บทที่ 4
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่ออัลทากราเซียมาถึงอพาร์ตเมนท์ แฮตตี้ได้หอบกระเป๋าออกจากบ้านไปแล้ว...
“กราเซีย ช่วยจัดห้องที่มิสซิส เบลล์พักเหมือนเดิมนะ เขาไปแล้ว และฉันก็หวังว่าขอให้ไปได้ตลอดอย่างดีด้วย”
“ค่ะ” สีหน้าของอัลทากราเซียไร้ความรู้สึก แต่นางรู้อยู่แก่ใจว่า ผู้หญิงคนนี้สามารถเอาตัวรอดได้ ผู้หญิงคนนี้กำลังเดินเข้าไปในทางปีศาจ น่าสงสารรึ?...ยุ่งยากสิจะถูกกว่า...แต่ความคิดที่เกิดขึ้นในใจนี้ อัลทากราเซียไม่อาจบอกให้ซินญอร่า เลนนาร์ดฟังได้แน่...
นางกวาดสายตาไปทั่วห้องพักรับรองแขกห้องนั้น รอยยับย่นของผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่มที่ระเกะระกะอยู่ราวกับว่าเมื่อคืนนี้ ฝูงปีศาจได้มาต่อกรกันอยู่ นางกากบาทเครื่องหมายกางเขนลงก่อนที่จะก้าวเข้าไปภายใน มันเป็นการฉลาดที่คนเราจะรู้จักป้องกันเอาไว้ก่อน
“แฮรี่คะ ตลอดชีวิตที่คุณเป็นหมอมา เคยมีคนไข้ตายไปกับมือบ้างไหม?”
“ทำไมถึงถามอย่างนี้ล่ะ?” เขากำลังนั่งอยู่ในอพาร์ตเมนท์ของแฮตตี้ เบลล์ เห็นจะไม่มีใครที่จะแปลกใจเกินไปกว่าแฮรี่ในยามนี้อีกแล้ว ที่พบว่าชั่วเวลาเพียงอาทิตย์เดียวนับแต่วันแรกที่ได้พบกัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขามาหาเธอ
มันช่างเป็นความง่ายดายอะไรเช่นนั้น ที่เขากับแฮตตี้เกิดความสัมพันธ์กันขึ้น จนดูเหมือนกับว่าเธอตั้งใจจะให้มันเกิดและเป็นขึ้น หรือว่าคงเป็นเพราะโชคชะตา เพราะคืนต่อมาหลังจากที่ดูละครคืนนั้นแล้ว เขาก็เชิญเธอรับประทานอาหารค่ำ เอลซ่ามัวแต่ยุ่งกับศิลปินหนุ่มคนนั้นอยู่ และแฮรี่ก็เหงาอยากจะมีเพื่อนร่วมรับประทานอาหารด้วย เขาจึงคิดถึงแฮตตี้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะคิดถึงเธอขึ้นมาก่อนแล้วก็เกิดคิดว่าตัวเองควรจะมีเพื่อน มันจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้น และเธอก็มีท่าว่าดีใจนักที่ได้พบเขา
เมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง ที่แฮรี่เริ่มคิดถึงอายุของตัวเองเหนื่อยหน่ายกับความต้องการไม่รู้จบของพวกคนไข้แต่ละรายที่โผล่เข้ามาเต็มไปด้วย ความหมกมุ่น ครุ่นคิดกับความสิ้นหวังในเรื่องที่จะมีลูกของตนเองให้ได้ จนเขาต้องการหาอะไรสักอย่างหนึ่งมาสร้างความรื่นรมย์ให้กับชีวิต ที่อุทิศให้กับคนอื่นๆ บ้างและมันกลายมาเป็นแฮตตี้นั่นเอง
เธอเลื่อนตัวเข้ามาในวงแขนของเขา แล้วเขาก็เอนกายลงบนเตียงของเธอ โดยปราศจากการท้วงติงใดๆ ทั้งสิ้นเขาไม่เคยหวังว่าเธอจะรักเขาอย่างจริงใจ ถ้าจะพูดว่าชอบละก้อว่าไม่ถูก เธอมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา และแฮรี่ก็เหมาเอาว่า เนื่องจากเธอมิใช่คนที่จิตใจร้อนเร่าอะไร ดังนั้นแฮตตี้จึงปฏิเสธที่จะรับของกำนัลจากเขา แม้แต่จะยอมรับความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ และระมัดระวังกิริยาวาจาอยู่ตลอดเวลา แต่แล้วในที่สุด เธอก็ได้เอ่ยปากขออะไรจากเขาออกมาอย่างหนึ่ง เขาซึ่งกำลังอยู่ในอารมณ์หลงตกปากรับคำทันที เพราะดูเหมือนมันจะเป็นสิ่งเล็กน้อยเกินไป
“แฮรี่คะ” แฮตตี้เอ่ยขึ้น “สักวันหนึ่งนะคะ เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเรายุติลง ฉันจะขออะไรจากคุณสักอย่างหนึ่ง”
“คุณคิดว่ามันจะยุติลงรวดเร็วอย่างนั้นเชียวหรือ?”
