ช่วยนาง
หยางเจี๋ยเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงปรับสายตาให้คุ้นเคยกับความมืด พลันเห็นฉีเย่ว์เป็นเงาตะคุ่มห้อยโตงเตงจับเถาวัลย์ที่งอกออกมาอยู่กลางบ่อ เมื่อสักครู่เขากระโดดลงมาโดยไม่รู้ว่านางอยู่ตรงนั้น
"คุณหนูปล่อยเถาวัลย์ พี่จะรอรับคุณหนูอยู่ด้านล่าง"
"ข้ากลัว"
"คุณหนูไม่ต้องกลัว จับไว้นานมือจะเจ็บ หลับตาไว้เชื่อพี่ปล่อยมือเถิด"
"ข้าจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่ มันสูงมากหากพี่รับข้าไม่ได้ข้าคงคอหักตาย"
"พี่อยู่ตรงนี้ จะคอยรับคุณหนูเองต่อให้ตัวเองต้องตายวันนี้อย่างไรต้องช่วยคุณหนูออกไปให้ได้ คุณหนูอายุสิบสองแล้วโตแล้วต้องกล้าหาญ"
"ข้ายังไม่ปักปิ่นแม่นมบอกยังไม่โต อีกอย่างพี่ก็รู้ว่าข้ากลัวความสูงและกลัวผีมากพี่ตายไม่ได้เข้าใจหรือเปล่าช่วยข้าก่อน" ฉีเย่ว์กล่าวพลางร้องไห้
หยางเจี๋ยถอนหายใจให้กับความไร้เดียงสาและซื่อบื้อของเด็กคนนั้น เขาคิดหาวิธีกล่อมให้ฉีเย่ว์ยอมปล่อยมือ จวบจนคิดถึงเพลงที่เด็กคนนี้ชอบให้เขาร้องให้ฟัง เขาจึงพูดว่า
"พี่จะร้องเพลงให้ฟัง ถ้าสบายใจแล้วให้ปล่อยมือนะ"
จากนั้นหยางเจี๋ยก็เริ่มร้องเพลง
อองเอยอองอ่องกิมก๋อง กิมก๋องเป็นเจ้านายใหญ่ บ่าวไพร่มายกรองเท้าไป
ยกยังไงก็ยกไม่ขึ้น เลี้ยงหมูก็โตกว่าวัว
วัวเหลืองออกลูกเป็นม้า ม้าออกไข่มุก
ไข่มุกกลมกลิ้งหลุนๆ อาเสี่ยเรียนหนังสือไปสอบจอหงวน สอบจอหงวน สอบจอหงวน
อาเสี่ยมีวิชาเทียบชั้นทังฮวย
ขาไปใช้พนักงานแบกสัมภาระ
ขากลับนั่งเกี้ยวใหญ่ขนาบด้วยธงทิวหลาก
เมื่อเขาร้องจบร่างทั้งร่างของดรุณีน้อยก็ร่วงลงมา หยางเจี๋ยหูตาว่องไวกระโดดรับร่างเล็กของนางไว้พอดิบพอดี หลังจากนั้นทั้งลำคอทั้งเสื้อของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำตา อีกทั้งเสียงสะอื้นร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว คุณหนูฉีเย่ว์รู้สึกว่าตนเองราวกับว่าได้กลับชาติมาเกิดใหม่ กอดหยางเจี๋ยแนบแน่น
"คุณหนูเก่งมากเห็นหรือไม่เพียงเชื่อพี่คุณหนูก็ปลอดภัยแล้ว"
"พี่เจี๋ย พี่เจี๋ย ข้าเก่งใช่หรือไม่"
"เก่งมาก เก่งมากๆ เจ็บที่ไหนหรือเปล่า"
"เจ็บมือมาก โชคดีตอนตกลงมาคว้าเถาวัลย์อันนั้นไว้ได้ไม่เช่นนั้นอาจตายแล้ว ข้ากลัว ข้ากลัว"
"ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่คุณหนูปลอดภัยแล้ว เมื่อเราขึ้นไปพี่จะเอาคืนพวกที่มันทำร้ายคุณหนูให้หมด"
"ข้าเล่นกับพี่รองเท่านั้น เล่นไปมาเลยพลัดตกลงมาด้านล่าง พี่รองหาได้ผิดอันใด"
หยางเจี๋ยกลัดกลุ้มในความมองโลกในแง่ดีของเด็กคนนี้เต็มทน ที่ผ่านมานางถูกกลั่นแกล้งมากเพียงใดย่อมเป็นเขาที่รู้ดี หากไม่มีเขาป่านนี้ฉีเย่ว์อาจตายด้วยมือพี่น้องไปแล้ว เพราะนางไม่เคยรู้ เพราะเขาคอยปกป้องลับหลัง ไม่วางใจกระทั่งทำตัวเป็นโรคจิตคอยตามนางทุกฝีก้าว นางจึงรอดมาได้โดยไร้รอยขีดข่วนเช่นนี้
คิดไม่ถึงว่าเพียงเขาเผลอไปชั่วครู่นางก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว แต่บางทีการปล่อยให้นางมีชีวิตที่เรียบง่ายก็เป็นอีกอย่างที่เขาต้องการ นางเหมือนน้องสาวของเขาคนหนึ่งผู้หญิงในจวนขุนนางเมื่อเติบโตย่อมออกเรือนในเวลานั้นพวกนางก็แยกย้ายไปมีชีวิตของใครของมันไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก
อย่างมากเขาก็ทำตัวเป็นองครักษ์ให้นางอีกสักสองสามปีจนกระทั่งเมื่อถึงเวลาและฉีเย่ว์ออกเรือนก็เป็นหน้าที่ของสามีของนางแล้ว ในตอนนั้นเขาก็คงหมดห่วงและรู้สึกไร้กังวลด้วยห่วงเด็กน้อยตาแป๋วผู้นี้จริง ๆ สักที
เขาอุ้มนางอย่างนั้นอีกทั้งยังกอดปลอบนางอยู่ชั่วครู่อีกทั้งสำรวจร่างกายของนางจนละเอียด โชคดีของนางที่ไม่มีส่วนใดเสียหายเพียงแต่คงเสียขวัญไปบ้าง เสียงคนด้านบนถามว่าด้านล่างเป็นอย่างไรบ้าง หยางเจี๋ยจึงบอกให้โยนเชือกลงมา เมื่อเชือกยาวที่เพิ่งหาได้ห้อยลงมา หยางเจี๋ยจึงบอกดรุณีน้อยว่า
"คุณหนูขี่หลังพี่กอดแน่นๆ พี่จะพาคุณหนูปีนขึ้นไป"
"ได้ ข้าจะกอดพี่แน่นๆ"
หยางเจี๋ยเช็ดน้ำตาให้คุณหนูสี่วางนางลงบนพื้นก่อนที่ตัวเองจะนั่งยองๆ นางโน้มกายกอดคอเขาจากด้านหลัง จากนั้นเขาก็กระตุกเชือกสำรวจความมั่นคงก่อนจะพานางปีนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่วโดยมีเด็กสาวกอดเขาเอาไว้คล้ายลูกลิงตัวเล็กที่เกาะหลังแม่ของมันอยู่