ตอนที่ 1 “อะไรนะ ประธานบริษัทงั้นเหรอ?”[2]
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ!” ที่รักโพล่งคำขอโทษออกไปในทันทีพร้อมยกมือไหว้ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายและตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองลืมตัวจนลืมสังเกตรอบข้างไป
เธอไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ด้วยชุดสูททรงภูมิฐานที่อีกฝ่ายสวมใส่เธอก็มั่นใจว่าเขาต้องทำงานที่นี่เหมือนกันแน่นอน และก็คงจะตำแหน่งใหญ่กว่าเธอด้วย
“ไม่เป็นไรครับ” ชายวัยกลางคนว่าด้วยเสียงทุ้มพร้อมยิ้มอ่อนให้ ก่อนจะกล่าวต่อ
“ว่าแต่ตกลงไปโดนอะไรมาเหรอครับ? ทำไมถึงได้เปียกขนาดนี้ล่ะ?”
“อ๋อ... นี่... เอ่อ...” ที่รักอ้ำอึ้งไปชั่วขณะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี แต่พอนึกถึงเรื่องซวย ๆ ที่เธอเจอมา โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้เธอเปียกแบบนี้เธอก็ตัดสินใจเล่าออกไป
ที่รักบ่นเป็นต่อยหอยอย่างคับข้องใจจนแทบเห็นเป็นฉาก ๆ เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เริ่มแรกมันก็ไม่ได้ใส่อารมณ์มากเท่าไหร่ แต่พอพูดมาถึงเรื่องที่มีคนขับรถสปอร์ตคันหรูเหยียบน้ำใส่ความไม่พอใจก็ถูกร่ายออกมาเต็ม ๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เธอหัวเสียมากที่สุด
“คนอะไรก็ไม่รู้นิสัยไม่ดีชะมัด ขับรถไม่คิดถึงคนใช้รถใช้ถนนคนอื่นเลย”
ที่รักยังคงว่าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ โดยที่เธอไม่ได้สังเกตคู่สนทนาและอีกคนซึ่งยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ เลยว่ามีสีหน้ายังไงในตอนนี้
“ผมเข้าใจที่คุณจะโกรธ แต่ผมคิดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจหรอกมั้งครับ บางทีเขาอาจจะรีบเหมือนกันกับคุณก็ได้”
คำกล่าวของชายวัยกลางคนช่วยยั้งความไม่พอใจของที่รักไว้ เพราะพอคิดตามแล้วมันก็อาจจะจริง ขนาดเธอยังรีบเลย บางทีเขาคนนั้นก็อาจจะรีบเหมือนกันก็ได้
“ก็... อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้มั้งคะ ฉันไม่เคยคิดมุมนี้เลย...”
“ทำไงดีเนี่ย ฉันเผลอหัวเสียใส่อารมณ์มากไปซะได้ ขอโทษด้วยนะคะ” พออารมณ์โกรธหายไปที่รักเปลี่ยนเป็นอายแทน ที่อยู่ ๆ เธอบ่นชุดใหญ่ใส่เต็มกับคนที่ตัวเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใครอย่างออกรสออกชาติ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ถ้าโมโหก็ควรจะระบายมันออกมาบ้างน่ะถูกแล้ว” ชายวัยกลางคนยังคงว่าด้วยท่าทียิ้ม ๆ ตามเดิม
“ค่ะ... ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ แต่ฉันก็ต้องขอโทษอยู่ดีที่บ่นใส่อารมณ์ไปเต็มที่แบบนี้ ทั้งที่คุณไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลยแท้ ๆ แหะ ๆ ” ที่รักว่าพร้อมเกาท้ายทอยเขิน ๆ
ในตอนที่ที่รักพูดคำนี้ประตูลิฟต์ได้เปิดออกพอดี เธอจึงหลีกทางให้ทั้งสองออกไปก่อน ก่อนที่เธอจะตามออกมาด้วยเวลาไล่เลี่ยกัน
“สวัสดีค่ะหัวหน้า---” ทันทีที่ออกมาสายตาของที่รักก็เห็นคนคุ้นหน้า คนนั้นคือยี่หวา หัวหน้าของเธอ เธอจึงยกมือขึ้นไหว้พร้อมกล่าวทักทาย แต่เธอยังไม่ได้พูดจบอีกฝ่ายก็เอ่ยสวนมาก่อน
“สวัสดีค่ะท่านประธาน สวัสดีค่ะคุณเด่นชัย”
“ฮะ?” ที่รักหลุดปากส่งเสียงประหลาดใจ เธอหันไปมองสองคนข้างกายโดยเฉพาะคนที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรด้วยตาที่เบิกโต
ด้วยการแต่งกายก็ดี มาดที่อีกฝ่ายมีก็ดี ที่รักก็คิดไว้แล้วล่ะว่าสองคนนี้คงมีตำแหน่งไม่ธรรมดา แต่เธอก็ไม่คิดเลยว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นประธานบริษัทของเธอ
“อ้าว ที่รัก เธอก็มาแล้วเหรอ?”
