04 ยินดีที่ได้รู้จัก
@หลายวันผ่านไป
เป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ที่อิณราย้ายออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียว เนื่องจากมีปัญหากับที่บ้านบ่อยเลยแอบซื้อคอนโดเก็บไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว เป็นห้องขนาดเล็ก ราคาแค่ล้านต้นๆ ซึ่งเป็นเงินเก็บของเธอเอง วันไหนที่ถูกไล่ออกจากบ้านก็มักจะมานอนอยู่ที่นี่จนกว่าทางบ้านจะโทรตาม
เป็นแบบนี้จนชิน พักหลังๆเธอเริ่มมีความคิดที่จะย้ายออกจากบ้านเพราะอยู่ไปก็อึดอัดใจ ครอบครัวของเธอไม่ได้มีความสุขอย่างที่หลายคนคิด เพราะเบื่องหลังมันมีอะไรมากกว่านั้น อิทธิกรพี่ชายคนโตชอบก่อเรื่องไม่เว้นวัน แถมไม่เคยเข้าไปช่วยงานในบริษัททั้งๆที่ตัวเองเป็นถึงรองประธาน ส่วนอารียาเองก็ไม่ต่างกัน รายนี้ชอบหนีเที่ยวแล้วโยนงานมาให้เธอ ซึ่งทุกคนคิดว่าอารียาเป็นคนทำงานเก่ง ขยัน แต่ความจริงแล้วเบื่องหลังคือเธอต่างหาก แต่ก็ไม่เคยได้รับความดีความชอบแม้กระทั่งตำแหน่งในบริษัทก็เป็นได้แค่พนักงานทั่วไปทั้งๆที่เป็นทายาทกฤติไกรสนเหมือนกัน
“ฝนตกอีกแล้วหรอนี่” หญิงสาวยกมือบังน้ำฝนแล้ววิ่งเข้าไปหลบในป้ายรถเมย์
เป็นถึงทายาทตระกูลไฮโซชื่อดัง แต่นั่งรถเมย์ไปทำงาน เนื่องจากที่บ้านไม่ให้รถขับเพราะกลัวขับไปชนชาวบ้านชาวช่องอีก แต่เธอก็เฝ้ารอว่าจะมีข่าวของตัวเองหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่มีข่าวสำนักไหนเล่นข่าวของเธอเลย บิดาของเธอคงใช้เงินปิดข่าวอีกตามเคยเหมือนที่ปิดข่าวให้อิทธิกรบ่อยๆ
ส่วนอิทธิกรตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ทิ้งให้เธอรับเคราะห์แต่เพียงผู้เดียว
“ตายจริง! นี่ใกล้ถึงเวลาเข้างานแล้วหรอ” ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายที่เธอดันลืมพกร่มมาด้วย อีกสิบนาทีก็จะถึงเวลาเข้างานแล้ว ถ้าไม่รีบไปต้องเข้างานสายแน่ๆ
ในขณะที่ฝนกำลังกระหน่ำลงมาอยู่หนักจนขาวโพลน ทั้งป้ายรถเมย์มีแค่อิณรายืนอยู่คนเดียวเพราะละแวกนี้ไม่ค่อยมีรถสัญจรไปมา
เอี๊ยดดด!!!
กึก!!
แต่จู่ๆก็มีรถตู้สีดำคันหนึ่งวิ่งเข้ามาขวางหน้า สัญชาตญาณบ่งบอกว่ารถตู้คันนี้ไม่ได้มาดีแน่นอน ทันใดนั้นชายฉกรรจ์สองคนที่อยู่ในรถก็พุ่งตัวออกมาล็อคร่างของเธอเอาไว้
“กรี๊ดดดด!!! อุ๊บ!!...”
กรีดร้องไม่ทันสุดเสียงก็มีผ้าเย็นโปะเข้าที่จมูก หลังจากนั้นเธอก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย มีเพียงเอกสารที่กองอยู่บนพื้น
ตึก...ตึก....
เสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามาในห้องนอนที่มีเพียงแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่าง เป็นห้องโล่ง ไร้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง ยกเว้นโซฟาหนังสีดำที่พาดวางอยู่มุมห้อง แม้บ้านหลังนี้จะถูกตกแต่งอย่างสวยงาม แต่ห้องนี้แตกต่างราวฟ้ากับเหว
“อิณรา กฤติไกรสน” น้ำเสียงเย็นเฉียบเปล่งออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูป เขาล้วงบุหรี่ขึ้นมาสูบรอเวลาหญิงสาวตื่น ห้องนี้จึงอบอวลไปด้วยกลิ่นและควันบุหรี่
ราฟาเอลจ้องเขม่งไปที่ร่างบางซึ่งกำลังนอนสลบไสลไม่รู้เรื่องราวอยู่บนที่นอน มือใหญ่กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดนูน สันกรามหนาถูกขบเข้าหากัน รับรู้ได้ถึงแรงเกลียดชังที่มีแต่ผู้หญิงคนนี้
เพราะเธอคือคนที่ทำให้เวนิตาตาย!
ดวงตาคมกริบยังคงจับจ้องไปที่ร่างอวบอิ่มน่ามอง เธอคือผู้หญิงที่เขาเห็นในคืนนั้นจริงๆ ผู้หญิงจิตใจโหดเหี้ยมไม่แม้แต่จะลงมาดูแถมยังขับรถหนีเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แต่ข่าวก็เงียบกริบเพราะบิดาของเธอใช้เงินปิดข่าวเหมือนที่ยัดเงินล้างคดีให้ลูกชายของมัน!
“เธอกับพี่ชายของเธอ....เตรียมตัวลงนรกได้เลย!!” ราฟาเอลสูดลมหายใจเข้าลึกๆระงับอารมณ์เอาไว้ก่อนจะบีบคอหญิงสาวให้ตายคามือ ร่างหนาหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สาวเท้าเข้าไปหานังฆาตกร
พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็เผยให้เห็นดวงหน้าหวานฉ่ำที่ทำให้ลมหายใจของเขาต้องสะดุดเมื่อได้มองชัดๆ
เขาไล่สายตาสำรวจใบหน้างามอย่างละเอียด ดวงหน้าหวานได้รูปรับกับริมฝีปากเล็กแต่ดูอวบอิ่ม แพขนตางอนเรียงเส้นกันอย่างสวยงาม คิ้วที่ได้รูปวางพาดอยู่บนใบหน้าอย่างเป็นระเบียบ จมูกโด่งสวยรับกับเครื่องหน้าที่ดูสมส่วน แม้ไม่ได้แต่งหน้าจัดเต็มแต่ก็ถือว่าเป็นคนสวยใช้ได้เลยทีเดียว
ต่อให้เธอจะสวยแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้ไฟแค้นดับลงได้หรอก ยังไงเธอก็ต้องชดใช้
“ฉันเกลียดเธออิณรา ฉันเกลียดเธอ...เกลียดครอบครัวของเธอ!”
ร่างเล็กที่นอนหลับไม่ได้สติมาหลายชั่วโมงเริ่มขยับตัวเล็กน้อยอย่างขบเหมื่อย หูแว่วเหมือนได้ยินเสียงใครบางคนบอกว่าเกลียดเธอ...เกลียดครอบครัวของเธอ
เปลือกตาซึ่งรายล้อมไปด้วยแพขนตางามค่อยๆเปิดขึ้นอย่างยากลำบาก ทันทีที่ดวงตาเปิด ก็เห็นใบหน้าของใครบางคนกำลังนั่งมองอยู่ท่ามกลางความมืด ทำให้เธอกรีดร้องสุดเสียง ตกใจกลัวจนแทบเสียสติ น้ำตาเอ่อขึ้นเต็มเบ้าตา
“คะ...คุณเป็นใคร!!” เธอลนลานถอยหลังจนชนเข้ากับหัวเตียง ก่อนที่เสียงหัวเราะอันแสนเยือกเย็นบาดใจคนฟังจะดังขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า คือคนที่กำลังจะส่งเธอไปลงนรกไง”
“ระ...เราไม่รู้จักกัน คุณจับฉันมาทำไม ฮื้ออ!!” เธอหวาดกลัวจนตัวสั่น แล้วคิดทบทวนว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เพราะความจำสุดท้ายก็คือตัวเองยืนหลบฝนอยู่ในป้ายรถเมย์
“เราเคยเจอกันแล้ว....นังฆาตกร!”