“คุณเป็นคนโง่อย่างวายร้ายละสิคะ ถ้าไม่เชื่อว่าเรื่องย่างนี้มันจะต้องเกิดขึ้น สักวันภรรยาของคุณก็จะต้องเกิดสงสัยขึ้นมา หรือไม่ก็ตัวคุณเองนั่นแหละที่จะรู้สึกละอายต่อบาป ไม่เช่นนั้นคุณก็อาจจะยุ่งกับงานมากจนเกินไปหรือไม่อาจจะพบกับใครสักคนหนึ่งที่...”
“แฮตตี้”
เธอมองเขาด้วยดวงตากลมโต
“ฉันเพียงแต่พูดไว้ก่อนเท่านั้น ว่าแต่คุณจะสัญญาได้ไหมล่ะคะ?”
“สัญญาอะไรกันที่รัก?”
“จะทำตามที่ฉันขอน่ะสิคะ ตอบแทนความดีความชอบไงล่ะ”
“ก็ยังไม่รู้เลย...แต่ว่าคุณจะขออะไรล่ะ?”
“ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนี้...แต่อะไรก็ตาม...ฉันจะขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้นละ”
แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามันเป็นการขอที่แปลก แต่ก็ยอมตกลงด้วย...และเมื่อตกลงไปแล้วก็ตั้งใจที่จะรักษาคำมั่นสัญญานั้นไว้
คำขอนั้นก็เหมือนกับคำถามในตอนแรกที่ว่า เขาเคยทำให้คนไข้ตายหรือไม่ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแค่ความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นของผู้หญิงที่เงียบสงบ ใช้ชีวิตอย่างเดียวคนนี้เท่านั้น นอกเสียจากคืนแรกซึ่งเธอได้เล่าประวัติแต่หนหลังให้เขาฟังจนหมดสิ้นแล้ว แฮตตี้ไม่เคยเอ่ยปากถึงอดีตของเธออีก เธอรู้สึกขบขันกับพวกลูกค้าที่เข้ามาส่งเสียงกรีดกราดกันอยู่ในห้องเสื้อของ เดเมียน เธอเล่าให้เขาฟังว่าการเงินที่นั่นสะพัดขนาดไหน เล่าถึงการที่เธอต้องค้นหารูปภาพต่างๆ ของบุคคลในประวัติศาสตร์ เพื่อที่ว่าจะได้นำมาเป็นแบบอย่างในการทำตุ๊กตาจำหน่ายลูกค้า ซึ่งจะต้องให้เหมือนของจริงทั้งเครื่องประดับและเสื้อผ้าอาภรณ์ ช่างเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจอะไรเช่นนี้แฮรี่ เลนนาร์ด รู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังลุ่มหลงเธอนัก แฮตตี้เป็นอะไรบางอย่างที่เหนือกว่างานละครที่เขาชอบ เป็นแบบที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร เขาจึงมิได้สังเกตเห็นรอยยิ้มที่ซ่อนซุกไว้อย่างมิดเม้น ลึกลงไปในหัวใจเขารู้เพียงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขานั่นจะต้องตกอยู่ในภาวะอย่างที่เธอได้พูดเมื่อครู่ว่ามันจะต้องยุติลง “วันใดวันหนึ่งเร็วๆ นี้”
“ก็มีอยู่บ้างละ ในเรื่องที่คุณถามเมื่อกี้ว่าเคยทำให้คนไข้ถึงตายบ้างไหม...ทั้งนี้ก็เพราะว่าผมเอง...หรือหมอคนไหนก็ตามทีเถอะ หมดหนทางที่จะช่วยชีวิตคนไข้เหล่านั้นไว้ได้แล้ว เหลือมือจริงๆ ก็เคยมีเหมือนกันที่เด็กออกมาแล้วตาย แต่ก็จำนวนน้อยมาก ถามทำไมล่ะ?”
