ แต่มันเป็นเพียงแค่คำพูดของเจ้าของร้านเพียงคำเดียวที่ว่า ‘หมดแล้ว’ เท่านั้นเอง”
“เราดูกันซิว่า.. ร้านแห่งนี้จะเป็นยังไง เชิญมารับชมไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าครับ ..... ท่านผู้ชม.. ดูนั้นซิครับ.... ผู้คนมากมายกำลังต่อแถวเพื่อซื้อข้าวกล่อง นับจากสายตาของผมมีผู้คนที่ต่อมากเกินกว่า 400 คนไปแล้วมั้งครับ...ไม่น่าเชื่อ” สรศักดิ์เดินเข้าไปใกล้ๆกับเจ้าของร้าน เขาถือไมค์ไว้ในมือก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกับตากล้อง
“เดี๋ยวเราลองไปสัมภาษณ์เจ้าของร้านกันสักหน่อยดีกว่านะครับ ... สวัสดีครับ ผมสรศักดิ์ จากรายการเป็นข่าว ณ เชียงใหม่ครับ ไม่ทราบว่า....?”
“เออ..คือ..ครับ คือว่าผมขอขายข้าวกล่องก่อนได้มั้ยครับ.... อย่างที่คุณเห็น เห็นมั้ยครับว่ามีลูกค้ามายืนรอที่จะซื้อนานแล้ว... แต่ต้องขอโทษด้วยนะครับ.. ยังไงช่วยกรุณารอสักครู่ได้มั้ยครับ”
“เอ.อ...ครับ ท่านผู้ชมครับอย่างที่เห็นนะครับ เจ้าของร้าน เขาไม่ว่างจริงๆ เอาเป็นว่าในช่วงที่สองของรายการเขาจะมานำเสนอใหม่นะครับ... ตอนนี้ขอโอนกลับไปทางห้องส่งก่อนนะครับ” แล้วรายการสดก็ถูกตัดกลับไปที่สถานีต้นทาง สรศักดิ์ทำหน้าออกมาเซ็งๆ
‘ชิ ไอ่เด็กนั้นทำเราเสียหน้าในรายการสด คอยดูเถอะฉันจะเล่นมันกลางรายการเลย’ สรศักดิ์บ่นภายในใจ และแล้วเวลาก็ผ่านไปไม่นานนัก ชายหนุ่มสินสมุทรก็ป่าวประกาศออกไปว่า
“หมดแล้วครับ ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะครับ วันพรุ่งนี้เชิญมาใหม่นะครับ”
“อะไรนะ... หมดแล้วเหรอ เมียข้าได้บ่นจนหูชาแน่” มนุษย์ลุงเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย เขาไม่เคยได้ลองอาหารของร้านนี้เลยสักครั้ง แต่เมียของเขาสั่งให้มาซื้อให้ทัน และแน่นอนว่าเขาย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าถ้าไม่ได้มันไป บ้านอาจจะแตกก็เป็นได้
“เจ้าของร้านทำเพิ่มได้มั้ยค่ะ.. พวกหนูคิดถึงรสชาติที่ซื้อไปวันก่อน นะๆๆ” นักเรียนมัธยมสาว ถ้าดูจากชุดที่สวมใส่แล้ว คงจะเป็นโรงเรียนลูกคุณหนูที่เปิดอยู่ใกล้ๆนี้ พวกเธอพยายามทำสายตาอ้อนมาทางเขาอย่างน่ารัก แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็ข้าวกล่องมันหมดแล้ว แล้วเขาก็ไม่มีแรงที่จะทำมันเพิ่มแล้ว
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่มีแรงทำเพิ่มแล้วจริงๆ เอาไว้มาอุดหนุนวันพรุ่งนี้ได้ครับ” สินเอ่ยออกไปด้วยให้เหตุผลต่างๆ พวกคุณต้องเข้าใจว่า เขาต้องตื่นนอนมาตั้งแต่เวลาตีหนึ่ง ไหนต้องเตรียมวัตถุดิบมากมาย กว่าจะทำเสร็จทั้งหมดก็เกือบหกโมงเช้าแล้ว การทำงาน 5 ชั่วโมงติด มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย
การประท้วงเล็กๆจึงเกิดขึ้นทันที
“ถ้าข้าไม่ได้อาหารกล่องในวันนี้ ข้าก็จะนอนรอตรงนี้แหละ... ยังไงถ้ากลับไปที่บ้าน ก็คงโดนอีแก่ที่บ้านบ่นจนหูชาอยู่ดี.. สู้นอนรออยู่ตรงนี้... คอยกดดันเอ็งเล่นๆดีกว่า” มนุษย์ลุงคนเดิมประท้วงขึ้นมา
“พวกฉันก็เหมือนกัน... จะรออยู่ตรงนี้แหละ... งานการไม่ทำแล้ว” เหล่าพนักงานธนาคารสาวที่อยู่เลยไปอีกสองช่วงตึก พวกเธอก็กล่าวประท้วงขึ้นมาเหมือนกับหลายคนในที่นี้
-----------------------------------------------------------------
"เออคือ........หิว ไรต์เนี่ยแหละที่หิว 5555"