ตอนที่3
ตอนที่ 3
อินทรีย์ยืนมองชายหนุ่มที่เอาแต่ใจด้วยแววตานิ่งงัน กาอินไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ตอนเด็กๆเอาแต่ใจแบบไหน ตอนนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น
“จะไม่ลงมาใช่ไหม”
“ผมไม่อยู่ที่นี่ ยังไงก็ไม่อยู่” กาอินร์ยังคงยืนยันคำเดิม
“ได้” สิ้นเสียงร่างสูงก็ช้อนร่างเล็กเอาไว้ก่อนจะออกแรงเพียงน้อยนิดยกร่างของกาอินลงมาจากรถ ร่างเล็กดูตกใจเล็กน้อยก่อนจะดิ้นหนีพร้อมตะโกนโวยวาย
“ปล่อยนะ” กาอินดิ้นจนหลุดจากท่อนแขนของอินทรีย์ ให้ตายเถอะ ตอนนี้เขาลงมายืนอยู่ข้างล่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ห้องนายอยู่ชั้นสองริมสุดซ้ายมือ” อินทรีย์เอ่ยบอกก่อนจะโยนกุญแจให้แก่อีกคน
“นี่คุณพูดไม่รู้เรื่องรึไง ผมบอกว่าผมไม่อยู่ที่นี่” กาอินบอกย้ำ แต่ดูเหมือนอินทรีย์ไม่ได้สนใจมันสักนิด เขายกข้าวของของกาอินลงจากรถภายในเวลาไม่กี่นาที
“นี่..คุณอยากได้เงินเท่าไหร่ผมให้เท่าที่คุณต้องการเลย แต่ผมไม่อยู่ที่นี่”
“...”
“นี่คุณ!!”
“ตอนแรกฉันนึกว่านายจะสู้มากกว่านี้ซะอีก แต่นี่อะไรกัน”
“หมายความว่าไง”
“นายมันก็แค่พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ยังไม่ได้ทันได้ลองเลย ก็เอาแต่บอกว่าไม่สู้” ร่างสูงมองหน้าคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มเยาะออกมา
“ผมบอกว่าไม่สู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็แล้วใครล่ะที่เอาแต่บอกว่าผมไม่อยู่ที่นี่ ความหมายมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ทางที่ดีโทรหาพ่อกับแม่ของนาย แล้วก็บอกให้พวกเขามารับกลับไปซะ...ไอ้ลูกแหง่” อินทรีย์ปิดท้ายรถก่อนจะเดินไปประจำที่นั่งคนขับ
“ผมไม่ใช่ลูกแหง่นะ คุณคอยดูเลยว่าผมจะอยู่ที่นี่ให้ได้ ถึงเวลานั้นคุณนั่นแหละที่จะต้องขอโทษผมที่พูดจาแย่ๆใส่แบบนี้” เสียงของกาอินตะโกนไล่หลังเขา ชายหนุ่มบึ่งรถออกไปพร้อมกับส่ายหัวไปพลางๆ กาอินยืนมองดูรถของอินทรีย์ที่แล่นออกไป เขามองดูข้าวของของตัวเองก่อนจะเริ่มกุมขมับ ห้องพักอยู่ชั้นสองแบบนี้ แถมลิฟต์ก็ไม่มี เขาได้ตายก่อนขนของขึ้นไปเสร็จแน่ ชายหนุ่มมองไปรอบตัวมีเพียงความเงียบสงัดเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขา ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้ว ทางเลือกเดียวคือเขาต้องขนของทั้งหมดนี่ขึ้นไปข้างบน
ร่างเล็กเริ่มหยิบจับข้าวของ ก่อนจะขนขึ้นไปชั้นบนอย่างทุลักทุเล เขาตรงไปยังห้องริมสุดซ้ายมือ พลางไขกุญแจเข้าไป ภายในห้องกว้างกว่าที่เขาคิดเอาไว้ เตียงสามฟุตตั้งอยู่ริมพนังห้อง โต๊ะกินข้าวพร้อมเก้าอี้อีกสองตัว ทำให้ห้องนี้ไม่แย่มากนัก ตู้เย็นขนาดเล็กพร้อมจานชามที่ตั้งอยู่ด้านข้างพร้อมกับตู้เสื้อผ้าทำให้ห้องนี้หน้าอยู่ยิ่งกว่าเดิม กาอินขนของเข้าห้อง ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างอีกสามสี่ครั้ง ของของเขาจึงถูกนำขึ้นมาครบ ใบหน้านวลอาบไปด้วยเหงื่อ ความเหนื่อยล้าเริ่มครอบงำร่างกายอย่างช่วยไม่ได้ ร่างเล็กทิ้งตัวลงนอนกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน เผยให้เห็นพัดลมที่อยู่บนเพดานห้อง เขารีบหาปุ่มก่อนจะเปิดมันทันที ลมเย็นๆเริ่มปะทะเข้าร่างกาย ทำให้เขาเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง
“แอร์ก็ไม่มี จะนอนหลับได้ยังไงกัน” ร่างเล็กบ่นพึมพำ ดวงตาของเขาจะค่อยๆปิดลงก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด
..................................................................................
