แก้วตาดวงใจ
ร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงินเข้ม มีเป้สะพายหลังใบใหญ่ ก้าวขายาว ๆ ฉับ ๆ ที่มีกางเกงยีนเนื้อดีสีดำห่อหุ้มอยู่เข้าสู่ลิฟท์อย่างรีบเร่ง ก่อนที่ประตูลิฟท์จะเปิดออกที่ชั้นแปด เขาเดินออกแล้วมุ่งตรงสู่เบื้องหน้าที่มองเห็นไกล ๆ มีตัวหนังสือติดไว้ว่า ‘ ICU ’
ใบหน้าคมสันดูเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คิ้วเข้มขมวดมุ่นกระนั้นก็ยังเอ่ยถามพยาบาลตรงเค้าน์เตอร์เบื้องหน้าอย่างสุภาพ
“ ขอโทษนะครับ ผมชื่อนักรบ เป็นพี่ชายของนางสาวนารี นันทโฆนิล แม่บอกว่าเธออยู่ที่ไอซียูตอนนี้ ผมขอเข้าไปเยี่ยมได้ไหม ” พยาบาลสาวสวยเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะเอ่ยตอบ
“ ตอนนี้คนไข้ยังอยู่ในภาวะเสี่ยง เราอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้แต่ก็แค่สิบนาทีนะคะ เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนคนไข้ ส่วนเด็ก หลังจากที่ทีมแพทย์ผ่าตัดช่วยชีวิตออกมาก็ปลอดภัยดีค่ะ ถึงแม้ว่าจะก่อนกำหนดตั้งหนึ่งเดือน แต่ยังไงก็ต้องอยู่ในตู้อบ อยู่ในความดูแลของแพทย์และพยาบาลอย่างใกล้ชิด ” คิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นอยู่แล้วยิ่งผูกเป็นปมหนักขึ้น
“ เด็ก เด็กอะไรกันครับ ? ”
พยาบาลสาวสวยยังไม่ทันได้ตอบ พลันมีเสียงเรียกดังขึ้น ทำให้นักรบหันขวับ
“ รบ ! ”
“ แม่ ! ”
ร่างผอมบางวัยกลางคนโผเข้าหาร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นบุตรชายแล้วสะอึกสะอื้นร่ำไห้ทันที เขากอดตอบผู้เป็นแม่พลางลูบหลังนางอย่างปลอบโยน
“ ไม่ร้องนะแม่ ไม่ร้อง ยัยรีต้องดีขึ้น ผมมาแล้ว ” นางส่ายศีรษะอย่างหมดความหวังและท้อแท้เต็มที
“ อะไร ๆ ก็ไม่ดีเลยรบเอ๊ย น้องไม่สู้ นี่ถ้าถอดเครื่องอะไรต่อมิอะไรออกก็น่าจะไปเลย แต่แม่ไม่ยอม แม่รอรบ แล้วนี่มายังไง ทำไมไม่โทรบอก กระป๋งกระเป๋าสัมภาระเอาไว้ไหน ”
“ ก็จองไฟลท์ล่าสุดเท่าที่จะไวได้ แล้วก็นั่งแท็กซี่มาจากสนามบิน สัมภาระผมก็มีแค่กล้องกับของใช้ส่วนตัวนิดหน่อยกับเอกสารในเป้นี่แหละ เรื่องนั้นช่างเถอะ ผมอยากเข้าไปดูน้องก่อน ”
“ ต้องสวมหน้ากากและเปลี่ยนชุดเสียก่อน ”
นางนงนุชผู้เป็นแม่จูงมือบุตรชายเข้าไปให้ห้องสำหรับเปลี่ยนชุดเยี่ยมไข้พร้อมหน้ากากปิดหน้าป้องกันเชื้อโรค เมื่อเรียบร้อยก็เข้าไปขออนุญาตพยาบาลแล้วสาวเท้าเข้าไปสู่ห้องหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากพยาบาลไม่มาก
มันเป็นห้องกระจกแยกสัดส่วนออกไปจากห้องอื่น ภายในนั้นมีเตียงตั้งอยู่เพียงหนึ่ง มีร่างบอบบางนอนหลับตาพริ้มอยู่กลางเตียง มีเครื่องมือทางการแพทย์และสายต่าง ๆระโยงระยางเต็มไปหมด