“เดี๋ยวนะ ว่าแต่ทำไมเธอขึ้นลิฟต์ตัวนี้มาล่ะเนี่ย?”
“เอ่อ... คือ...” ที่รักอ้ำอึ้งตอบออกไปไม่ได้ เพราะเธอยังตกใจกับสถานะของสองคนเมื่อครู่ไม่หาย
“อ๋อ เธอไม่รู้สินะ” เห็นที่รักไปต่อไม่ถูกและทำหน้าตื่นตกใจยี่หวาก็แก้สถานการณ์โดยการตอบแทนให้ พร้อมหันไปขอโทษขอโพยประธานบริษัทของเธอ
“ขอโทษนะคะท่านประธาน เด็กคนนี้ชื่อที่รักค่ะ เป็นพนักงานใหม่ที่จะมาเป็นผู้ช่วยฉันเอง มาทำงานวันแรกเธอคงจะไม่รู้ว่าลิฟต์นี้เอาไว้แค่ให้ผู้บริหารใช้... ฉันต้องขอโทษแทนเธอด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไร” ชายร่างสูงตอบห้วน ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งพร้อมพยักหน้าให้ เขาหันหลังทำท่าคล้ายจะเดินจากไป แต่เดินได้ก้าวเดียวเขาก็หันกลับมาแล้วพูดกับที่รักว่า
“ชื่อที่รักงั้นสินะ... ผมขอโทษด้วยแล้วกันที่เป็นคนนิสัยไม่ดี ขอโทษที่ขับรถไม่สนใจเพื่อนร่วมทางแล้วไปเหยียบน้ำใส่คุณ” ว่าเสียงเรียบจบชายที่ที่รักรู้แล้วว่าเป็นใครก็หันหน้ากลับแล้วเดินจากไป ปล่อยทิ้งให้เธอได้แต่ยืนหูอื้อตาลายแขนขาไร้เรี่ยวแรงจนแทบจะล้มพับไปอยู่เบื้องหลัง
มีแต่เรื่องให้น่าตกใจ เรื่องก่อนยังตกใจไม่หายเรื่องใหม่ก็ตามมาแล้ว แถมเรื่องนี้ยังใหญ่กว่าชนิดที่ว่าเรื่องเดิมเทียบไม่ติดอีก
มาทำงานวันแรกก็บ่นด่าประธานไปชุดใหญ่ ดูท่าแล้วชีวิตการทำงานของฉันคงจะไม่ได้สดใสแบบที่คิดไว้ แต่เต็มไปด้วยความหมองหม่นแทนแล้วล่ะมั้ง... ที่รักคิดในใจ
พอได้เริ่มคิดแล้วที่รักก็ไม่สามารถสลัดความคิดลบ ๆ นี้ออกจากหัวได้เลย ทำให้ตลอดทั้งวันที่ทำงานไปที่รักไม่สามารถสนุกกับงานแบบที่คิดไว้ได้เลยจนจบวัน...