บทที่ 3
เปลือกตาของแฮตตี้เบิกโพลงขึ้น
“ถึงแล้ว” แฮรี่ เลนนาร์ดพูดขึ้น คนเฝ้าประตูอพาร์ตเมนท์เดินมาเปิดประตูให้ แฮตตี้ลงจากรถอย่างระมัดระวัง ยังรู้สึกอ่อนเพลียแห้งแล้งอยู่ในกาย และอ้างว้างอย่างแท้จริง
“ตอนนี้เอลซ่าอยู่ที่แกลลอรี่ แต่ว่าสาวใช้ของเรา อัลซากราเซียจะพาคุณขึ้นไปที่ห้องพักเอง ภรรยาของผมได้อธิบายไว้หมดแล้ว เขาจะกลับมาบ้านประมาณ 4 โมงเย็น คุณคงไม่เป็นไรนะ?”
แฮตตี้ผงกศีรษะรับ เคยชินเสียแล้วการอยู่คนเดียว...
“ดีมาก ผมจะกลับไปที่โรงพยาบาลก่อน แต่คุณก็มีเบอร์โทรศัพท์ของผมแล้วนี่” แม้จะอยู่ด้วยกันตามลำพังเช่นนี้แต่แฮรี่ก็ยังมีท่าทางขัดเขินที่จะพูดจากับเธอ เขาส่งกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กของแฮตตี้ให้กับคนเฝ้าประตู ตบหลังมือเธอเบาๆ อีกครั้งในลักษณะแบบบิดาต่อบุตรมากกว่าจะเป็นหมอ หรือคนที่เคยรักกันมาก่อน
“แฟรงค์ ช่วยพามิสซิส...เบลล์ ไปส่งที่อพาร์ตเมนท์ของฉันทีนะ?”
“ครับ คุณหมอ” แฟรงค์เปิดประตูให้แฮตตี้ เมื่อนายแพทย์เจ้าของบ้านเข้าไปนั่งในรถ และขับจากไป
แฟรงค์กดปุ่มในลิฟต์ตรงเลข 7 วางกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอลงบนพื้นใกล้ตัว
“คนใช้ของคุณหมอเลนนาร์ดจะออกมารับคุณเองครับ” เขาบอก “ผมจะกดกริ่งเรียกเขาเอง คุณจะลงที่ชั้น 7”
แฮตตี้ผงกศีรษะรับ ภายในลิฟต์นั้นกรุด้วยกระจกเงาและเธอก็ออกแปลกใจอยู่ว่า รูปร่างของตัวเองผ่ายผอมลงจนผิดตา
อัลทากราเซียนั้น โดยปรกติแล้วมิได้สนใจบรรดาชาวอเมริกาโน่ทั้งหลายที่อยู่รอบๆ ตัวนัก แต่ก็ปฏิบัติต่อสตรีสาวผู้นี้เป็นอย่างดี เพราะได้รับคำสั่งจากซินญอร่า เลนนาร์ดไว้
เอลซ่า เบนนาร์ดได้อธิบายให้นายฟังว่า ลูกของผู้หญิงคนนี้แท้งเสียก่อนคลอด สามีก็ตายลง เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่มีใคร คุณหมอเลนนาร์ดได้อนุญาตให้มาพักฟื้นที่อพาร์ตเมนท์ของครอบครัว 1-2 อาทิตย์ กว่าพละกำลังและสุขภาพจะกลับแข็งแรงอย่างเดิม
“เรื่องที่ซินญอร่าพูด ฉันไม่เห็นว่าจะเป็นความจริงตรงไหนเลย” อัลทากราเซียพูดกับเอลซ่า เลนนาร์ด ซึ่งรับฟังอย่างตกใจ หลังจากที่แฮตตี้มาพำนักอยู่ในอพาร์ตเมนท์ได้เพียงวันเดียว “ท่าทางของเขาไม่ใช่ลักษณะของคนที่แท้งลูกหรือสามีตายเลยนี่คะ ซินญอร่า...ใครจะรู้...แต่เรื่องลูกน่ะ...แววตาเขาไม่เหมือนกับคนที่เศร้าโศกเสียใจอะไรเลยนี่”
“อย่าสงสัยอะไรให้มันมากนักเลยน่า อัลทากราเซีย”
“ค่ะ ซินญอร่า” อัลทากราเซียรับคำอย่างสงบ “บางทีฉันอาจจะพูดผิดก็ได้”
“ผิดแน่ละ ผู้หญิงคนนี้น่าสงสารออก ฉันรู้เรื่องจากปากคุณหมอเองนะ”
“ค่ะ ซินญอร่า” แต่กับตัวเองแล้ว อัลทากราเซียวิจารณ์ แฮตตี้ เบลล์อยู่ในใจ “ผู้หญิงคนนี้สวมหน้ากากชัดๆ ท่าทางอ่อนหวาน สุภาพเรียบร้อย แต่ใต้หน้ากากนั้นนะ พิษเหมือนร้ายชัดๆ ฉันรู้สึกได้แล้วก็ไม่ชอบหน้าเลยสักนิด”
ขณะที่อัลทากราเซียทำงานบ้านจิปาถะประจำวันสำหรับครอบครัวเลนนาร์ดนั้น แฮตตี้จะเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องรับรองสำหรับแขกที่เจ้าของบ้านจัดไว้ให้ เธอปฏิเสธคำเชิญของมิสซิส เลนนาร์ดตอนที่รับประทานอาหารค่ำวันหนึ่งด้วยกันที่บ้าน ซึ่งแม้จะเป็นคำเชิญตามมรรยาทก็ตาม นายแพทย์ เลนนาร์ดนั้นมิใช่เป็นนายแพทย์ผู้มีชื่อเสียง และมีธุรกิจติดพันอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น แต่เขายังมีงานอื่นข้างนอกทำ มีเพื่อนฝูงมากมายหลายต่อหลายคนเป็นเจ้าของกิจการภาพยนตร์ และอีกหลายต่อหลายคนที่เป็นดาวจรัสแสงอยู่บนจอภาพยนตร์
