ตอนที่ 2 ย้ายบ้าน
บ้านเช่าหลังเล็กที่มีเพียงพี่สาวกับน้องชายอาศัยอยู่ด้วยกันเพียงฟ้าหญิงวัย 23 ปีกับภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงคือการดูแลน้องชายพอร์ช เด็กชายมัธยมต้นแทนผู้เป็นพ่อ ทั้งสองคนคือลูกของพงษ์เพชรชายที่กำลังถูกสิงหบดีตามล่า แต่เจ้าตัวกลับหารู้ไม่ว่าทางนั้นรู้เรื่องราวทั้งหมดรวมทั้งเงิน 50 ล้าน
“พ่อ” เป็นน้ำเสียงอันประหลาดใจที่จู่ๆพงษ์เพชรก็ยืนอยู่หน้าประตูบ้านในช่วงบ่ายโมงครึ่ง เพียงฟ้าเพิ่งกลับจากการไปสมัครงานในละแวกแถวนั้น หลังจากที่ต้องลาออกจากที่นี้ทำงานเก่าได้เพียงสองเดือนเพราะเหตุผลย้ายที่อยู่ตามพ่อ ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าพงษ์เพชรเช่นกันว่าทำไมถึงชอบย้ายบ้านปีละ 2-3 ครั้ง
“น้องล่ะ” เสียงเรียบๆถามหาลูกชายคนเล็ก เพียงฟ้าเม้มปากและเปิดปากตอบว่าคงกำลังกลับก่อนจะเอ่ยถามพงษ์เพชรกับสิ่งที่สงสัย ทุกครั้งที่เจอหน้าพ่อมักมีเหตุการณ์ที่ต้องย้ายตัวเองออกไปยังที่อยู่ใหม่ๆ และคราวนี้มันก็เป็นอย่างที่คิด
“ไปเก็บของ” พงษ์เพชรเดินเข้าบ้าน เขาเปิดลิ้นชักและหยิบถุงขนาดใหญ่เก็บของจำเป็นโยนลงอย่างไม่เป็นระเบียบ ดูท่าทางรีบร้อนเพียงฟ้ามองอย่างสงสัย หากจำเป็นต้องย้ายก็ควรมีเวลาเตรียมตัวบ้างแต่นี้เธอไม่มีเวลาเตรียมอะไรเลย
“พ่อ?” เพียงเท่านั้นพงษ์เพชรก็พอเข้าใจว่าลูกสาวจะถามอะไรต่อ แต่กระนั้นก็จะไม่ยอมปริปากเหตุผลการย้ายในครั้งนี้
“ไม่ต้องถามและไม่ต้องสงสัย” หันตัวกลับและหยิบสิ่งของลงถุงเรื่อยๆ โดยที่เพียงฟ้าไม่ได้ช่วยเก็บในครั้งนี้ คำถามในใจมีมากมายหลายร้อยคำ ไม่สามารถปักหลักปักฐานที่ไหนได้ชีวิตคล้ายคนเร่ร่อนที่เดินทางไปเรื่อยไม่หลักแหล่ง
ในขณะที่กำลังเก็บของร่างน้อยๆในชุดมัธยมต้น ชายเสื้อหลุดลุ่ยใบหน้าแดงก่ำชุ่มไปด้วยเหงื่อจากอากาศร้อน พอร์ชเพิ่งกลับจากโรงเรียนโดยรถประจำทางและต้องเดินเท้าเข้าซอยอีก 300 เมตร เป็นแบบนี้ทุกวันและมันก็เป็นเรื่องคุ้นชิน แค่ที่ยังไม่ชินคือพอร์ชต้องย้ายโรงเรียนเรื่อยๆ จนไม่สามารถเรียนตามเพื่อนในวัยเดียวกันได้ทัน
“พี่ฟ้าพ่อทำอะไร” เป็นคำถามที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ทุกครั้งที่เห็นพ่อก็เดาไม่ยากว่าคืออะไร
“เราคงต้องย้าย” ตอบราวหดหู่ใจ มันเหนื่อยกับการต้องระเหะเร่ร่อนแบบนี้ เด็กชายถอนหายใจเฮือกใหญ่วางกระเป๋าเป้ที่บรรจุไปด้วยหนังสือเรียนของวันศุกร์ ในวันเสาร์พอร์ชมีนัดเตะบอลกับเพื่อนที่เพิ่งสนิทกัน วันอาทิตย์ก็มีนัดทำการบ้านและรายงานวิชาสังคมศึกษา แต่ดูทุกอย่างจะคงต้องล้มกลางคันนัดที่ที่ให้ไว้กับเพื่อนๆคงต้องเป็นโมฆะ
“ผมเรียนไม่ทันเพื่อนแล้วพี่ฟ้า” น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า ตั้งแต่ต้นปีเด็กชายพอร์ชย้ายโรงเรียนมาแล้ว 2 ครั้งหากรวมครั้งนี้คงเป็นครั้งที่ 3 มันยากมากกับการปรับตัวเข้ากับสังคมเพื่อนใหม่ๆ และในต้องปรับตัวหลักสูตรการเรียนที่แตกต่างกันออกไปแต่ละสถาบัน
