บทที่ 2
เวลาผ่านไป 1 ชม. สินได้เลือกหนังสือทำอาหารมาทั้งหมด 10 เล่ม ประกอบไปด้วย
1.ทักษะการใช้มีดขั้นสูง 2.ทักษะคนครัวระดับตำนาน 3.รวมอาหารไทย 4.รวมอาหารพื้นเมืองเหนือ 5.รวมอาหารอีสานบ้านเฮา 6.รวมอาหารใต้ 7.รวมอาหารระดับโลก 8.รวมขนมหวานไทย 9.รวมขนมหวานจากแดนไกล(ระดับโลก) 10.รวมระดับการวัดคุณค่าของวัตถุดิบ
“สิบเล่มนะไอ้น้อง.. ซื้อเยอะดี..พี่แถมให้อีก 2 เล่มเลยไปเลือกมาได้เลย” เจษกล่าวออกมา ในขณะที่สินกำลังยกกองหนังสือมาวางที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
“จริงเหรอพี่.. ขอบคุณมากครับ” สินรีบวิ่งขึ้นไปเลือกหนังสือดูอีกหลายๆเล่ม และมันมีหนึ่งในนั้นที่มันน่าสนใจ ในตอนแรกสินตั้งงบประมานในการซื้อหนังสือไว้เพียงแค่ที่ 100 บาทเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาสามารถเลือกมันเพิ่มได้ และเพิ่มได้ถึง 2 เล่มอีก เขาจึงรีบไปหยิบเล่มที่เขาหมายตาไว้ทันทีก่อน 1 เล่ม
“หนังสือ ศาสตร์แห่งการชิม... เอาอันนี้แหละ 1 เล่ม ส่วนอีกเล่มเอาอะไรดีน้า... เอาเล่มนั้นล่ะกัน มันดูเก่าๆดี... เดี๋ยวค่อยตรวจสอบอีกทีแล้วกันเนอะ” เขานำทั้งสองเล่มมาวางที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
“พี่เจษครับ เอาสองเล่มนี้ได้มั้ยครับ” สินถาม เพราะว่าราคามันจะไม่เท่ากัน
“ได้สิ.. ทั้งหมดก็ 100 บาทไทยถ้วน” เจษมองไปที่หนังสือเล่มหนึ่งอย่างมีเลศนัย ก่อนจะตอบออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน สินก็ได้เดินทางออกมาจากร้านหนังสือมือสองของพี่เจษ และเดินมุ่งตรงไปยังจักรยานคู่ใจ พร้อมกับปั่นจักรยานรีบตรงดิ่งกลับบ้านในทันที
“เอาล่ะ.. มาลองดูหน่อยซิ.. มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง.. เริ่มจะจากหนังสือเก่าๆที่เรายังไม่ได้ตรวจสอบก่อนเลยดีกว่า” สินหยิบมันขึ้นมาเปิด
แต่เพียงแค่เขาเปิดไปที่หน้าแรก แสงสว่างจากตัวหนังสือก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาแสบตามาก เขานำมือยกขึ้นมา เพื่อหวังจะเอามาปกปิดดวงตาไว้ แต่แล้วใครจะไปรู้ล่ะ เขากลับสลบไปในเวลาต่อมานั้นเอง
“หนังสือแห่งการเรียนรู้(ปัญญาพระเจ้า) เริ่มทำงาน ... ตรวจพบเจอเจ้าของใหม่ที่มีคุณสมบัติ ... เริ่มการติดตั้งการเรียนรู้... เสร็จสิ้น” เสียงปริศนาที่ดังออกมาจากตัวของหนังสือ แต่สินที่สลบอยู่ในตอนนี้กลับไม่ได้ยินมัน จนเวลาผ่านไป15นาที
“หือ... เรามานอนทำอะไรตรงนี้...... เอ๊ะ!! เราสลบไปนี่..หรือว่าฝันกลางวัน..ว่าแต่หนังสือหายไปไหนแล้ว... ช่างมันเถอะอ่านหนังสือต่อดีกว่า” หลังจากที่เขาเลิกสนใจแล้ว เขาก็หยิบหนังสือรวมอาหารไทยขึ้นมาแต่แล้ว....
