4
อมริตามองภาพบิดา ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ในห้องพิเศษ ของโรงพยาบาลอย่างเป็นห่วง อุดมกำลังหลับเพราะฤทธิ์ยา บิดาของเป็นอะไรกันแน่ เพราะจากที่เห็นอุดมก็ดูสมบูรณ์แข็งแรงดี เธอกุมมือเย็นเฉียบของบิดาด้วยความเป็นห่วง
“คุณอมริตา ญาติคนไข้ คุณหมอเชิญที่ห้องค่ะ”
นางพยาบาลท่าทางใจดีเดินเข้ามาเรียก อมริตาพึมพำขอบคุณ และมองบิดาอย่างเป็นกังวลอีกครั้ง ก่อนจะตามนางพยาบาลไปยังห้องของแพทย์ ที่ดูแลอาการของบิดาอยู่
“เชิญนั่งสิครับคุณอมริตา ผมอยากจะคุยชี้แจงเรื่องอาการของพ่อคุณให้ทราบนะครับ”
นายแพทย์สูงวัย ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เธอยกมือไหว้เขาก่อนจะนั่งลงตามคำเชิญ ใบหน้างามซีดเซียว เพราะความกังวล
“คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้างคะคุณหมอ”
“ใจเย็นนะครับ เอ่อ ...หมออยากให้ญาติคนไข้ทำใจดี ๆ ไว้ก่อน คือว่าหมอตรวจอาการทั้งหมดของคนไข้แล้ว คนไข้เป็นโรคหลอดหัวใจเลือดตีบนะครับ อยากให้ญาติคนไข้ช่วยระวังหน่อย เพราะโรคนี้ค่อนข้างอันตรายมากนะครับ มีโอกาสที่จะเสี่ยงหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ คนไข้มีประวัติสูบบุหรี่บ้างหรือเปล่าครับ”
“....”
อมริตาถึงกับอึ้งไปด้วยความตกใจเมื่อทราบอาการป่วยของบิดา คำถามของนายแพทย์เจ้าของไข้ พัดผ่านไปราวกับกระแสลม เมื่อเธอได้รับรู้ว่าท่านป่วยเป็นโรคร้ายอะไร นี่บิดาป่วยเป็นโรคที่น่ากลัวมากขนาดนี้เลยหรือ ? นี่เธอควรจะทำอย่างไรดี
“คุณอมริตา คุณอมริตาครับ เอ่อ...หมออยากจะถามประวัติคนไข้นิดหน่อย จะได้แนะนำการดูแลตัวเองเบื้องต้นไว้น่ะครับ”
“แล้วคุณพ่อ จะมีโอกาสหายไหมค่ะคุณหมอ” เธอน้ำตาคลอขึ้นมาทันที
“เราต้องเช็คร่างกายให้ละเอียดอีกครั้งครับ ถ้าเกิดว่าเป็นแผลในกล้ามเนื้อหัวใจ ก็คงจะยากที่จะแก้ไขให้หัวใจกลับมาทำงานได้ 100 % เต็มนะครับ แต่ต้องเช็คอีกที ยังไงญาติคนไข้ก็อย่าวิตกมากนักนะครับ หมอจะแนะนำวิธีการดูแลตัวเอง และอาหารต่าง ๆ ให้ ความเครียดก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ สำคัญมากเลยด้วย คนไข้มีประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูง หมอกลัวว่าจะเสี่ยงอีกหลายโรค”
“ค่ะ”
อมริตาตอบสั้น ๆ สงสัยคงจะต้องให้อุดมเลิกทำงานหนัก และรับงานแทนบิดาเสียที หญิงสาวคิด ขณะที่รับเอกสารและรับคำแนะนำจากนายแพทย์ที่เป็นเจ้าของไข้บิดา...
.........
อุดมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ เขาเห็นเพดานสีขาวของห้องพิเศษในโรงพยาบาลก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะเห็นหน้าของลูกสาวคนเดียวที่ฝืนยิ้มให้เขา
“ตื่นแล้วเหรอคะพ่อ”
“สงสัยพ่อจะทำงานหนักไปหน่อย”
อุดมพูดเสียงอ่อย ๆ อาการแปลบที่หัวใจของเขายังคงอยู่
“คงจะนอนพักไม่พอน่ะ”
“พ่อต้องพักผ่อนมาก ๆ นะคะ ริต้าคุยกับหมอมาแล้ว แล้วก็ห้ามทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อนด้วย ต้องนอนพักนะคะ” อมริตาย้ำ ก่อนจะบีบมือบิดาแน่น อุดมหัวเราะเบา ๆ
“พ่อไม่เป็นอะไรหรอกน่า”
“ไม่ได้หรอกค่ะ” เธอทำเสียงปราม และส่งสายตาดุ ๆ ให้กับบิดา
“ยังไงริต้าก็ไม่ให้พ่อกลับไปทำงานหนัก ๆ อีกแล้ว ริต้ากลับมาแล้วนะคะ ริต้าจะทำงานแทนพ่อเอง พ่อส่งริต้าไปเรียนมาตั้งหลายปี ได้เวลาที่ริต้าจะกลับมาตอบแทนพ่อแล้วค่ะ”
“ขอบใจมากนะลูก”
อุดมยิ้มให้ลูกสาว ดูแววตาที่มุ่งมั่นของอมริตาเขาก็ภูมิใจมาก กับสิ่งที่ลูกสาวตั้งใจจะช่วยงาน แต่ยังไงอมริตาก็ยังใหม่คงต้องค่อย ๆ สอนงานให้ทีละนิดละหน่อยไปก่อน เขาคงจะยังไม่กล้าวางมือเต็มที่
“พ่อนอนก่อนนะคะ ริต้าขอลงไปซื้อของนิดหนึ่งนะคะพ่อ แล้ววันนี้ห้ามพ่อไปทำงาน พ่อต้องนอนพักมาก ๆ นะคะ ริต้าจะเฝ้าพ่อทั้งวันเลย”
“ได้จ้ะ ลูกสาว” อุดมว่าล้อ ๆ แล้วแกล้งหลับตา
“พ่อจะหลับสนิทและไม่กระดุกกระดิกไปไหนเลย”
“ให้จริงเถอะค่ะ”
อมริตาหัวเราะ และเดินออกจากห้องพักของบิดา ก่อนจะปิดประตูเบา ๆ นัยน์ตาของหญิงสาวมีแววกังวลเมื่อนึกถึงประโยคที่นายแพทย์เจ้าของไข้ย้ำว่า....
‘เนื่องจากผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงด้วยนะครับ โอกาสที่โรคจะกำเริบและมีโอกาสหัวใจวายเฉียบพลันมีสูง ยังไงก็อย่าให้เครียดมากนักนะครับ แล้วก็พยายามให้ท่านออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยได้มากเลยนะครับ’
“สงสัยจะต้องห้ามขาดพ่อไปทำงานแล้วแน่ ๆ”
อมริตาพึมพำกับตัวเอง ขณะที่เดินไปตามทางเดินของโรงพยาบาลเพื่อตรงไปยังลิฟต์ลงไปยังชั้นล่าง ระหว่างที่รออยู่หน้าลิฟต์นั้น ประตูลิฟต์ก็เปิดออกคนที่อยู่ในนั้นทำให้เธอเลิกคิ้ว ดูเหมือนสตรีสองคนจะไม่สนใจเธอเลยแถมเดินสวนออกมาเฉย ๆ เสียด้วย อมริตาเลยได้โอกาสเดินตามมาเงียบ ๆ และได้ยินที่คนทั้งสองพูดกันทุกประโยค
“ลุงอุดมป่วยเหรอคะแม่ ดีเลยนีน่าจะได้ไปดูงานที่ร้านทำเล็บของนีน่าบ้าง”
