กล่อมนอน
เมื่อไปถึงด้านบนหยางเจี๋ยนั่งลงกับพื้นปล่อยให้ฉีเย่ว์ถูกแม่นมของนางที่ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดกอดรัดเอาไว้ ก่อนที่ฮูหยินใหญ่จะให้แม่นมพาเด็กสาวกลับเรือนและให้ตามหมอมาตรวจอาการให้นางโดยไม่ถามไถ่อาการของนางแม้แต่คำเดียว เพราะเป็นบุตรสาวอนุทุกคนในจวนจึงรู้ความสำคัญของนางที่มีต่อฮูหยินใหญ่เป็นอย่างดี
ตอนนี้นายท่านไม่อยู่ฮูหยินใหญ่คือเจ้านายของจวนไม่มีผู้ใดกล้าปริปากถึงความใจดำของนางแม้แต่คนเดียว
ฮูหยินใหญ่มองสำรวจเด็กหนุ่มเต็มวัยใบหน้าหล่อเหลาผู้นั้นที่ช่วยฉีเย่ว์ขึ้นมา ท่าทางของพวกเขาทั้งสองสนิทสนมกันเป็นอย่างยิ่ง นางยกยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสนใจใบหน้าของเขาช่างคุ้นตา โดดเด่นเกินบ่าวไพร่อีกทั้งท่าทางยังสง่างามกิริยาเหมือนคุณชายตระกูลใหญ่ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ท่าทางโดดเด่นเช่นนี้แม้จะอยู่ในอาภรณ์ป่านมอซอก็ยังไม่อาจปิดบังชาติกำเนิดชั้นสูงได้ คงเป็นคนผู้นั้นเป็นแน่
"เจ้าคือหยางเจี๋ยหรือ"
"ขอรับ"
"ไม่คิดว่าบุตรชายผู้ทรยศที่นายท่านช่วยเอาไว้จะเติบโตได้เพียงนี้ สภาพของเจ้าในครานี้แม้จะดูดีกว่าทาสผู้อื่น อย่างไรก็คือบ่าวไพร่ในเรือนของข้าเจียมตนเองไว้ให้มากเข้าใจหรือไม่"
ฮูหยินใหญ่เอ่ยเบาๆ อีกทั้งยังมองหยางเจี๋ยด้วยสายตาที่ดูถูก คุณหนูใหญ่ก็มองหยางเจี๋ยด้วยเช่นกัน บัดนี้นางเป็นสตรีเต็มวัยที่ผ่านมาเพราะหยางเจี๋ยมักอยู่ในคอกม้า ไม่ใคร่สนทนากับผู้ใดหลายปีมานี้คุณหนูใหญ่จึงไม่เคยมองเห็นเขาแม้แต่น้อย
บัดนี้มีโอกาสได้มองหยางเจี๋ยเต็มสองตาก็อดตกตะลึงไม่ได้ ความหล่อเหลาโดดเด่นของหยางเจี๋ยถึงกับทำให้คุณหนูใหญ่ใบหน้าแดง ดวงตาระยิบระยับในยามที่มองมายังมารดาของตนคู่นั่นช่างงดงามดึงดูดใจสตรีเป็นอย่างยิ่ง หากเขาไม่ใช่บุตรชายคนทรยศผู้นั้น คงเป็นคุณชายอีกผู้หนึ่งที่สตรีในแคว้นต่างหมายปองเป็นแน่
อย่างไรในตอนนี้หยางเจี๋ยก็เป็นเพียงทาสในเรือนผู้หนึ่งแม้จะหล่อเหลาโดดเด่นเพียงใดคุณหนูใหญ่ก็ไม่คิดจะลดตัวไปเกลือกกลั้วกับเขาเป็นแน่
วาจาร้ายกาจของฮูหยินใหญ่ไม่ได้ทำให้หยางเจี๋ยสะทกสะท้าน ที่ผ่านมาเขาล้วนถูกคนดูถูกเรื่องชาติกำเนิดที่มีพ่อเป็นนักโทษ แต่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนพวกนั้นเลยจึงรับฟังราวกลับว่าเป็นเรื่องของคนอื่น กระทั่งเด็กหญิงตัวน้อยเช่นฉีเยว์ยังคอยเป็นห่วง หากได้ยินใครกล่าวเรื่องพวกนี้กับเขามักจะคอยเอาไม้ไล่ตัวเด็กพวกนั้นและไล่ไปไกลๆ ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเขาเสมอ
หยางเจี๋ยอยากจะบอกนางว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เพราะเห็นท่าทางของนางที่พร้อมปกป้องเขาแล้วก็ได้แต่ถอนใจ นางสบายใจอย่างไรก็ให้นางทำอย่างนั้น