แสงแฟลชสว่างวาบไปมา พร้อมกับไมค์ที่จ่อสัมภาษณ์อีกนับสิบตัว เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อปรากฏร่างของใครบางคน คนที่พวกเขารอคอยมาตลอดทั้งวัน
“บอกความรู้สึกตอนนี้หน่อยค่ะคุณมาซาร์” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยถามชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปี ส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบห้าพร้อมกับใบหน้าคมได้รูปตามแบบตะวันตก นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเขา
“ผมเสียใจกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นนะครับ วันนี้ผมจะพยายามตอบทุกคำถามของพี่ๆนักข่าวนะครับ”
“เรื่องที่ทะเลาะกับคุณกาอิน วันนั้นเกิดอะไรขึ้นคะคุณมาซาร์” มาซาร์ทำท่าเศร้าสลดเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากพูด
“วันนั้นผมกับกาอินมีปากเสียงกันนิดหน่อยครับ ผมคิดว่าผมกับเขาเราน่าจะคุยกันได้ แต่กาอินเลือกที่จะใช้กำลังเหมือนอย่างที่ทุกคนเห็นครับ” มาซาร์ว่าก่อนจะจับรอยช้ำที่แก้ม
“ผมอาจจะพูดไม่เข้าหูเขา ก็เลยทำให้เขาโกรธ อย่าโทษกาอินเลยนะครับ”
“หลังจากที่เกิดเรื่องได้พูดคุยกันบ้างไหมครับ”
“ตั้งแต่เกิดเรื่องเรายังไม่ได้คุยกันเลยครับ กาอินน่าจะยังไม่พร้อมน่ะครับ ผมเองก็รอเขาติดต่อกลับมา”
“ได้เห็นข่าวล่าสุดของคุณกาอินไหมคะ คุณมาซาร์รู้สึกยังไงคะ” มาซาร์ทำท่าราวกับจะร้องไห้ เขาพยายามข่มน้ำตาที่คลอเบ้าไม่ให้ไหลออกมา
“กาอินคงมีเหตุผลบางอย่าง เขาก็เลยแสดงท่าทีแบบนั้นออกไป อย่าต่อว่าเขาเลยนะครับ ยังไงเราสองคนก็เป็นเพื่อนกัน”
“คุณมาซาร์ได้แสดงซีรี่ย์เรื่องใหม่แทนคุณกาอิน แบบนี้คุณคิดว่าคนอื่นจะมองว่ายังไงคะ”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางผู้ใหญ่ตัดสินใจ ผมเองก็แค่ทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดครับ” มาซาร์ส่งยิ้มก่อนจะปาดน้ำตาที่ไหลลงมา
“วันนี้ขอแค่นี้นะคะ น้องต้องพักแล้วนะคะ ขอบคุณพี่ๆนักข่าวทุกท่านนะคะ” นารา สาวประเภทสองผู้ควงตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของมาซาร์ เอ่ยบอกก่อนจะดันตัวมาซาร์ขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ มาซาร์ยกมือไหว้ขอบคุณนักข่าวพร้อมกับโบกมือทักทายแฟนคลับที่มารอให้กำลังใจพลางรีบก้าวขึ้นรถไปทันที เมื่อรถพ้นสายตาของผู้คนชายหนุ่มก็เอนกายพิงพนักก่อนจะกรอกตาไปมา