สตรีอ่อนวัยกว่า หน้าตาสะสวย แต่งกายทันสมัยและค่อนข้างเปรี้ยว เสื้อตัวยาวสีเขียวมะนาวคอวีลึกแขนกุด และกางเกงขาสั้นสีครีม รองเท้าส้นสูงสีเดียวกับตัวเสื้อ กางเกงของเธอสั้นมาก อวดเรียวขายาวสวย ใบหน้าตกแต่งไว้อย่างดีค่อนข้างเข้มจัด ผมยาวดัดเป็นลอนใหญ่ เล็บเพ้นท์ไว้เป็นรูปใบเมเปิ้ล ผู้เป็นมารดาได้ยินแบบนั้นเลยหันมาค้อนขวับ
“ได้ยังไง ร้านเล็บกระจอก ๆ ของแกน่ะจะไปดูเมื่อไหร่ก็ได้ พี่อุดมไม่รู้เป็นอะไรมากหรือเปล่าแม่เป็นห่วงจริง ๆ นะ”
คนที่เดินตามหลังที่ลอบสำรวจสองแม่ลูกอยู่ถึงกับเลิกคิ้ว เมื่อดูการแต่งตัวของคนทั้งคู่ ที่คล้ายกันราวฝาแฝดเพียงแต่ผู้สูงวัยกว่า สวมเสื้อแขนยาวกว่า และกางเกงก็ยาวกว่าลูกสาว แต่ก็สีเดียวกันเปี๊ยบและเปรี้ยวกระชากใจได้ไม่แพ้ลูกสาว
“ร้านเล็บของนีน่าไม่ได้กระจอกนะคะแม่” นรีพรค้านมารดา
“ยังไงก็สู้ตำแหน่งที่แม่จัดการให้แกไม่ได้หรอก” อนงค์วัลย์ว่าขัด
“นีน่าเบื่องานเอกสารจะตายนะคะแม่ แม่ก็รู้นีน่าชอบด้านความสวยความงามมากกว่า” เธอทำปากเบ้ เลยโดนมารดาหยิกหมับเข้าที่แขนแรง ๆ จนต้องร้องโอ้ยเบา ๆ
“ตอนนี้ยัยริต้ากลับมาแล้ว ยังไงแกก็ต้องทำงานให้มันดี ๆ รู้ไหม เดี๋ยวลุงอุดมจะเปรียบเทียบระหว่าง แกกับยัยริต้า จะได้เห็นว่าลูกแม่ทำงานได้ดีกว่า”
“อะแฮ่ม”
เสียงกระแอมที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำเอาสองแม่ลูกสะดุ้ง และเมื่อหันไปมองว่าเป็นใคร นรีพรและอนงค์วัลย์ก็หน้าเจื่อน โดยเฉพาะอนงค์วัลย์ ถึงกับยกมือทาบอกอย่างตกใจ และเผลออุทานออกมาด้วยว่า
“ตายแล้ว!”
อมริตาแกล้งทำหน้าเฉย ๆ พยายามกลั้นยิ้มเต็มที่ ก็สองแม่ลูกทำหน้าตาตื่นเหมือนถูกผีหลอก
“ริต้ายังไม่ตายค่ะคุณน้า”
“น้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เอ่อ...หนูริต้า กลับมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นไปเยี่ยมน้าบ้างเลย”
อนงค์วัลย์รีบปั้นหน้ายิ้มแย้มเต็มที่ และจะตรงเข้าไปกอดหญิงสาวที่มีศักดิ์เป็นหลาน แต่อมริตากลับเบี่ยงตัวหนี และยกมือไหว้ตามมารยาท พลางยิ้มเย็น ๆ ให้
“คุณน้าน่าจะรู้นะคะว่าริต้ากลับมาแล้ว เห็นได้ยินพูดถึงริต้าอยู่แหม็บ ๆ เมื่อกี้นี้เอง”
สองแม่ลูกลอบมองตากันและกลืนน้ำลาย นรีพรมองกวาดหญิงสาวตรงหน้าที่เป็นเหมือนคู่แข่งของตนมานาน
ดูเหมือนอมริตาจะดูสวยขึ้นมากกว่าสมัยเป็นสาววัยรุ่น ดูอิ่มเอิบและงดงามขึ้นมาก นรีพรรีบสำรวจตัวเองในเงาสะท้อนของรูปภาพที่แขวนไว้ตรงผนัง แม้จะเห็นไม่ชัดแต่ก็พอจะดูเงาสะท้อนของตนเองได้เหมือนกันว่า เธอก็ดูดีไม่แพ้คนตรงหน้าหรอก…นรีพรนึกในใจ