03 ส่วนเกินของบ้าน
@โรงพยาบาลเอกชน
ทันทีที่ทราบข่าว ราฟาเอลก็รีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลพร้อมลูกน้องคนสนิท แม้สภาพจิตใจจะย่ำแย่แค่ไหน แต่แคทเทอรีนก็คือบุคคลสำคัญในชีวิตเหมือนกัน เพราะหล่อนเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูล
แคทเทอรีนเป็นนางแบบสาวชาวอังกฤษที่เข้ามาทำงานอยู่ในเมืองไทย พักหลังเขากับหล่อนไม่ค่อยได้เจอกันเพราะแคทเทอรีนกำลังซุ่มคบกับไฮโซหนุ่มชื่อดัง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะหล่อนไม่เคยเปิดตัวสักที
“กะ…เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
สภาพของแคทเทอรีนในตอนนี้ถือว่าปางตาย แถมแพทย์ยังระบุอีกว่าสมองของหล่อนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย
“ข้างห้องบอกว่าได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน จากนั้นคุณแคทเทอรีนก็ร่วงลงมาจากตึกชั้นสามครับ” แพทย์ประจำตัวเอ่ยด้วย น้ำเสียงกระอักกระอ่วนเหมือนรู้อะไรมา
ใบหน้าของแคทเทอรีนเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทำร้ายอย่างหนัก ตามร่างกายมีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ซึ่งมีทั้งรอยเก่าและรอยใหม่
“แคทเทอรีนไม่ได้ร่วงลงมาเองแน่ๆ ต้องมีคนทำร้ายเธอ!”
“เรื่องนี้ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน เห็นตำรวจบอกว่าตอนนี้คนร้ายหนีไปแล้ว”
กร๊อดด!!
ราฟาเอลกำหมัดแน่นด้วยความเคียดแค้น ใครกันที่ทำร้ายแคทเทอรีนจนอยู่ในสภาพปางตายแบบนี้ ดูจากร่องรอยที่ถูกกระทำแล้ว หล่อนคงโดนทำร้ายร่างกายมาอย่างหนักก่อนจะตกลงมาจากตึกชั้นสาม
แคทเทอรีนกำลังซุ่มคบไฮโซ?
ต้องเป็นมันแน่ๆ!
“แต่หมอขอแจ้งข่าวร้ายก่อนเลยนะครับ เนื่องจากสมองของคุณแคทเทอรีนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก บางทีเธออาจจะ…เอ่อ….กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา”
“มะ….ไม่จริง!!”
“หมอแค่สันนิฐานครับเพราะตอนนี้สมองของเธอยังไม่ตอบสนองต่อการรักษา”
“ละ….แล้วไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาเลยหรอครับ”
“เรื่องนี้หมอยังให้คำตอบไม่ได้ แต่หมอจะพยายามจนสุดความสามารถเลยครับ”
“โถ่….เคท~ ทำไมต้องเป็นเธอ” เขามองร่างของเพื่อนสนิทผ่านกระจก ตอนนี้หล่อนนอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียง มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด สัญญาณชีพค่อนข้างอ่อนบ่งบอกว่าหล่อนยังอยู่ในสภาวะวิกฤต
เขาจะลากตัวไอ้ไฮโซนั่นมากราบเท้าแคทเทอรีนให้ได้ ต่อให้มันจะใหญ่โตมาจากไหนก็ตาม ในเมื่อมันทำร้ายผู้หญิง ยังไงมันก็ต้องได้รับโทษ
หลังจากนั้นไม่นานราฟาเอลก็ให้นักสืบฝีมือดีตามสืบจนรู้ว่าไอ้ไฮโซคนนั้นคือ ‘อิทธิกร กฤติไกรสน’ ไฮโซชื่อดังที่มีตำแหน่งเป็นถึงรองประธานบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายอัญมณีรายใหญ่ของเอเชีย
“มึงกับกูได้เจอกันแน่!!”
ทางด้านอิณราเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อขับรถหรูที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุเข้ามาจอดภายในบ้าน หญิงสาวนั่งสงบสติ สูดลมหายใจเข้าลึกๆเรียกสติกลับคืนมาเพราะยังตกอกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตอนนั้นเธอกลัวมาก…กลัวจนไม่กล้าจอดรถลงไปดูเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นเธอ กลัวเรื่องที่เกิดขึ้นจะไปทำลายชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลและมันอาจจะไปกระทบกับงานในบริษัท
“ตายแล้วยัยอิน! นี่แกไปทำอะไรมา ทำไมรถถึงมีสภาพแบบนี้” อารียา หรือ เอมี่ ทายาทคนที่สองของบ้านขับรถเข้ามาจอดในโรงเก็บรถ แต่พอเห็นรถหรูมีร่องรอยเหมือนถูกชนถึงกับอดสงสัยไม่ได้ว่าน้องสาวของหล่อนไปทำอะไรมา
“คะ….คือว่าอิน…เอ่อ….ประสบอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ”
“นิดหน่อยงั้นหรอ แกพูดออกมาไง รู้ไหมรถคันนี้ราคาเท่าไหร่” อารียาเดินเข้ามากระชากร่างของน้องสาวที่ยังอยู่ในอาการสั่นเข้าไปถาม “ตอบมาว่าแกไปขับรถชนใคร!!”