ในเมื่อไม่สามารถขัดคนเป็นพ่อได้ ก็คงได้แต่ก้มหน้าช่วยกันเก็บของ รถกระบะคอกขับจอดหน้าบ้านคงเป็นรถที่พ่อเรียกใช้บริการมาขนของในครั้งนี้ สามคนพ่อลูกต่างทยอยเก็บข้าวของขึ้นรถ แต่ก็ต้องแปลกใจมี sms เด้งขึ้นมา เพียงฟ้าตาเบิกโพลงตกใจไม่น้อยเมื่อจู่ๆ มียอดเงินเข้าบัญชี 20 ล้าน ยังงงๆกับเงินจำนวนมหาศาลหรือว่าใครโอนผิด จิตใจในตอนนี้กระวนกระวายไม่สบายใจอีกทั้งยังกลัวจะเป็นมิจฉาชีพถ่ายเททรัพย์สิน หากเป็นเช่นคงต้องเป็นคดีความกันยกใหญ่
“ไม่ต้องตกใจหรอกฟ้า เงินก้อนนั้นพ่อโอนให้เอง” ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ พงษ์เพชรเอาเงินมาจากไหนมากมายขนาดนี้
“พ่อ เงินมากขนาดนี้พ่อไปทำอะไรมา” ไม่ได้ดีใจสักนิดเส้นทางการเงินคงไม่ได้มาอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพียงฟ้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อทำงานที่ไหน รู้เพียงแค่รู้ว่าทำงานเกี่ยวกับบัญชีในประเทศเพื่อนบ้าน และจะมาหาเดือนละครั้งหรือสองเดือนครั้งแล้วแต่โอกาส
“ไม่ใช่เรื่องที่แกต้องรู้ พ่อพยายามทำทุกอย่างให้แกกับน้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี เราจะย้ายไปบ้านหลังใหม่ที่ต่างจังหวัด พอร์ชจะย้ายไปเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน”
เหมือนเป็นการวางแผนไว้ แต่ทว่าเพียงฟ้าและน้องชายไม่ได้ต้องการเลย แต่ท้ังนี้ก็ต้องจำใจโยกย้ายตามคำสั่งของพ่อ
ของไม่กี่อย่างขนขึ้นรถรับจ้างขนของและนำออกไปก่อนอย่างกับรู้ว่าอยู่ที่ไหน ส่วนพงษ์เพชรก็นำรถยนต์ป้ายแดงสีขาวจอดหน้าบ้านให้ลูกๆ ขึ้นนั่ง ยิ่งทำให้สงสัยไปใหญ่ พ่อเอาเงินมาจากไหนปริปากถามก็ได้แต่คำตอบเดิมๆและก็อดคิดไม่ได้ถ้าพ่อไม่ปล้นเขามาก็ต้องค้ายาเสพติดหรือสิงผิดกฎหมายแน่นอน
สองพี่น้องนั่งเงียบเบาะหลัง ตลอดเส้นทางจับมือกันมาตลอดแต่เพียงฟ้ากลับสังเกตมีรถสปอร์ตหรูสีดำป้ายแดงจับตามมาติดๆ และเป็นระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร แต่กระนั้นก็ยังมองโลกในแง่ดีก็คงตะเป็นเพื่อนเส้นร่วมทางก็แค่นั้น
ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงในเดินทาง พงษ์เพชรพาลูกๆ ข้ามจังหวัดไปยังแถวภาคกลางจากฐานถิ่นเดิมคือภาคตะวันออก ล้อรถเคลื่อนตัวช้าลง เพียงและน้องชายหลังจากที่นั่งหลับกันมาอย่างไม่รู้ตัวก็รู้สึกตัวอีกทีเมื่อคนเป็นพ่อปลุกให้ตื่น
“ตื่นได้แล้ว” เขย่าแขนเพียงฟ้าไม่ถึงกับแรงมากและเอื้อมไปเขย่าแขนลูกคนเล็ก ทั้งสองสะลึมสะลือพลางขยี้ตาปรับโฟกัสในความมืด ตอนนี้มันก็ปาไปเกือบ 2 ทุ่ม