“ถามคำถามแบบนั้นกะจะฉีกหน้าผมชัดๆ” มาซาร์ว่าก่อนจะถอดเสื้อคลุมออก
“ตอนนี้คะแนนของเธอขึ้นนำกาอินแบบไม่เห็นฝุ่น อย่าไปให้ค่านักข่าวตลาดล่างพวกนั้นเลย อีกหน่อยพวกมันก็ต้องวิ่งแจ้นตามทำข่าวเธออยู่ดี”
“หมัดเดียวก็ถือว่าคุ้มอยู่นะพี่นารา ได้ทั้งงาน ได้ทั้งชื่อเสียง ได้ทั้งเขี่ยกาอินตกกระป๋อง ผมดูข่าวของมันเมื่อวานแล้วยังขำไม่หาย” มาซาร์หัวเราะร่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ยอดผู้ติดตามทุกช่องทางของเขาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด คำว่าซุปเปอร์สตาร์คงอยู่อีกไม่ไกล
“แล้วนี่แน่ใจนะว่าไม่มีใครถ่ายคลิปก่อนหน้านี้เอาไว้”
“แน่ยิ่งกว่าแน่ซะอีกครับ ผมรับรองเลยว่าไม่มีใครได้เห็นเหตุการณ์ก่อนที่กาอินจะต่อยผมแน่”
“ก็ดี เพราะว่าตอนนี้ตารางงานของหนุ่มสุดฮอตมาซาร์แน่นเอี๊ยดไปถึงปีหน้าแล้วจ้า” นาราตบมือชอบใจพร้อมกับมาซาร์ที่ยิ้มไม่หยุด
“คนจะดังอะไรก็ฉุดไม่อยู่สินะ” มาซาร์ว่าก่อนจะมองตารางงานของตัวเองที่แน่นยาวไปถึงปีหน้า ปีนี้คงเป็นขาขึ้นของเขาจริงๆ ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็คงฉุดไม่อยู่ หรือต่อให้เอากาอินมาอีกสิบคน ก็คงทำอะไรเขาไม่ได้!!!
..................................................................................
ก๊อกๆ ๆ
“คุณกาอินครับ” เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกดังขึ้นปลุกให้ชายหนุ่มที่กำลังหลับใหลได้ตื่นขึ้น กาอินกระพริบตาพร้อมสะบัดหัวไร่ความง่วง เขาค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่ประตู
“อ้าวพี่นพ”
“นายใหญ่ให้มาตามไปทานข้าวครับ”
“อ่อ...ครับ” กาอินเดินไปหยิบกระเป๋าและโทรศัพท์ก่อนจะเดินตามนพลงมาด้านล่าง แต่แล้วชายหนุ่มต้องชะงัก เพราะด้านล่างมีเพียงจักรยานสองคันที่จอดอยู่
“เราจะไปกินข้าวที่ไหนกัน”
“ที่โรงอาหารของไร่ครับ”
“โรงอาหารหรอ ที่นี่มีโรงอาหารด้วยหรอ” กาอินขมวดคิ้ว เพราะเขาแทบจะไม่เห็นตึกที่ไหนอีกเลย
“มีสิครับ ที่นั่นมีอาหารเต็มไปหมดเลยนะครับ ฝีมือภรรยาของผมเอง ถ้าคุณกาอินได้กินรับรองเลยนะครับว่าติดใจแน่” นพว่าก่อนจะขึ้นควบจักรยานของตัวเอง
“อย่าบอกผมนะว่า เราจะปั่นจักรยานไป”
“ถูกต้องครับผม ผมเตรียมไว้ให้คุณกาอินด้วยคันนึง นี่ไงครับสีชมพูหวานเจี๊ยบเลย” นพชี้ไปที่จักรยานอีกคันพร้อมยิ้มแป้น