“พะ…พี่เอมี่ คือว่าอินได้ตั้งใจนะคะ ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ”
“อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ ท่านจะว่ายังไง”
“อย่าบอกพ่อเลยนะคะ อินขอร้อง”
“ไม่ได้! เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังไงพ่อก็ต้องรู้”
“ไม่ต้องหรอกเอมี่” เสียงกัมปนาทอันทรงพลังของใครบางคนดังขึ้นส่งผลให้อิณราตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าหันกลับไปมองเพราะรู้ดีว่าเสียงนี้คือเสียงของใคร
“ท่านผู้กำกับโทรมาเล่าให้พ่อฟังหมดแล้ว”
อิณราเบิกตากว้าง หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนเป็นพ่อ
อารียาเมื่อเห็นดังนั้นหล่อนก็แสยะยิ้มออกมาด้วยความสะใจ แล้วหลีกทางให้บิดาเดินเข้ามา
“พ่อคะ คือว่า….โอ้ยย!!”
เพี้ยะ!!!
ฝ่ามือสากของผู้เป็นพ่อฟาดเข้าที่ใบหน้าของลูกสาวคนเล็กอย่างแรงจนหน้าหัน อิณราหลั่งน้ำตาทันที เพราะท่านไม่เปิดโอกาสให้เธอได้อธิบายเลย
“จะแก้ตัวว่าอะไร ห้ะ!! รู้ไหมว่าถ้าเรื่องนี้ถึงหูนักข่าว บริษัทเราจะเป็นยังไง ฉันใช้ให้แกไปงานแทน แล้วทำไมแกถึงขับรถออกไปข้างนอก!!”
“อินไปส่งพี่อิฐค่ะ ถ้าอินไม่ไป…ฮึก! พิ่อิฐจะเข้ามาป่วนในงาน คุณพ่อก็รู้ว่าพี่อิฐเป็นคนยังไง"
ปทีปยืนจ้องลูกสาวดวงตาแข็งกร้าว เขารู้เรื่องนี้ก่อนที่อิณราจะกลับมาถึงบ้านเสียด้วยซ้ำเพราะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นเพื่อนสนิทโทรมารายงาน เขารีบสั่งให้ปิดข่าวทันทีเพราะกลัวไปกระทบกับชื่อเสียงของบริษัท
“ถ้ามึงไม่รับสายมันทุกอย่างก็จบ ไอ้อิฐจะทำอะไรก็เรื่องของมัน รู้ไหม ตอนนี้มึงสองคนทำให้กูปวดหัวจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!”
“อินขอโทษค่ะคุณพ่อ อินไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ ฮื้อๆๆ”
“ไสหัวออกไปให้พ้นหน้ากูซะ! ก่อนที่กูจะหมดความอดทน”
“พ่อ…”
“อย่ามาเรียกกูว่าพ่อ แค่กูให้มึงใช้นามสกุลด้วยก็ขยะแขยงเต็มทนแล้ว นี่ถ้าแม่มึงกินยาคุม คงไม่มีมารหัวขนอย่างมึงออกมาหรอก!” ปทีปชี้หน้าด่าลูกสาวคนเล็กอย่างเหลืออดเหลือทน
อิณราเป็นลูกสาวของเขาก็จริง แต่เป็นลูกที่เกิดจากคนรับใช้ เขากับแม่ของเธอแอบมีความสัมพันธ์กันแบบลับๆจนเรื่องมาแดงขึ้นเพราะคนรับใช้ในบ้านดันท้อง แถมยังเรียกร้องให้เขารับผิดชอบจนเขากับภรรยาเกือบเลิกรากัน ทั้งหมดเป็นแค่แผนการของนังงูพิษที่หวังจะยกระดับของตนเองจนปล่อยให้มีมารหัวขนเกิดมา แต่สุดท้ายเขาก็รับเลี้ยงแค่ลูกแล้วไล่นางงูพิษออกไปจากบ้าน หลังจากนั้นก็ไม่เคยมาสนใจใยดีลูกสาวอีกเลย ทิ้งมารหัวขนไว้ให้ดูต่างหน้า
เขาแทบไม่สัมผัสหรือแตะต้องอิณราเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอจึงอยู่ในความดูแลของแม่นมมาตลอด
ถึงแม่มันจะร่าน แต่อย่างน้อยมันก็ยังเอาการเอางาน
“พ่อ ฮื้อๆๆ แล้วอินไม่ใช่ลูกพ่อหรอคะ”
“ก็แค่ลูกที่กูไม่ต้องการ ลูกที่เกิดจากแม่ร่านๆ ไม่รู้จะเป็นเหมือนแม่หรือเปล่า”
“ฮึก….” อิณราร่ำไห้สะอึกสะอื้นกับคำปรามาสของบิดา ไม่มีครั้งไหนเลยที่ท่านจะพูดดีๆกับเธอ ต่อให้เธอจะสอบได้ที่หนึ่งของห้อง เรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แต่ท่านก็ไม่เคยแสดงความยินดีด้วยสักครั้ง แม้กระทั่งของขวัญในวันเรียนจบก็ยังไม่มีให้ ทั้งๆที่เธอก็เป็นถึงทายาทคนเล็กของกฤติไกรสน แต่วันรับปริญญากลับไม่มีคนในบ้านไปร่วมแสดงความยินดีสักคน
เหมือนเธอเป็นแค่ส่วนเกิน
“ออกสิ! คุณพ่อไล่แล้ว สำออยอยู่ได้”
อิณรายกมือปาดน้ำตาที่กำลังไหลลงมาไม่ขาดสายแล้วยกมือไหว้ ตอนนี้ท่านอารมณ์ไม่ดี ไว้เมื่อไหร่ที่สถานการณ์ดีขึ้นค่อยกลับมาใหม่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกไล่ออกจากบ้าน
“อินลานะคะ ฮึก….”
“เออ! ไปเลย ไปแล้วอย่ากลับมาอีกนะ ตามแม่มึงไปก็ยิ่งดี เพราะกูเกลียดเลือดชั่วๆของพวกมึง!”