น้ำตาลูกผู้ชายไหลรื้นขอบตาทันทีที่เห็นน้องสาวอยู่ในสภาพนั้น เขาเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วยืนอยู่ที่ปลายเตียง ยื่นมือไปจับเท้าซีดเย็นชืดของน้องเบา ๆ
“ ยัยรี พี่มาแล้ว เราต้องหายนะ ”
เหมือนจะรู้ เหมือนความรักความอบอุ่นของพี่ชายที่มีให้อยู่เสมอถ่ายทอดไปถึงกันได้ ร่างบอบบางนั้นกระตุกเบา ๆ พร้อมปรือตาขึ้นและกระตุกที่มุมปากคล้ายยกยิ้ม ก่อนจะกลับไปหลับตาเป็นเจ้าหญิงนิทราอีกเช่นเดิม
“ พี่รบรักรี พี่เคยสอนน้องหลายทีแล้วให้เข้มแข็งห้ามอ่อนแอ ได้ยินไหม รีต้องตื่น ตื่นแล้วพี่จะพาไปเที่ยวทะเลสวย ๆ อย่างที่รีชอบ ไปกินซีฟู้ดให้สะใจ พี่จะไม่ทิ้งแม่กับรีไปไหน จะกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวร แต่รีต้องตื่นมาก่อนนะคนดี น้องรักของพี่ ”
น้ำตาไหลอาบแก้มผู้เป็นแม่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางก็หวังดังเช่นบุตรชาย แต่สี่วันผ่านมา คำอธิบายของแพทย์ที่ได้ชี้แจงให้นางทราบอาการบุตรสาว ทำให้นางมิอาจโกหกตนเองต่อไปว่ามันช่างเลือนรางเหลือเกิน
‘ ร่างกายผู้ป่วยขาดอากาศจากการที่ใช้เชือกรัดที่คอจนแน่นหนา กว่าที่คุณจะไปพบผู้ป่วย ทางเราวินิจฉัยออกมาแล้วว่าเธอขาดอากาศร่วมสองชั่วโมง สมองขาดเลือดและอากาศไปหล่อเลี้ยง จริงอยู่ที่ตอนนี้เราสามารถปั๊มหัวใจให้กลับมาเต้นได้อีกครั้งแต่ทุกอย่างถูกกระตุ้นด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ ความหวังที่เธอจะฟื้นขึ้นมาเหมือนเดิมมีไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์ ’
นางปาดน้ำตาทิ้ง มือผอมเอื้อมไปจับเท้าอีกข้างของลูกสาวพลางตัดพ้ออยู่ในใจ
“ รีเอ๋ย ทำไมลูกต้องมาผูกคอตายเพียงเพราะผู้ชายเลว ๆ ที่มันไม่รักลูก ทำไมไม่นึกถึงแม่และพี่รบที่รักลูกราวกับแก้วตาดวงใจ ทำไมไม่นึกถึงลูกในท้อง ลูกที่เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย ”
“ หมดเวลาเข้าเยี่ยมแล้วนะคะ รบกวนญาติเข้าใจด้วย เราให้เข้าเยี่ยมได้แค่แป๊บเดียวเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ”
เสียงพยาบาลร้องเตือน ทำให้สองแม่ลูกต้องรีบเดินกลับออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินออกสู่นอกห้อง
“ แม่กินข้าวยัง ” นักรบเอ่ยถามผู้เป็นแม่ นางส่ายศีรษะ
“ แม่กินไม่ลงหรอกรบ ยัยรีเป็นแบบนี้ ”
“ ไม่กินไม่ได้นะแม่ ถ้าแม่ล้มไปอีกคนจะทำยังไง นี่ก็บ่ายกว่าแล้ว งั้นเดี๋ยวรบพาแม่ไปกินข้าวก่อนดีกว่า นั่งแท็กซี่ไปกินเอ็มเคกันเนาะแม่เนาะ แม่ชอบกินเป็ดย่างนี่นา ”
บุตรชายเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจหวังจะให้แม่สดชื่นขึ้นบ้าง แม้รู้ว่ามันจะยากเต็มที นางพยักหน้าเนือย ๆ
“ ไปก็ไป ”