เอลซ่า เลนนาร์ดเล่า ก็อุทิศเวลาในตอนกลางวันทั้งหมดให้กับห้องแสดงภาพเล็กๆ ของเธอที่ถนนอีสต์ เซเวนตี้ มันเป็นเสียยิ่งกว่างานอดิเรก และเธอก็สามารถดำเนินธุรกิจไปด้วยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหมู่เพื่อนฝูงที่สนิทสนมคุ้นเคยและคนไข้ระดับต่างๆ กันในเมือง
และแม้ว่า อาชีพของนายแพทย์ แฮรี่ เลนนาร์ด คือสูติแพทย์ที่ข้องเกี่ยวกับการให้กำเนิด ทารกอยู่ตลอดเวลาแต่ทั้งคู่กลับไม่มีลูก ซึ่งเอลซ่าก็มิได้ผิดหวัง หรือรังเกียจรังงอนกับการที่หลายต่อหลายครั้ง แฮรี่จะอนุญาตให้ผู้เป็นมารดาใหม่หรือผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เข้ามาอยู่ในความดูแลของเขาอย่างใกล้ชิด และพำนักอยู่ 1-2 อาทิตย์ ในอพาร์ตเมนท์ของเขาและเธอ แฮรี่เรียกการกระทำเช่นนี้ว่า “การกุศล” เนื่องจากสามารถจะหาเงินจำนวนมากๆ ได้จากคนไข้รายสำคัญๆ ดังนั้นการที่จะดูแลคนไข้ที่ฐานะไม่ใคร่ดีสักคนสองคน จึงไม่เป็นปัญหาอะไรนักเธอและเขาไม่จำเป็นต้องพูดกันเรื่องนี้ แต่เธอพูดขึ้นในกรณีย์ของแฮตตี้
“แฮรี่ ผู้หญิงคนนี้สบายดีแล้วหรือ?” เอลซ่าถามขึ้นขณะที่แต่งตัวเพื่อออกไปรับประทานอาหารค่ำที่โฟร์ ซีซันส์
“ดีแล้วที่รัก คนไข้ของผมได้รับการดูแลดีมาก”
“ท่าทางของเขาเงียบจังนะ แล้วก็สวยด้วย ฉลาดออกฉันคุยกับเขา 2-3 คำก็รู้แล้ว” เอลซ่าปรายตามองสามีแฮรี่ไม่ใช่คนเจ้าชู้ เธอรู้ดี แต่ก็มีบางครั้งในอดีตที่ผ่านมา ที่เธอรู้ว่าเขาเคยเผลอไผลไปบ้าง (ซึ่งก็คงจะเป็นเพราะอารมณ์หนุ่มเท่านั้น) กับสาวๆ ที่เป็นดาราบางคน ซึ่งมันก็เป็นไปตามวิถีทางของชีวิตในสังคม แต่ไม่เคยปรากฏว่าเขาสนใจคนไข้รายไหนเลย แต่ผู้หญิงสาวทรงเสน่ห์ท่าทางเยือกเย็นที่ชื่อมิสซิส เบลล์ผู้นี้...เป็นแบบที่เขาชอบทีเดียว แต่เขาจะต้องรู้ว่า ถ้ามีการเผชิญหน้ากับความจริงเกิดขึ้นแล้ว เธอจะไม่มีความกรุณาหรือเข้าใจให้อย่างเด็ดขาด มันเป็นสิ่งที่ขัดแย้งในใจอยู่
“ฉันรู้สึกเสียใจกับเขาจริงๆ ที่ต้องเสียสามีไปก่อนที่ลูกจะเกิด...ประวัติของเขาเป็นเช่นนั้นใช่ไหมคะ?” เอลซ่าจับตามองดูมือของแฮรี่ ที่ตวัดปลายเนคไทอย่างประณีตอยู่หน้าโต๊ะแต่งตัว ข้อสังเกตที่อัลทากราเซียตั้งขึ้น ทำให้เอลซ่าใคร่รู้ขึ้นมา
“ใช่” แฮรี่ เลนนาร์ดตอบ เนคไทสีเทาเงินอยู่ในมือเขามักจะแต่งตัวโดยใช้สีเทาเป็นหลัก เพื่อให้เข้ากับเส้นผมสีเงินยวง “แฮตตี้นี่เป็นกรณีย์พิเศษนะ ผมชอบบุคลิกลักษณะของเขา”
หูของเอลซ่าผึ่งขึ้นมาทันที แต่แฮรี่พูดต่ออย่างใจเย็น
“เป็นคนที่ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ ในชีวิตมามาก แต่ก็สามารถจะผ่านมาได้ด้วยดี เป็นคนที่เก่งทางงานฝีมือเปรื่องปราดก็ว่าได้”
เอลซ่าพยายามที่จะไม่แสดงความระแวงสงสัยออกมา แต่ก็ยังอยากรู้เรื่องของแฮตตี้อยู่ดี
“แล้วเรื่องเด็กนั่นล่ะ...ได้ยินว่าเจ็บ...แต่ช่วยไว้ไม่ได้เลยหรือ?”
