เจ็บ2
ยกมือโบกไม่ให้เสี่ยวซันพูดก่อนจะตวัดกรรไกรตัดกิ่งบอนไซจนแหว่งเว้าปากรรไกรลงบนพื้นสาวเท้าเข้าไปในตำหนักปราศจากทุกข์
ข้าวของในตำหนักปราศจากทุกข์ถูกขว้างถูกปาบ้างก็ถูกผลักจนล้มระเนระนาด
ก่อนจะทรุดกายลงยกมือขึ้นกุมใบหน้าหล่อเหลา น้่ำตาไหลรินเป็นสาย
มีดสั้นในมือกรีดลงบน ใบหน้าด้านขวา ข่มความเจ็บปวดกับรอยมีดที่ต้องผิวเจ็บกายทว่าใจก็สาหัส
“จงยี้ชอบ ใบหน้าหล่อเหลาขององค์ชายที่สุด”มือบางลูบไล้ใบหน้าสายตายั่วยวน
มีดสั้น กรีดลงบนผิวเนื้อได้เพียงไปไม่ถึงองคุลี เสี่ยวซันถลาเข้ายื้อแย่งมีดสั้นออกจากมือใหญ่ โม่โแว่ยังแข็งขืนจนมือคมบาดเข้าที่ฝามือของเสี่ยวซันจึงตระหนักได้ว้่าควรปล่อยมือเสีย
“องค์ชาย อย่ายอมแพ้ง่ายดายเช่นนี้”เสี่ยวซันพูดด้วยน้ำเสียงที่ปวดร้าวไม่แพ้กัน
“ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่อยากเป็นอ๋องเป้นต้าหัวงหรืออะไรทั้งนั้นและที่สำคัญไม่อยากอยู่ที่นี่และไม่อยากเป็นลูกของฝ่าบาทอีกต่อไป”
“ไม่ต้องพบหน้าใคร แต่ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามวิถีของมันรอวันสวรรค์ประทานเมตตา”โม่โฉว่นั่งชันเข่าก้มหน้านิ่งใบหน้าหล่อเหลามีหยดเลือดหยดรินปนกับน้ำตามารดาจากไปฮ่องเต้มิได้เศร้าโศกแต่กลับยิ้มร่าแต่งตั้งฮองเฮาโม่โฉว่มิใช่เด็กสามขวบที่จะไม่รู้สึกอะไร อีกทั้งฮองเฮาของอ่องเต้บิดายังเป็น คนรักของโม่โฉว่มาก่อนความเจ็บปวดนี้น้อยเสียเมื่อไหร่กัน
ทุกค่ำคืนผ่านมาจึงล้วนแต่ลากเอาหญิงจากหอคณิกากลับมาที่ตำหนักเสพสมเสียจนหนำใจ ไม่เว้นแม้สักคืน งานในราชสำนักไม่เคยย่างกราย ไม่พบหน้าผู้ใดหากดวงตะวันยังลอยเด่นโม่โฉว่จึงซุกกายอยู่แต่ในตำหนีกปราศจากทุกข์
นานวันเข้า ยิ่งไม่เลือกลูกเขาเมียใครหากต้องตาก็ฉุดคร่ามาที่ตำหนักจนเป็นที่เล่าขานไปทั่ว แต่ใครจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังมีแต่คำครหาเรื่องจริงใครบ้างจะรู้มากกว่าตัวโม่โฉว่เองแต่เขาหาแยแสไม่ดีเสียอีกยิ่งถูกครหายิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป้นคนไม่ได้ เป็นคนที่ทำตัวไม่ดี เพราะฮ่องเต้เขาจึงทำประชดประชันเรื่องนี้จึงถึงหูฮ่องเต้ให้เจ้บปวดกับการกระทำของเขา
ยิ่งนานวันเสียงร่ำลือทั้งจริงและไม่จริง ดังยิ่งกว่าเสียงกลองศึกผู้คนล้วนสาปส่งแซ่งชักบ้างก็หลีกหนีไม่ให้ลูกเมียเข้าใกล้ตำหนักโม่โฉว่แม้กระทั่งเดินผ่านยังไม่มีใครกล้า
ท้องพระโรงในวันหนึ่ง
“หมายความว่าอย่างไรเมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้เสียทีวันๆ ข้ารับแต่ฎีกา เรื่องของเจ้ามากมายจนอ่านไม่ทัน”