ฮูหยินใหญ่สั่งทุกคนในจวนห้ามปริปากเรื่องคุณหนูสี่ถูกบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งพาขึ้นจากบ่อออกไป หากเรื่องคุณหนูกับหยางเจี๋ยในคืนนี้รู้ถึงหูคนภายนอก แม้จะเป็นเรื่องสุดวิสัยเพราะคุณหนูตกอยู่ในอันตรายแต่ถ้ามีคนบิดเบือนความจริงขึ้นมา นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการนำเรื่องหายนะมาสู่คุณหนูเอง ชาตินี้อย่าหวังว่าจะมีคุณชายตระกูลดีตระกูลใดยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ หากมีคนมาสู่ขอคงเป็นเพียงตระกูลรองที่ต่ำต้อยไม่อาจทัดหน้าเทียมตาตระกูลใหญ่ของฉีเย่ว์ได้
เมื่อมองท่าทางของฮูหยินใหญ่แล้วหยางเจี๋ยคิดว่าเรื่องเสื่อมเสียนี้คงได้ถูกปล่อยและลือออกไปในทางที่ผิดนี่ ยัยแก่หนังเหี่ยวนี่มันตัวร้ายที่แสดงออกให้เขาเห็นจนหมดเปลือกแล้ว คงตั้งใจปล่อยข่าวเรื่องนี้ให้ฉีเย่ว์เสื่อมเสียชื่อเสียง หลังจากทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตนเองแล้วหยางเจี๋ยผู้คุกเข่าอยู่ตรงนั้นจึงยืนขึ้น เขากระโดดขึ้นบนหลังคาอย่างว่องไวคอยติดตามยัยแก่ฮูหยินใหญ่ไปเรื่อยๆ เฝ้าดูนางได้สักครู่ ก็มีสตรีนางหนึ่งท่าทางจะเป็นบ่าวของนางเร่งออกจากจวน
"ผู้หญิงคนนี้คงจะไปปล่อยข่าวสินะ"
เขาตามสตรีผู้นั้นไปเงียบๆ จวบจนนางพบสตรีวัยกลางคนอีกผู้หนึ่ง หยางเจี๋ยดึงผ้าสีดำออกมาคลุมใบหน้าจนมิด กระโดดลงไปขัดขวางพวกนางไว้อีกทั้งยังโยนเงินก้อนใหญ่ให้พวกนางทั้งสอง แล้วไล่ให้ออกจากเมืองไปและอย่าได้กลับมาอีก เขายังขอกำไลข้อมือที่ฮูหยินใหญ่ให้สาวรับใช้ผู้นั้นมาด้วย
เมื่อถูกกระบี่จ่อคออีกทั้งถูกข่มขู่อย่างหนัก สตรีใดบ้างไม่หวาดกลัว พวกนางเป็นแค่บ่าวที่ถูกซื้อมาไร้ญาติมิตรไร้คนรู้จัก หากตายไปก็คงได้ตายเปล่าแล้ว บ่าวผู้นั้นรีบถอดกำไลข้อมือให้หยางเจี๋ยอีกทั้งยังรับตั๋วเงินจำนวนที่นับว่ามากเอาไว้ ก่อนที่จะเร่งรุดออกจากเมืองไปโดยไม่คิดหันหลังกลับมาอีก
การเป็นอดีตลูกขุนนางเช่นเขาความจริงก็ดีไม่น้อย เมื่อวันหนึ่งหยางเจี๋ยพบว่าเสื้อผ้าที่เด็กน้อยหยางเจี๋ยใส่ในวันที่ออกจากจวนวันนั้นมีแผนที่คลังสมบัติที่ตระกูลของเขาแอบเก็บเอาไว้ซ่อนอยู่ ในวันเด็กหยางเจี๋ยไม่รู้ว่ามันคือแผนที่อะไรแต่จดหมายที่ผู้ที่เป็นพ่อของเขาทิ้งเอาไว้ให้นั้นบอกให้เขาเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยหาโอกาสไปตามแผนที่นี้ และก็พบสิ่งที่ทำให้หยางเจี๋ยตกตะลึง ที่แท้แผนที่นี้ก็คือลายแทงสมบัตินั่นเอง
