เจ็บ
“ไม่จำเป็นต้องรอข้า ในเมื่อข้าจำเป็นต้องเป็นของเขาเสียแล้วท่านมีหญิงอื่นมากมายที่พร้อมจะเคียงคู่ท่าน หวังหมิ่นไม่จำเป็นต้องรอข้า”
หวังหมิ่นกุมมือบางของอิงฮวา ส่งต่อความห่วงใยและอบอุ่น
“ข้าไม่ต้องการคนอื่น ไม่ว่าพวกนางจะงามล่มเมืองแค่ไหน ข้า... พร้อมที่จะรอไม่ว่าเจ้าจะเป็นของเขาก่อนที่จะเป็นของข้าก็ตาม”อิงฮวาซบหน้าลงบนอกกว้างทำไมสวรรคืเล่นตลกเมื่อพบคนรู้ใจเหตุใดไม่ให้คู่เคียงความเจ็บปวดนี้ทำเช่นไรจึงจะถูกแบ่งเบา
“หากว่าเจ้าหย่ากับเขาบิดาของเจ้าถูกปล่อยตัว เราสองคนจะหนีไปใช้ชีวิตลำพัง เงินทองของข้าก็มากมาย ไม่มีทางจะทำให้เจ้าลำบากแน่ อิงฮวาอย่าร้องไห้ เชื่อเถอะว่าข้า รักและรอเจ้าได้เสมอ”น้ำเสียงปลุกปลอบยามที่หัวใจคล้ายกำลังจะแหลกสลายพร้อมกับสร้างความหวังและกำลังใจ ใครกันอยากจะเป็นของคนที่ไม่ได้รักไม่ได้มีใจปฏิพัทธ์ แล้วใครกันที่จะยอมง่ายดายให้หญิงอันเป้นที่รักเป้นของคนอื่นก่อนที่จะเป็นของตัว
หวังมิ่นนับว่าเป็นยอดบุรุษโดยแท้ หรือเพียงเพราะเขารักอิงฮวามากกว่ากว่าจะใส่ใจก่อนหลัง แต่ถึงกระนั้นอิงอวากลับรู้สึกผิดและอายอย่างที่สุดทอดกายให้อีกอคนทว่าหัวใจยังรั้งอยู่กับอีกคนไม่เท่ากับหญิงแพศยาหรือไร
ตำหนักปราศจากความเศร้า
“ท่านอ๋อง ฮองเฮาส่งของขวัญวันแต่งงานมา”เสี่ยวซันยืนถือถาดของกำนัลตรงหน้า
“ส่งคืนไปเสีย”ไม่ชายตามองด้วยซ้ำไป
“แต่”
“ข้าไม่รับ สิ่งของของฮองเฮาฝากบอกนางด้วยไม่ต้องมาทำทีว่าสงสารข้า ไม่สำเร็จ”
ก่อนหน้านั้น
“จงยี้ รักองค์ชายคนเดียว ไม่มีทางเป็นอื่น”ร่างเล็กบอบบางซบหน้าลงบนท่อนแขนของเขากอดแนบแน่นรอยยิ้มผุดพายขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
“รอให้ผ่านเทศกาลไหว้พระจันทร์ไปก่อนข้าสัญญาจะให้เสด็จพ่อสู่ขอเจ้าแต่งเข้าตำหนักปราศจากความเศร้า”ร่างเล็กกอดรอบเอวหนา จุมพิตที่แก้มสากเบาๆใบหน้าเศร้าสร้อยอ่อนหวานจนเขาอยากจะจุมพิตปลอบโยนนาง
“จงยี้แทบจะอดใจรอวันนั้นไม่ไหว”โม่โฉว่หรือจะรั้งรอเขาเองก็แทบจะอดใจรอไม่ไหวเช่นกันความรักเต็มเปี่ยมหัวใจ ริมฝีปากอุ่นบดเบียดอ่อนโยนแต่ไม่ได้ล่วงล้ำกล้ำกรายมากไปกว่านั้น ด้วยรอคืนวันหวานชื่นที่จะมาถึงอีกไม่นานเขาเฝ้ารอคืนวันหวานชื่น แต่นางเล่า
หลายวันผ่านไป
“ผู้คัดตัวนางในชุดใหม่จะเข้ามาในวันนี้ ได้ข่าวว่าจางจงยี้บุตรีใต้เท้าจางเป็นตัวเต็งในปีนี้”