“เจ้าของต้องการเรียนรู้ตำราอาหารไทยใช่หรือไม่”
“เสียงอะไรนะ เราคงหูฝาดไปเองมั้ง” สินบ่นกับตัวเอง
“เจ้าของต้องการเรียนรู้ตำราอาหารไทยใช่หรือไม่”
“ครั้งนี้ชัดเจนเลย.....ผีหลอกตูแน่เลย”
“เจ้าของต้องการเรียนรู้อาหารไทยใช่หรือไม่” ........ สลบไปอีก 15 นาที
“ฮือออ....เมื่อกี้เราคงฝันไปซินะ.. เหมือนจริงมากๆ...เอาล่ะมาเริ่มอ่านหนังสือดีกว่า... เริ่มจากหนังสือตำราทำอาหารไทยเนี่ยแหละ” เขายื่นมือไปหยิบหนังสือเล่มเดิม แต่แล้วมันก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
“เจ้าของต้องการเรียนรู้ตำราอาหารไทยใช่หรือไม่” เสียงเดิมๆยังคอยถามคำถามนี้กับเขาเสมอๆ
“มันไม่ใช่ฝันนี่หว่า.. สติ ไอ้สินสติ”
สินพยายามที่จะหายใจเข้าออกเพื่อควบคุมสติของตัวเอง หลังจากที่เขาตั้งสติอยู่นานนั้น เขาก็ได้แต่ยอมรับความจริงว่าทุกอย่างมันไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป ตั้งแต่มีแสงออกมาจากหนังสือแล้ว เสียงที่มาจากไหนก็ไม่รู้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นก็อีก
มันเหมือนกับว่าเป็นวิญญาณอาฆาตที่ตามหลอกหลอนเขาเลยก็ไม่ปานในตอนนี้ และมันเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเรื่องราวทั้งหมด มันเกิดมาจากหนังสือเล่มนั้น เขาเลยตัดสินใจที่จะพูดว่า ‘ใช่’ ออกไปในที่สุด
“ระบบกำลังถ่ายโอนข้อมูลไปยังสมองของเจ้าของ”
“โอ้ย!!... ปวดหัว... หยุดๆๆ.. พอก่อน.. พอแล้ว..... ไม่ไหวแล้ว” ความเจ็บปวดที่มันเหมือนกับมีดปลายแหลมนับพันๆเล่มที่กำลังทิ่มแทงเข้ามายังสมองของเขา ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่มันเวลาที่ไม่นานนักเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง แล้วอาการปวดเหล่าจึงค่อยๆหายไป แต่สำหรับสินแล้วมันเหมือนกับยาวนานมานับชั่วโมงๆเลย
“ระบบทำการติดตั้งเสร็จสิ้นค่ะ”
“ถึงไม่ค่อยอยากจะเชื่อก็เถอะ แต่ก็ลองดูหน่อย ก็ไม่เสียหายอะไร เอาล่ะ เริ่มทำเมนูง่ายที่สุดก่อนก็แล้วกัน... ‘กะเพราไก่ไข่ดาว’ เมนูสิ้นคิด”
หลังจากที่เขาตัดสินใจได้แล้วว่า จะลองทำอาหาร ในเมนูกะเพราไก่บวกกับไข่ดาววางบนข้าวร้อนๆ ตามสูตร และวิธีการที่ปรากฏขึ้นมาในสมอง
“อย่างแรก ต้องเตรียมวัตถุดิบก่อนซินะ ไก่เราก็ยังไม่มี.. ทำไงดีล่ะ งั้นหุงข้าวก่อนแล้วกัน เสร็จแล้วค่อยไปดูของที่ตลาด” สูตรการหุงข้าวแบบตำรับชาววังปรากฏขึ้นมาในสมองเขาทันทีที่คิดจะหุงข้าว เขาจึงลองทำตามดู
“อย่างแรกเลย หุงข้าวโดยไม่ต้องใส่น้ำเยอะ เพราะในข้าวมีความชื้นในตัวมันเองอยู่แล้ว เราต้องนึ่งข้าวด้วยซินะ ข้าวถึงจะออกมาเป็นเม็ดสวยงาม” สินจัดแจงหุงข้าวแบบต้นตำหรับชาววังเสร็จแล้ว เขาก็เตรียมตัวออกบ้านเพื่อไปซื้อไก่ที่ตลาด
ณ ตลาดชุมชนหนองหอย (ประมาน 500 เมตรจากบ้านเช่า)
“รีบเข้ามา.. รีบเข้ามา... เนื้อหมูสับสดๆเลยจ้า” แม่ค้าพ่อขายต่างตะโกนแข่งกันอย่างเมามันเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านของตน เสียงของแต่ละคนดังมาก มันดังชนิดที่ว่าเสียงนั้นได้ยินไปถึงหน้าตลาดเลยทีเดียว
สินเดินเข้าไปภายในตลาด และมุ่งตรงไปยังโซนของสดเป็นที่แรก เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินมาถึงหน้าร้านไก่สดที่เขียนว่า ‘ร้านลากไก่ไปกิน’ เขาเลือกมันอยู่หลายร้าน แต่ร้านนี้ชิ้นเนื้อไก่ดูดีสุด เขาจึงเอ่ยถามกับคนขายที่ดูเป็นหญิงวัยกลางคน
“ป้าครับ.. ผมขอซื้ออกไก่สองชิ้นครับป้า” สินพูดออกไป
“ได้เลยเจ้าหนู.. รอแปปนึงนะ” ป้าร้านขายไก่สด หยิบอกไก่สองชิ้นมาใส่ถุง แล้วก็ชั่งตราชั่งที่มีมาตรฐานแบบสุดๆ เป็นเครื่องชั่งที่ด้านคนซื้อเสีย อีกด้านเข็มมันก็ดูแปลกๆไป แต่ช่างเถอะวันหลังก็แค่ไปซื้อร้านอื่นก็เท่านั้น
“สี่ขีด 40 บาทจ้า” ป้าแกเอ่ยมา
“นี่ครับป้า.. ว่าแต่ไก่ขายยังไงครับ” เขายื่นมือออกไปจ่ายเงิน พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย เรื่องราคาสินค้า
“อกไก่ กิโลละ 95 บาทจ่ะ ถ้าเอาเป็นขีดๆละ 10 บาท แต่ถ้าหนูเอาเยอะ เดี๋ยวป้าจะลดให้อีก” ป้าแกมีแวะโฆษณาด้วยเล็กน้อย
“ไว้โอกาสหน้านะครับ ขอบคุณ” เขาพูดจบก็รีบมุ่งกลับบ้านโดยจักรยานคู่ใจทันที ด้วยความตื่นเต้นมากไปสักหน่อยในการทำอาหารตามสูตรที่อยู่ในหัว และมันเป็นครั้งแรก เขาจึงรีบวิ่งเข้าครัวหลังบ้านทันที