#บทที่ 3 จงหมอบกราบลงไปซะ!! คำนับแด่...ข้าผู้สำเร็จวิชาก่อไฟเตาฟืน!
ช้องนางเดินจูงมือเป้ยเป้ยน้อยเข้าไปสำรวจในครัว เห็นอุปกรณ์เครื่องครัวที่ถือว่าอยู่ในสภาพดี เครื่องปรุง เครื่องเทศมีอยู่หลายอย่าง หอมกระเทียมมัดเป็นพวงๆห้อยผึ่งลมอยู่กับราวไม้ พริกแห้งแผ่ตากอยู่ในกระด้ง หม้อ กระทะที่ถูกขัดถูจนขึ้นเงาถึง
แม้จะหุงหาอาหารโดยใช้เตาฟืน แต่อุปกรณ์ทำครัวเหล่านี้ไม่มีคราบเขม่าดำจากควันไฟเกาะติดอยู่เลย
เห็นได้ชัดว่าซุนอ้ายเหนียงคนนี้เป็นแม่ศรีเรือนที่ขยันขันแข็งและเป็นคนที่ใส่ใจความสะอาดและสุขอนามัยในการกินอยู่เป็นอย่างดี
ช้องนางเดินตรงไปที่เตาหินสามเส้าตั้งอยู่มีสองเตา อาฮะ…ได้เวลาใช้
'วิชาลูกเสือสำรอง ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่'
ที่เคยได้ร่ำเรียนมาให้เป็นประโยชน์แล้ว เคยไปเข้าค่ายลูกเสือสามัญ 3 วัน 2 คืนกันอ๊ะป่าว?
เอาล่ะช้องนาง ถึงเวลาที่เธอจะสำแดงวิชา
'ลูกเสือสามัญขั้นสูงสุด!'
ยกมือไหว้สาบูชาครูบาอาจารย์ที่ท่านได้สั่งสอนประสิทธิ์ประสาทวิชาให้จนร่ำเรียนสำเร็จมาได้
เด็กหญิงตัวกลมได้แต่ยืนทำตาปริบๆ มองแม่ตัวเองที่ทำท่าทางแปลกๆ ยกมือยกไม้ขึ้นบนหัว ยิ้มอยู่คนเดียว พยักเพยิดหน้าขึ้นลง
เป้ยเป้ยน้อยได้แต่คิดในใจ
'หม่าม้าเป็นอารายนะ ตื่นเช้ามาวันนี้ก็ดูแปลกๆ อ๋อ หม่าม้าต้องยังไม่หายป่วยแน่ๆเลย หม่าม้าต้องป่วยอยู่แน่ๆเลย'
ส่วนคนเป็นแม่ที่ลูกคิดว่าป่วยก็ยังคงไม่รู้ตัว อยู่ในภวังค์ความคิดมโนของตัวเองต่อไป
ฝั่งช้องนางผู้ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองก็คิดต่อ
อ๊ะ อ๊ะ… อย่าคิดว่าง่ายๆ กับอีแค่ก่อไฟ อย่าๆ ถ้าไม่ได้เรียนวิชาลูกเสือสามัญไม่มีทางสำเร็จ
'วิชาก่อไฟหุงต้มเตาฟืน' ได้
มันจะก่อไฟฟืนเป็นได้อย่างไงเกิดมาก็เจอ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า กระทะไฟฟ้างี้ เตาแก๊สงี้
รายไหนรายนั้นเจอ เตาฟืน เข้าไป เหอ เหอ อิช้องนางจะนั่งกินแตงรอชมเลยจ้ะ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะหุงข้าวได้กินไหม ไฟไม่ไหม้บ้านก็บุญหัวแล้ว
มาค่ะ ช้องนางคนนี้จะสำแดง
'วิชาก่อไฟเตาฟืน'ที่ได้ร่ำเรียนมาเป็นเวลา 15 ปี* ให้ดูเป็นบุญตา
*(เพราะต้องเรียนวิชาลูกเสือสามัญถึง ม.3 ไงเลยเท่ากับ 15 ปี 55555++)
ขั้นตอนแรก หยิบฟืนมาผ่าเป็นซีกเล็กๆก่อนเอาไว้ทำเชื้อไฟ เอาท่อนฟืนอีก 3-4 ท่อนวางไขว้กันไปมาตรงกลางเตา
เอาเศษหญ้าแห้งใบไม้แห้งมาแหย่ๆไว้ใต้ท่อนฟืนพวกนี้อีกที หยิบกลักไฟมาจุดไฟใส่เศษหญ้าแห้ง พอไฟเริ่มติดหยิบเศษไม้ผ่าซีกชิ้นเล็กๆ ค่อยๆวางทับลงไป พอไฟเริ่มลุกติดดี เอาท่อนฟืนวางคร่อมทับลงไปอีกที
ค่อยๆพัดให้ไฟลุกติด นั่นไง ควันเริ่มขึ้นแล้ว พัดๆอีก 3-4 ที ไฟลุกพรึ่บบ! เป็นไงล่ะ? (ผายมือ เชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ)
เป้ยเป้ยน้อย 'หม่าม้าน่าฉงฉานจัง หม่าม้าต้องป่วยหนักมากแน่ๆ'...