เสียงขันทีพูดคุยเจื้อยแจ้ว โม่โฉว่หยุดยืนฟังข่าวลือนั้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล ทำไมกัน เขาได้ยินผิดไปหรือไรหรือว่านางไม่อาจทนรอเขา
จงยี้ คัดตัวนางในเพื่ออะไรกันในเมื่อเขากำลังจะขอประทานอนุญาต แต่งนางเข้าตำหนัก
“ฮองเฮาทรงพระประชวรอย่างหนัก ฝ่าบาทพักนี้มีท่าทีเศร้าหมองใครที่เข้ามาคัดตัวนางในหากต้องตาต้องใจฝ่าบาทคาดว่าจะได้รั้งตำแหน่งสนมเอก ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของสวรรค์”ขันทีพูดกันเป้นเสียงเดียวต่างคาดการณ์ไปต่างๆนานา
เรื่องซุบซิบยังไม่จบเพียงเท่านั้นบุตรีใต้เท้าจาง ผ่านการคัดตัวนางในง่ายดาย ไม่เคยได้พบปะพูดคุยกันอีก มิบังควรผู้หญิงของฝ่าบาท ตั้งแต่นั้นมาโม่โฉวไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบตามอง สุรารสเลิศหรือสุรารสชาติแย่ก็กลายเป็นเพื่อนคุยยามเหงาตั้งแต่บัดนั้น ร่างองอาจกลับพ่ายผอม ใบหน้าหล่อเหลากลับซุบซีดไร้ราศี ปลีกตัวออกห่างผู้คนในวังหลวงและหมกตัวอยุ่แต่ในตำหนักโม่โฉว่เพียงลำพัง
“ฝ่าบาทแต่งตั้ง สนมจงยี้ขึ้นรั้งตำแหน่งฮองเฮาจะจัดให้มีการฌแลิมฉลองอย่งยิ่งใหญ่”
อาภรณ์สีขาวในวันพิธีศพของมารดาที่เป็นถึงฮองเฮาถูกสวมไว้แน่น นานนับขวบปีมีเพียงเสี่ยวซันที่คอยยกเครื่องเสวย และผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้ร่างไร้วิญญาณของโม่โฉว่ สูญเสียมารดาสูญเสียคนรักและยังสูญเสียบิดาไปในเวลาพร้อมกัน ในเมื่อพิธีศพในวันนั้นฮ่องเต้ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียวข้างกายมีสนมจงยี้ที่ยังสาวยังสวยไม่ห่าง อีกไม่กี่วันต่อจากนั้นจงยี้ก็รั้งตำแหน่งฮองเฮา คนที่ตกนรกเจ็บปวดเกินกว่าจะมีชีวิตคือโม่โฉว่นามปราศจากความเศร้าทว่ากลับทุกข์ระทม
“องค์ชายโม่โฉว่รับราชโองการ”ขันทีชราอัญเชิญราชโองการราวกับสิ่งศักดิ์เทิดไว้เหนือหัว
ร่างสูงยืนนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน มือเรียวบางดังอิสตรียังถือกรรไกรเล็มกิ่งบอนไซ เหมือนไม่มีบุคคลอื่นตรงนั้นใจจดจ่ออยู่กับบอนไชตรงหน้า
ขันทีชราผู้อัญเชิญราชโองการ ขยับตัวด้วยความอึดอัด
“ฝ่าบาทมีบัญชาให้ องค์ชายโม่โฉว่ รั้งตำแหน่งเป็นต้าหวังเพื่อพิจารณาสืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป”
ขันทีชราขยับกายอึดอัดอีกครั้งเมื่อไม่มีการคุกเข่าน้อมรับราชโองการจากองค์ชายผู้ปราศจากความเศร้า ขันทีชราแค่พาผู้นำราชโองการจากไปเงียบๆ ภายใต้ท่าทีเฉยชาของโม่โฉว่
“องค์ชาย ท่านอ๋อง”