หลายครั้งที่หยางเจี๋ยคิดไปจากจวนสกุลฉี ด้วยสมบัติมากมายเหล่านี้ให้เขาใช้กี่ชาติก็คงไม่หมดสิ้นแต่เพราะทุกครั้งที่เห็นสายตาไร้เดียงสาของเด็กคนนั้นจึงไม่อาจตัดใจทิ้งนางไปได้ เขาคิดว่าเขาจะรอนางอีกไม่กี่ปีไหนๆก็มีวาสนาต่อกัน รักนางดุจน้องสาวไปแล้วดูแลนางต่อให้นางรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกาที่คอยรุมทึ้งเหล่านี้เขาจึงจะจากไปอย่างเงียบเชียบ ชุบตัวตนใหม่ที่แคว้นอื่นแล้วเที่ยวดื่มกินไปจนกว่าจะหมดอายุขัยจากโลกนี้
หยางเจี๋ยตรงไปที่สุสานไร้ญาติ มีศพสตรีที่เพิ่งตายหลายคนรอทำพิธีฝังรวมเขาจึงตัดมือของศพสตรีศพหนึ่ง ใส่กำไลข้อมือของบ่าวผู้นั้นเข้าไปในศพ แล้วตรงกลับจวนสกุลฉีลอบโยนมือข้างหนึ่งของศพไร้ญาติเข้าไปในเรือนนอนของฮูหยินใหญ่
หลายวันต่อมาข่าวฉาวโฉ่เสียหายของฉีเย่ว์ก็ไม่ปรากฏ อีกทั้งเรื่องมือที่เขาทิ้งเข้าไปในเรือนของฮูหยินใหญ่ก็เงียบเชียบราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ฮูหยินใหญ่ผู้นี้คงรู้แล้วว่าเขาเอาจริงเพียงใดช่วงนี้นางจึงสงบเสงี่ยมเป็นอย่างยิ่งด้วยคงรู้สึกหวาดกลัวไม่อาจคาดเดาคนที่มองไม่เห็นและคอยอยู่เบื้องหลังฉีเย่ว์ได้
ด้านฉีเยว์เช่นเคยนางถูกกักบริเวณห้ามออกไปไหนกระนั้นก็ยังมีอาจารย์มีสอนหนังสือนางอย่างเข้มงวด ฮูหยินรองสกุลฉีรู้ข่าวว่าบุตรสาวตกบ่อน้ำกลับไม่แม้แต่จะออกจากวัดเพื่อมาดูอาการของนาง มีเพียงแม่นมที่คอยดูแลในสายตาของหยางเจี๋ยฮูหยินรองผู้นี้มักเก็บเนื้อเก็บตัวและมีพฤติกรรมที่ปฏิบัติต่อบุตรสาวไร้ซึ่งความสนใจผิดวิสัยของผู้เป็นมารดาอย่างน่าประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
หยางเจี๋ยด้วยความเป็นห่วงจึงแอบไปหานางในยามดึกแทบทุกคืนด้วยคิดว่าเด็กผู้หญิงอายุเพียงสิบสองขวบที่เพิ่งตกบ่อน้ำลงไปมีใครบ้างไม่หวาดกลัว เมื่อไปถึงเขาก็เห็นว่าฉีเย่ว์นั่งคอยเขาด้วยใจจรดจ่อ เขาต้องคอยทำตัวเป็นนักเล่านิทานอีกทั้งยังต้องคอยร้องเพลงกล่อมจวบจนเด็กผู้หญิงที่อย่างไรก็ยังเป็นเด็กน้อยในสายตาเขาหลับไป
ในโลกนี้หยางเจี๋ยไม่มีผู้ใดแล้ว คงมีเพียงเด็กคนนี้ที่มักจะมองเขาอย่างมีความหวังและมีความสุขทำให้เขารู้สึกถึงการมีตัวตนและมีความสำคัญต่อคนผู้หนึ่งอยู่บ้าง เด็กน้อยคนนี้ก็เช่นกันถึงจะมีคนมากมายอยู่รอบกายแต่แท้ที่จริงแล้วคนที่คอยอยู่เคียงข้างและเป็นเพื่อนแท้คอยบอกเล่าความหวาดกลัวเข้าอกเข้าใจนางคงมีแต่หยางเจี๋ยเท่านั้น หยางเจี๋ยยังฮัมเพลงแผ่วในลำคอก่อนจะค่อยๆ ห่มผ้าให้เด็กน้อยแผ่วเบา
อองเอยอองอ่องกิมก๋อง กิมก๋องเป็นเจ้านายใหญ่ บ่าวไพร่มายกรองเท้าไป
ยกยังไงก็ยกไม่ขึ้น เลี้ยงหมูก็โตกว่าวัว
วัวเหลืองออกลูกเป็นม้า ม้าออกไข่มุก
ไข่มุกกลมกลิ้งหลุนๆ อาเสี่ยเรียนหนังสือไปสอบจอหงวน สอบจอหงวน สอบจอหงวน
อาเสี่ยมีวิชาเทียบชั้นทังฮวย
ขาไปใช้พนักงานแบกสัมภาระ
ขากลับนั่งเกี้ยวใหญ่ขนาบด้วยธงทิวหลาก