“ก็อยากรู้น่ะค่ะ ฉันอยากรู้ว่าผู้หญิงคนอื่นๆ เขาจะรู้สึกอย่างไร ที่อุ้มท้องจนถึงที่สุดแล้ว พอถึงนาทีที่จะได้ชื่นชม ชีวิตของลูกก็มาหยุดลงแค่นั้น...ว่าแต่ว่า มันรบกวนใจคุณบ้างไหมคะ?”
“ในฐานะที่เป็นหมอใช่ไหม?... อ๋อ... รบกวนแน่”
“แล้วในฐานะคนธรรมดาที่ไม่ได้เป็นหมอล่ะคะ?”
“ผมไม่เคยยึดถือมันเป็นเรื่องหรือความรู้สึกส่วนตัวนะ”
“ลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิคะ เรื่องที่มีผู้หญิงมาหาคุณแล้วก็ขอร้องให้ทำให้เขามีลูกได้นะค่ะ” แฮตตี้ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้อง ใกล้กับปลายเท้าของแฮรี่ เงยหน้าขึ้นมองดูเขา
“จะเล่าได้ยังไงล่ะ มันมีตั้งหลายวิธีที่จะทำให้เขาสมความปรารถนาได้ ทั้งผู้หญิงผู้ชายนั่นแหละ มันมีเหตุตั้งหลายประการที่ทำให้คนเรามีลูกไม่ได้... บางครั้งสเปอร์มของผู้ชายเองอ่อนเกินไปไม่แข็งแรงพอ...หรือมิฉะนั้น... บางครั้งเราก็จำเป็นต้องใช้การผสมเทียมในตัวผู้หญิง”
“แล้วคุณเองล่ะคะ แฮรี่ มีลูกหรือเปล่า?” คืนนี้ท่าทางของแฮตตี้ดูตั้งใจจะคุยอย่างเป็นงานเป็นการ ไม่เหมือนกับทุกคืนที่เคยร่าเริงแจ่มใสมาก่อน
“ไม่มีหรอก... แล้วถ้าคุณจะถามว่าเพราะอะไรต่อ...ผมก็จะตอบเสียเลยว่า ที่จริงแล้วความผิดส่วนใหญ่มันอยู่ที่ผมและเมื่อถึงเวลาที่ความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์สามารถจะทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้ เราก็แก่เกินกว่าจะเลี้ยงลูกเล็กๆ แล้ว”
“บางครั้งฉันก็เคยคิดอยากจะมีลูกอีกสักคนนะคะ” แฮตตี้ว่า “แต่แค่มีเท่านั้น แล้วก็ยกให้กับคู่ผัวตัวเมียที่เขาไม่อาจมีได้ ฉันคิดว่าคงไม่มีใครเขาทำกันอยู่เหมือนกัน”
“ที่จริง ก็คงจะทำอย่างไม่ได้ตั้งใจจริงๆ จะให้มันเป็นอย่างนั้นหรอก... แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไรคะ...พูดสิ...ฉันอยากรู้?”
“ก็มีอยู่ครั้งหรือสองครั้ง... ฟังนะ แฮตตี้ นี่เป็นเรื่องความลับสุดยอดเลย คุณเข้าใจนะ” เธอพยักหน้ารับมิได้ละสายตาไปจากแฮรี่เลย “มีอยู่ 2 ครั้ง ที่ผมจัดการให้ผู้หญิงคนอื่นอุ้มท้องแทนโดยใช้เชื้อของตัวสามีที่ภรรยาไม่อาจจะตั้งท้องมีลูกได้เองนั่นแหละ”
“โอ... น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ แฮรี่ เออ... ว่าแต่ว่าทำไมคืนนี้เราไม่เดินไปลินคอล์น เซ็นเตอร์กันล่ะคะ...อากาศสดใสออก น่าออกไปเดินเล่นจะตาย หรือไปเซ็นทรัล ปาร์คกันก็ยังดี... ขอให้ออกไปไหนสักแห่งเป็นใช้ได้... นะคะ” แฮตตี้เปลี่ยนเรื่องพูด ประหนึ่งว่าความอยากรู้อยากเห็นของเธอยุติลงแล้วเพียงแค่นั้น...
ดังนั้น ทั้งคู่จึงขึ้นรถประจำทางไปกรีนวิช วิลเลจ ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อมิให้ต้องมีการเผชิญหน้ากับเอลซ่า ทั้งคู่มักจะอยู่ด้วยกันในอพาร์ตเมนท์ของแฮตตี้เป็นส่วนใหญ่