ช้องนางเดินไปหยิบหม้อที่แขวนตากเอาไว้ตักน้ำจากโอ่งเก็บน้ำไว้ใช้ในครัวใส่ลงไปครึ่งหม้อ ยกไปตั้งบนเตาหินสามเส้าที่ไฟเริ่มติดได้ที่แล้ว
หันไปเปิดไห 3-4 ใบที่อยู่ใกล้ๆ อะ เจอแล้วข้าวสารน่าจะมีประมาณ 10 จินได้ ตวงออกมาแค่ 2 ถ้วยข้าวน้อยก็น่าจะพอกินนะ รอเวลาน้ำเดือด
เปิดไหที่เหลือดูอีกว่าพอจะมีอะไรมาทำกับข้าวแบบเร่งด่วนได้บ้าง ไหนี้เจอไข่ไก่ 10 กว่าฟองแหน่ะ เอามาทำไข่เจียวสัก 3 ฟองดีกว่า
"หม่าม้าๆ เป้ยเป้ยเก็บผากมาโด่ย เก่งม้าย~"
มืออวบป้อมที่เลอะไปด้วยดินโคลนยื่นผักบุ้งที่ถูกถอนมาทั้งรากให้แม่
"หืออ? เป้ยเป้ยไปเก็บมาจากไหนลูก?" ชี้นิ้วอ้วนๆไปหลังบ้าน
เออ ก็แกมัวแต่เว่อร์วังเล่นใหญ่ก่อไฟเตาฟืนไงช้องนาง ดูสิลูกเต้าหิวจนจะแทะรากไม้กินอยู่แล้ว มัวแต่เพ้อเจ้ออยู่นั่นแหละ
หืมม เมื่อกี้เธอเรียกเป้ยเป้ยในใจว่าไงนะ? ลูกเหรอ? เธอถึงกับคิดว่า เป้ยเป้ยน้อยเป็นลูกตัวเองไปแล้วเหรอ
น่าจะเป็นเพราะความรู้สึก ความทรงจำที่ตกค้างอยู่ของซุนอ้ายเหนียง เธอเลยซึมซับรับรู้และรู้สึกรักเป้ยเป้ยน้อยเหมือนเป็นลูกตัวเองไปด้วย
แต่ในโลกนู้นเธอไม่เคยมีลูกนะ เธอจะเลี้ยงลูกเป็นไหมนะช้องนาง
ตอนนี้เธอมาอยู่ในร่างนี้แล้วไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร เธอมาอยู่ในร่างนี้ได้นั่นก็แปลว่า ซุนอ้ายเหนียงตัวจริงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว
งั้นตอนนี้เธอก็คือ ซุนอ้ายเหนียง เป้ยเป้ย คือ ลูกของซุนอ้ายเหนียงก็เท่ากับว่าเป็นลูกของเธอ ช้องนาง ซุนอ้ายเหนียงคนใหม่นี้ด้วยสิ
ต้องเลี้ยงได้อยู่แล้วล่ะเป้ยเป้ยน้อยก็ตัวน้อยแค่นี้เองเนอะ
(ตัวน้อยๆที่ว่ากะประมาณจากสายตา 3 ขวบหนักเกือบ 30 ก.ก. โอเค น้อยก็น้อย)
ต่อไปเธอ คือ ซุนอ้ายเหนียง เป้ยเป้ยน้อย คือ ลูกของเธอ
รีบทำอาหารให้ลูกตัวน้อยๆของเธอกินดีกว่า
ซุนอ้ายเหนียงมองผักบุ้งที่ถูกถอนมาทั้งรากในมือเป้ยเป้ยน้อยแล้วก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเพราะมีแต่ดินโคลนเละเต็มไปหมด
"เป้ยเป้ยเด็กดี หนูจะถอนเอาทั้งรากแบบนี้ไม่ได้นะลูก ต้องเอามีดไปตัดนะคะแล้วค่อยหั่นล้างทำความสะอาดก่อนเอาไปทำอาหารนะลูก
ผักกำเดียวมันไม่พอ เดี๋ยวม่าม๊าไปเก็บมาเพิ่มจะได้พอกินนะลูก ปะๆ เป้ยเป้ยคนเก่งพาหม่าม้าไปเก็บผักหน่อย"
ซุนอ้ายเหนียงพูดพลางเดินจูงมือเด็กตัวกลมไปหลังบ้านที่ร่างเก่าทำแปลงผักสวนครัวเอาไว้พอได้เก็บกินในครัวเรือน ทำให้ครอบครัวนี้มีอาหารรับประทานที่มีวิตามินครบห้าหมู่อยู่เสมอ ดูจากเป้ยเป้ยน้อยก็เป็นหลักฐานความกินอยู่ที่ดีได้
ซุนอ้ายเหนียงเลือกตัดผักบุ้งต้นอวบๆมาได้อีกกำใหญ่ๆ
"ไปค่ะลูก เราไปทำผัดผักบุ้งกรอบๆ ไข่เจียวหอมๆ กินกันดีกว่า"
"เย๊เย มากิงข้าวเถอะๆ มีท้างผากบุ้งกร๊อบ กรอบ~~ ข่ายเจียวก็อาหรอยอาหร่อยยย ลัลๆลาา~~"
เด็กหญิงตัวกลมเดินโยกตัวส่ายหัวไปมา ส่งเสียงงุ๊งงิ๊งๆร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี
ซุนอ้ายเหนียงส่ายหัวยิ้มเอ็นดูเป้ยเป้ยน้อย ยังไม่ได้กินเลยบอกว่าอร่อยแล้ว เด็กอ้วนเอ้ย