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือบ้านหลังโตชั้นเดียว มีพื้นที่โดยรอบค่อนข้างกว้าง ประตูด้านหลังเปิดเพียงฟ้าก้าวเท้าลงจากรถและยืนมองอย่างวิตก กลัวเหลือเกินว่าพ่อจะทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย
“แกไม่ดีใจเลยเหรอฟ้า” เสียงแหบๆถามลูกสาวที่มีใบหน้าห่อเหี่ยวไม่แสดงถึงความดีใจ ตั้งแต่เล็กจนโตเพียงฟ้าไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองได้แต่อาศัยห้องเช่าไปวันๆ แต่ตอนนี้บ้านหลังงามเป็นบ้านที่พ่อซื้อให้แม้จะไม่ได้เป็นชื่อเธอก็ตาม
“บ้านใครพี่ฟ้า” น้องชายวัย 14 กระตุกแขนพี่สาวเบาๆ ไม่รู้สึกว่าต้องดีใจหรืออะไรเพียงแต่งงๆ ว่ามันคือเรื่องจริงหรือเปล่าที่จะมีบ้านหลังงามเช่นนี้
“บ้านของเรา พ่อซื้อไว้ให้” พงษ์เพชรเป็นคนตอบ
“ต่อไปแกกับน้องจะมีบ้านที่เป็นของพวกเราเองจริงๆ ไม่ต้องอาศัยบ้านคนอื่นหรือเช่าอยู่ไปวันๆ”
“ที่พ่อได้มามันมาอย่างถูกต้องใช่ไหม” น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยถาม พงษ์เพชรมีสีหน้าชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เพียงเท่านี้หัวใจเพียงฟ้าก็กระตุกวูบหล่นไปอยู่เบื้องล่าง
“ทุกอย่างที่พ่อทำเพราะพ่อรักพวกแก” ยังยืนยันหนักแน่นว่าต้องการให้ลูกได้อยู่สุขสบายหลังจากพาลำบากตรากตำมานานนับสิบปี เพียงฟ้าจบแค่ ม.6 เพราะมีพ่อเพียงคนเดียวส่งเรียนหากยังดื้อดึงเรียนต่อในระดับปริญญาตรีต่อน้องชายก็อาจจะพาลไม่มีอนาคตเพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เธอเลยต้องเสียสละเพื่อให้พอร์ชได้เรียนและออกมาหางานทำส่งน้องต่อ
“ขอบคุณพ่อนะคะที่ยังนึกถึงหนูกับน้อง แต่…” ถอนหายใจกับสิ่งที่พ่อทำลงไปถึงจะไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังแต่ก็พอเดาได้ว่าต้องเป็นสิ่งไม่เหมาะไม่ควร
“ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หนูกับน้องอยากได้แค่ความสบายใจ” ก้าวเท้าเข้าบ้านพร้อมจูงแขนน้องชายไม่อยากอยู่ก็จำใจต้องอยู่เมื่อย้ายจากที่เดิมามาแล้ว แต่พอกลับหันหลังพงษ์เพชรก็ขับรถออกไปโดยไม่บอก
อีกแล้ว!!! พ่อทิ้งฉันกับน้องให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว
“พี่ฟ้าแล้วเรื่องโรงเรียนผม” พอร์ชเอ่ยถามพี่สาวและไม่รู้จะต้องปรับตัวแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ขืนเป็นอยู่แบบนี้เด็กชายวัยหัวเลี้ยวหัวต่อก็คงเรียนไม่ทันเพื่อนในระดับเดียวกันแน่
“เดี๋ยวพี่จัดการให้ ช่วงระหว่างนี้พอร์ชก็อ่านหนังสือหรือเรียนจากโลกออนไลน์ไปก่อน ถ้ามัวเรียนแต่อยู่ในห้องเรียนยังไงเราก็คงเรียนไม่ทันเพื่อน”
เพียงฟ้าก็อดเป็นห่วงน้องไม่ได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ภาวนาอย่างเดียวอย่าให้มีเหตุให้ต้องโยกย้ายที่อยู่อีกเลยเพราะคนที่น่าสงสารที่สุดก็คงไม่พ้นน้องชายคนนี้