“ขอโทษทีนะพี่นพ คือ...ผมปั่นจักรยานไม่เป็น”
“อ้าว...ผมก็ลืมถามซะด้วยสิ” นพลงจากจักรยานก่อนจะยืนเกาหัวแกรกๆ
“งั้นพี่นพไปเถอะ เดี๋ยวผมสั่งจากข้างนอกมากินก็ได้”
“ข้างนอกไหนกันล่ะครับ แถวนี้ไม่มีร้านอาหารใหญ่ๆให้หรอกนะครับ มีแต่ชาวบ้านตาดำๆ ถ้าคุณกาอินไม่ไปทานที่โรงอาหารตอนนี้ ก็ไม่มีที่ไหนให้ทานแล้วนะครับ” กาอินถอนหายใจออกมา ทำไมชีวิตของเขามันถึงได้สิ้นหวังขนาดนี้
“เอางี้ละกันครับ ซ้อนท้ายผมไปก่อน ไว้ผมจะมาสอนคุณกาอินปั่นจักรยานทีหลัง” นพว่าพร้อมตบไปที่เบาะท้าย กาอินทำได้เพียงไปกับนพด้วยความจำยอม เพราะตอนนี้ท้องของเขาร้องดังโครมครามราวกับต้องการประท้วง
“จับดีๆนะครับ” นพว่าก่อนจะเริ่มปั่นจักรยานไปด้วยความชำนาญ กาอินนั่งตัวเกร็งอยู่ตลอดทางพร้อมกับมือทั้งสองข้างที่จับเสื้อของนพเอาไว้แน่น ไม่นานนักเขาก็มองเห็นเพิงขนาดใหญ่ หลังคาถูกปกคลุมด้วยใบจากกินเนื้อที่กว้างขวาง โต๊ะทานอาหารอีกหลายสิบตัวต่างมีผู้คนนั่งจับจองพูดคุยกันอย่างออกรส แต่จู่ๆเสียงคุยก็เงียบลงเมื่อร่างของกาอินก้าวเข้ามา นั่นไม่น่าแปลกใจนักหรอก ดาราดังอย่างเขา จู่ๆก็มาโผล่อยู่ที่ไร่ท้ายปลายนาแบบนี้
“นั่งนี่เลยครับ” นพชี้บอกที่นั่งก่อนจะนั่งลงยังฝั่งตรงข้าม
“กับข้าวมาแล้วค่ะ” เสียงของสาววัยสามสิบดังขึ้น ใบหน้าเปื้อนยิ้มถือกับข้าวมาวางบนโต๊ะด้วยความตื่นเต้น
“ครับ”
“ตัวจริงหล่อกว่าในทีวีอีกนะคะเนี่ย อ่อ..พี่ชื่อฝนนะคะ ถ้ามีอะไรเรียกใช้พี่ได้เลยนะคะ”
“ให้มันน้อยๆหน่อย นี่ผัวแกนั่งอยู่นี่นะ” นพว่าก่อนจะหัวเราะออกมา
“ทานข้าวเถอะครับเดี๋ยวจะดึกซะก่อน” กาอินพยักหน้ารับก่อนมองไปยังอาหารที่อยู่ตรงหน้า เขามองมันด้วยแววตาสิ้นหวังอีกครั้ง เพราะเขาทานไม่เป็นเลยสักอย่าง
“มีอะไรรึป่าวคะ นี่กับข้าวอร่อยๆทั้งนั้นเลยนะคะ” ฝนถามพร้อมส่งสายตาสงสัย
“ผมทานไม่เป็นครับ”
“ลองชิมหน่อยไหมครับ อาจจะถูกปากก็ได้นะครับ” นพว่าต่อ แต่สีหน้าของกาอินกลับดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เพราะน้ำพริกผักต้ม พร้อมกับปลาทอด อีกทั้งแกงเผ็ด กาอินไม่เคยทานเลยสักครั้ง
“พวกผู้ดีในเมือง เขากินอาหารบ้านๆแบบเราไม่เป็นหรอก” เสียงของอินทรีย์ดังขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างของชายหนุ่มที่ยืนกอดอกอยู่ไม่ห่าง