“ผมไม่ควรที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดนะที่รัก และจะดีที่สุดถ้าคุณจะไม่หยิบยกขึ้นไปพูดกับเขาเข้า เพราะกำลังอยู่ในอารมณ์อ่อนไหวมาก อีกไม่นานเขาก็จะไปแล้ว และเหตุการณ์อย่างนี้มันก้จะไม่เกิดขึ้นอีก ผมสัญญา”
เอลซ่า เลนนาร์ดรับประทานอาหารค่ำมือนั้นด้วยความปลอดโปร่งโล่งใจว่า สามีของเธอจะปฏิบัติตามวาจาที่ลั่นไว้ทุกคำ เพราะแฮรี่ เลนนาร์ด เป็นคนรักษาสัญญายิ่งนัก ซึ่งทำให้ชีวิตสมรสของเขา และเธออยู่กันมาตลอดรอดฝั่งจนทุกวันนี้ เอลซ่าลงความเห็นว่า แฮตตี้เป็นอย่างที่แสดงว่าเป็นอยู่ หรืออย่างที่แฮรี่บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงซึ่งต้องประสบกับบาปเคราะห์เป็นผู้หญิงสาวคนที่อีกไม่นานนักก็จะเลือนหายไปจากชีวิตของเขาและเธอแล้ว
เปลวไฟ...เปลวไฟที่สะบัดโบกอยู่ไปมา แสงสีแดงเปลี่ยนเป็นเหลือง แล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็นสีแดงอย่างเดิม แลบเลียขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มควันลอยตัวขึ้นห้อมล้อมเธอไว้ และเธอกำลังดิ้นรนกระเสือกกระสนจะให้พ้นอันตรายนั้น...วิ่งไปสู่...
แฮตตี้ผวาขึ้นจากความฝันด้วยความตกใจที่จู่ๆ มันก็หวนกลับมา หลังจากที่ได้ปล่อยให้เธอได้พบกับการนอนหลับอย่างสุขสันต์เพียงชั่วอาทิตย์เดียว เธอนอนอยู่ในเตียงที่ไม่เคยคุ้น และในห้องนอนที่ไม่ใช่ของตัวเองด้วยซ้ำ
เธอยังคงพักอยู่กับครอบครัวเลนนาร์ด เสียงกรีดร้องที่ได้ยินนั้นดังอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของตัวเอง มิได้หลุดออกมาจากปากจนปลุกสองสามีภรรยาที่นอนอยู่ในห้องไม่ไกลกันนักได้
มันมิได้จบสิ้นลงเลย...ในที่สุดก็ได้ประจักษ์ในความจริงนี้ เธอเคยเชื่อว่าทารกน้อยในครรภ์จะช่วยปัดเป่าให้มันยุติลงได้ แต่มันก็มิได้เป็นไปตามนั้น คืนนี้ ขณะที่แฮตตี้ทาบฝ่ามือลงบนหน้าท้องที่แบนราบไม่มีแรงถีบเบาๆ เป็นการตอบรับอีก ทารกน้อยได้ออกพ้นท้องไปแล้ว และความฝันร้ายนั้นก็ได้กลับคืนมารุนแรงกว่าเดิม และเจ็บปวดกว่าเดิมนัก
ที่มันยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คืนนี้ เธอฝันเห็นใบไม้ถึง 2 ใบที่ปลิวร่วงลงสู่เปลวไฟ...
ทารกน้อยสองคน...คนหนึ่งได้ตายไปแล้ว...อีกคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่และผาสุก
แฮตตี้รู้สึกสิ้นหวังที่จะหนีไปเสียจากครอบครัวเลนนาร์ดใช้ชีวิตเงียบๆ อยู่ตามลำพัง กลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ปรากฏตัวของมันออกมา ในท่ามกลางความเงียบสงัดยามราตรี
ความฝันนั้นมิได้สูญหายไปเลย แต่ทารกน้อยที่เธอเคยหวังว่าจะช่วยปัดเป่าอดีตให้หมดไปจากใจนั้น กลับเป็นผู้จากไปเสียเอง