ตอนที่ 2 “แปลกใหม่ แต่น่าสนใจดี”[2]
ภายในห้องโดยสารของรถสปอร์ตคันหรูที่ที่รักคุ้นตา
ตอนนี้ตัวรถกำลังเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วที่พอดี ไม่ได้ช้าจนน่ารำคาญ ไม่ได้เร็วจนน่ากลัว แต่ที่รักกลับต้องเผชิญความรู้สึกที่ลำบากใจ เพราะในห้องโดยสารมันเงียบเกินไป
“ทำไมคุณถึงมาสมัครงานที่นี่?”
“เอ่อ ก็... ไม่ได้มีอะไรมากหรอกค่ะ ฉันแค่ชอบบริษัทนี้...” มันมีแค่นั้นเลยจริง ๆ สาเหตุที่ที่รักมาสมัครงานที่นี่ก็แค่เพราะเธอแค่ชอบบรรยากาศของที่ทำงาน และวิสัยทัศน์ของบริษัท
“งั้นเหรอ... แล้วทำงานวันแรกเป็นไงบ้าง?”
“ก็ดีค่ะ งานที่ได้ทำก็เหมือนที่ฉันคิดไว้ ถึงจะมีเพิ่มมาบ้างก็เถอะ แต่สุดท้ายก็ถือว่าน่าประทับใจดี” ระหว่างที่พูดไปดวงตาของที่รักก็ส่องประกาย แต่อีกฝ่ายก็เพียงพยักหน้ารับแล้วเงียบไป
บทสนทนาไม่ได้มีอะไรเพิ่มอีกหลังจากนี้ แต่จากแค่ได้คุยกันไปสองสามประโยคนั้นก็ทำให้ที่รักรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น จนรู้ตัวอีกทีทั้งเธอและกันต์ธีก็มาถึงที่หมายแล้ว
ตามจริงมันควรจะจบ ใช่แล้วมันควรจะจบที่เธอขอบคุณกันต์ธีแล้วลากันตรงนี้ แต่ก็อย่างที่คิดไว้ สงสัยความซวยของที่รักจะยังไม่หมดไป เธอจึงได้ยังคงเจอสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกต่อแม้จะมาถึงบ้านตัวเองแล้วก็ตาม
เรื่องมันเกิดจากที่พ่อและแม่ของเธอเกิดความสงสัยว่ารถไม่คุ้นที่มาจอดหน้าบ้านคือใครจึงเดินออกมาดู และหลังจากที่ที่รักได้แนะนำกันต์ธีเบื้องต้นไป พ่อแม่เธอที่เป็นคนอัธยาศัยดีก็ชวนอีกฝ่ายทานมื้อค่ำด้วยเสียอย่างนั้น
กับพ่อแม่ตัวเองที่รักไม่แปลกใจหรอกเพราะเธอรู้นิสัยทั้งคู่อยู่แล้วว่าเป็นยังไง แต่เธอแปลกใจกันต์ธีนี่สิ ว่าคนแบบนี้ คนใหญ่คนโตแบบนี้ทำไมถึงได้ยอมตกลงอยู่ทานข้าวที่บ้านเธอต่อง่ายนักกัน
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเกือบจะเต็มไปด้วยความครึกครื้นผ่อนคลาย แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้มีคนหนึ่งกำลังนั่งเครียดทำหน้าลำบากใจ และคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือที่รัก
“เนี่ย ท่านประธานครับ ลูกสาวผมนะ เธอเป็นคนขยันมาก แล้วก็หัวดีด้วย ยังไงก็ฝากท่านประธานเอ็นดูเธอเยอะ ๆ หน่อยนะครับ”
“ผมอยากให้เธอมีประสบการณ์เยอะ ๆ ได้ทำอะไรที่หลากหลาย ท่านประธานใช้งานเธอได้ตามใจเลย จะใช้อะไรก็ได้ ให้ชงกาแฟก็ได้นะ เธอชงอร่อยอย่าบอกใครเลยล่ะครับ”
“พ่อออ” สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ที่รักทำเสียงอิดออดบ่นพ่อเธอไปหลังอีกฝ่ายเอาแต่ฝากฝังเธอกับกันต์ธีไม่หยุดปาก จนเธอเขินอายและชักจะหนักใจแทนกันต์ธีที่ได้แต่ยิ้มรับ
“อะไร?”