“ฆาตกร?” เธอรีบทวนคำถามทันที แต่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกเพราะตอนนี้กลัวจนเสียสติ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเคยเกิดเรื่องเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว “คะ...คุณเป็นญาติของรถคันนั้นใช้ไหมคะ”
ชายคนนั้นยังไม่ตอบ เธอพยายามเพ่งมองฝ่าความมืดว่าเขาเป็นใคร แต่ก็เห็นหน้าไม่ชัด รู้แค่ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ตัวสูงเอามากๆ
ถึงเขาจะไม่ตอบ แต่เธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนเดาไม่ออกว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“คะ...คือว่าคืนนั้น ฮึก! รถคันนั้นขับมาชนฉันเอง ฉันไม่ได้ชนเขา ฮื้อออ...”
“หรอ” เขาตอบสั้นๆ
อิณรากลัวจนตัวแข็งทื่อ ได้แต่นั่งสั่นสะท้านอยู่บนเตียง แต่ในห้องนี้มืดมากจนไม่รู้ว่ามีทางหนีหรือเปล่านอกจากหน้าต่าง
“ฉันพูดจริงๆนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฮรื้อๆๆ ไม่ได้ตังใจจริงๆ มันเป็นอุบัติเหตุ”
“แต่ฉันก็เห็นเธอขับรถวนกลับมาดู” ชายหนุ่มย่างเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้น “คุณหนูอิณรา กฤติไกรสร บุตรสาวคนเล็กของนายปทีปที่มีเพื่อนสนิทเป็นถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ใช้เงินปิดคดีให้ลูกชายมานับไม่ถ้วน ล่าสุดก็เพิ่งปิดคดีให้ลูกสาวไป ข้อมูลฉันแน่นดีใช่ไหม”
“ฮึก! คะ...คุณเป็นใคร” หญิงสาวพยายามควานมือหาอาวุธเลยนึกขึ้นได้ว่ามีกุญแจห้องอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง
“ไม่ต้องรู้หรอก ตราบใดที่เธอยังไม่เห็นหน้าฉัน....ฉันก็จะไม่ให้เธอรู้เด็ดขาดว่าเป็นใคร”
“แล้วคุณจับฉันมาทำไม ฮึก….”
“ในเมื่อตำรวจทำอะไรเธอกับครอบครัวไม่ได้ ฉันจะเป็นคนตัดสินเอง เธอกับครอบครัวต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป!”
พรึ้บบ!!!
ฉึก!!
อิณราดีดตัวลุกขึ้นมาแล้วใช้กุญแจรถจ๊วงแทงไปที่ร่างของเขา ซึ่งไม่รู้ว่าถูกส่วนไหน แต่มันก็ทำให้เขาเสียหลัก เธอรีบวิ่งไปที่หน้าต่างเพื่อหาทางออกแต่ก็ช้ากว่าผู้ชายร่างสูงคนนั้น
มือหยาบคว้าเข้าที่ผมของเธอแล้วกระชากกลับมา ก่อนจะเหวี่ยงร่างลงบนพื้นจนปวดร้าวไปทั้งตัว
ปึก!
“โอ้ยย!!!”
“แค่กุญแจคิดว่าจะทำอะไรฉันได้หรอนังฆาตกร!” มือหยาบกระชากผมของเธออย่างแรงให้เงยหน้าขึ้น “ปิดคดีเก่งนักใช่ไหม เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอเห็นเองว่านรกเป็นยังไง!”
“ปล่อยนะ! คุณจะทำอะไร ว้าย!!”
“ฉันก็จะทำให้เธอท้อง แล้วก็ทำให้เธอแท้ง เหมือนที่เธอทำกับคนรักของฉัน!!”