“คนที่นี่ชอบดูถูกคนอื่นนักรึไง” ร่างเล็กตอบกลับพลางเบือนหน้าหนี
“ใจเย็นก่อนดีกว่านะครับ” นพพยายามห้ามศึกของผู้เป็นนายกับดาราดัง แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่
“โถ่เอ้ย” กาอินบ่นพึมพำก่อนจะตักกับข้าวเข้าปาก แต่แล้วความเผ็ดของมันทำให้เขาสำลักอาหารทันที
“แค่กๆ ๆ”
“ว้ายตายแล้ว” ฝนรีบยื่นแก้วน้ำให้แก่ชายหนุ่ม กาอินรับมันไว้ก่อนจะรีบดื่มเข้าไป เขาหันไปมองอินทรีย์ที่ส่ายหัวให้กับเขาก่อนจะเดินออกไป
“แค่ก ๆ ๆ” ร่างเล็กทุบอกตัวเองก่อนจะกลืนน้ำตามเข้าไปอึกใหญ่
“เดี๋ยวพี่ไปทอดไข่เจียวให้กินดีกว่านะคะ ฝืนกินไปมีแต่จะแย่เปล่าๆ” ฝนปรี่ออกไปก่อนจะเริ่มทำอาหารจานใหม่ให้แก่กาอิน ร่างเล็กมองสายตาของผู้คนที่จับจ้องเขา เขาเกลียดสายตาแบบนี้ที่สุด
“ไม่เป็นไรนะครับ ครั้งแรกก็แบบนี้แหละครับ”
“แต่ดูเหมือนเจ้านายของพี่นพจะไม่เข้าใจนะครับ”
“นายใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละครับ อย่าไปถือสาเลยนะครับ”
“คนอะไรใจจืดใจดำ ไม่สงสารหรือเข้าอกเข้าใจคนอื่นบ้างเลย” กาอินก่นว่าพร้อมทำหน้ามุ่ย นี่เขาต้องทนอยู่กับคนแบบนี้อีกนานแค่ไหน
“ไว้คุณกาอินอยู่ที่นี่นานๆ คุณกาอินอาจจะไม่คิดแบบนี้ก็ได้นะครับ”
“เย็นชา ไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น ตอนเด็กเป็นแบบไหน โตมาก็ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด” เจอหน้ากันทีไร ชายหนุ่มก็ดีแต่ทำให้เขาหงุดหงิดทุกครั้ง
“ไข่เจียวร้อนๆมาแล้วค่ะ” ฝนว่าพร้อมถือไข่เจียวหอมกรุ่นมาวางที่โต๊ะ กลิ่นหอมของอาหารช่วยปรับอารมณ์ของชายหนุ่มให้ทุเลาลงในทันที กาอินมองไข่เจียวธรรมดาๆที่อยู่ในจาน ไข่เจียวที่เขาไม่เคยคิดจะกิน แต่ในวันนี้มันกลับกลายเป็นอาหารที่สุดแสนวิเศษสำหรับเขา
“ทานตอนร้อนๆ อร่อยสุดๆเลยล่ะค่ะ” ฝนว่าเสริมก่อนจะตักอาหารเข้าปากตัวเองบ้าง กาอินพยักหน้ารับก่อนจะตักไข่เจียวเข้าปาก อาหารมื้อนี้อร่อยกว่าอาหารราคาแพงๆที่เขากินเสียอีก เขาเพิ่งได้รับรู้ว่าไข่เจียวธรรมดาๆ มันอร่อยได้มากขนาดนี้
“อร่อยจัง”
“ไว้พรุ่งนี้พี่ฝนจะทำอาหารรสจืดไว้ให้นะ คนแถวนี้เขากินอาหารรสจัดกันน่ะ” กาอินพยักหน้ารับก่อนจะลงมือทานอาหารจนหมดเกลี้ยง อย่างน้อยคนที่นี่ก็มีคนใจดีอยู่บ้าง ไม่ใช่ใจร้ายเหมือนอินทรีย์ทั้งหมด หากเป็นแบบนั้น เขาได้เป็นบ้าตายก่อนที่ข่าวของเขาจะเงียบแน่....