ฮ่องเต้ถึงกลับปาฎีกาจากชาวบ้านเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลาของโม่โฉว่ต่อหน้าฮองเฮาจงยี้ แววตาสงสารของจงยี้ที่ส่งมา โม่โฉว่เบือนหน้าหนีเสีย
“โม่โฉว่ทูลลา”สาวเท้าออกจากท้องพระโรงท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่ต่างสมน้ำหน้ามีเพียงไม่กี่หยิบมือที่แสดงความเห็นใจ หนึ่งในนั้นเป็นสายตาของใต้เท้าเสิ่นบิดาของอิงฮวา
โม่โฉว่สะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงกังวานสดใสร้องเพลงขับขานเจื้อยแจ้ว ผงกศีรษะขึ้นมองอิงฮวา ใช้กระบวยตักน้ำรดบอนไซในกระถาง ที่เรียงรายหน้าลานกว้างหน้าตำหนักโม่โฉว่ชันกายพิงพนักแท่นนอน มองลอดหน้าต่างออกไป ร่างเล็กบอบบาง ทว่าทรวดทรงองค์เอวกับเต็มไม้เต็มมือ เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาแทบจะห้ามใจไม่ได้ กลิ่นกายสาวยังติดที่จมูก ใบหน้างดงามราวเทพีสวรรค์ริมฝีปากอวบอิ่ม ส่งเสียงร้องเพลงเจื้อยแจ้วหารู้ไม่ว่ามีผู้ใดแอบมองอยู่ โม่โฉว่เผลอยิ้มเมื่อคืนเขาสำรวจบุปฝางามแล้วเห็นว่ายังไม่ถูกรุกล้ำกี่คนกันที่จะเป็นเช่นนี้พวกนาที่ทอดกายมักจะเจนโลกหรือแสร้งทำเหมือนว่าไม่เคย เห็นจะต้องถนอมนางเสียหน่อยหรือว่าจะรวบหัวรวบหางไปจึงดีคิดไม่ตก หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นเหมือนจงยี้อีกไหม ไม่ยอมกินเต้าหู้เสียก่อนใครรักถนอมต่อไปแม้แต่กลิ่นก็ยังไม่ได้ดอมดม
อิงฮวาจากไปกลิ่นหอมโชยมาแทนที่ โม่โฉว่ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้นานแล้วตั้งแต่มารดาจากไป
“เสี่ยวซัน”ส่งเสียงเพียงเบาๆ เสี่ยวซันเก้าขาเข้ามาข้างใน
“ท่านอ๋อง”
“นางกำลังทำอะไร”
“พระชายา กำลังปรุงเครื่องเสวย วันนี้เห็นว่าจะมีเป็ดพะโล้เป็นเครื่องเสวยของท่านอ๋อง”
พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะลุกจากแท่นนอน หยิบผาแพรคลุมปิดบังใบหน้าที่มีรอยแผลเป็น สาวเท้าไปยังห้องเครื่องที่อิงฮวากำลังก้มหน้าก้มตา เป่าไฟให้ลุกขึ้นมา มือใหญ่ผลักหม้อพะโล้ด้วยแรงทั้งหมดไปเสียอีกทาง พะโล้ในหม้อหกกระจายกลิ่นพะโล้คละคลุ้ง อิงฮวายืนตะลึงตัวชาเแม้จะเจ็บแสบเพราะน้ำพะโล้ร้อนๆ กระเด็นเข้าใส่ก็ไม่อาจขยับกาย ยังยินนิ่งสะกดกลั้นหยาดน้ำตาไม่ให้ไหลริน
“ข้าไม่ชอบกลิ่นพะโล้”
อิงฮวาผลักร่างใหญ่เซถลาก่อนจะหันหลังวิ่งออกจากห้องเครื่องของตำหนักไป หยุดยืนอยู่ไม่ไกลนักจากทางออกประตูตำหนัก ชั่งใจหลายตลบ หากออกไปแล้วยากจะกลับเข้ามา บิดาจะต้องโทษประหารในเมื่อสัญญามีไว้ว่าอิงฮวาจะต้องอยู่ที่นี่ให้ครบหนึ่งขวบปีบิดาจึงจะถูกปล่อยตัวออกจากคุกหลวง แล้วเช้านี้จะกินอะไรได้เล่าของที่ทำไว้กินก็ถูกคนชั่วนั่นคว่ำหม้อเสียแล้ว