ตอน 5
เขาไม่ปล่อยให้เธอได้หยุดคราง ก้มลงไปตรงกลางร่างกาย มอบความซ่านเสียวให้กับเลขาสาวอีกระลอกใหญ่ จนเธอแทบขาดใจตาย ร่างกายสั่นสะท้าน เมื่อลิ้นอุ่นของเขาแตะไต่ชอนไชความเป็นหญิงของเธอ การระรัวลิ้นของเขาเล่นเอาเลขาสาวร้องครางอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่
“พร้อมแล้วใช่ไหมจ๊ะคนสวย” เขาถามทั้งที่รู้ว่าเธอพร้อมสำหรับเขายิ่งกว่าพร้อมซะอีก
“จัดการฉันเถอะค่ะท่านหยางฟง”
“ได้เลย เมื่อเธอร้องขอฉันแบบนี้มีหรือฉันจะกล้าปฏิเสธเธอ แม่สาวน้อยเนื้อเนียนของฉัน” เขาจัดการส่งแก่นกายที่แข็งขึงชูชันเข้าไปตรงกลางร่างกายของเธอด้วยความรู้สึกมุ่งมั่นจะจัดการให้เธอคราง
“โอ้ว เบาๆ สิคะ” ความใหญ่โตของเขาทำให้เลขาสะดุ้งได้ทุกครั้งที่เขายัดเยียดมันเข้าไปภายในของเธอ ครั้งแรกของเธอก็คือเขา ครั้งต่อๆ มาก็เป็นเขา เธอขาดเขาไม่ได้ เล่าเฟยเริ่มเสพติดเซ็กส์ที่ได้รับการปรนเปรอจากหยางฟง เจ้าพ่อแห่งสื่อคนนี้ยากถอนตัว
“โทษทีฉันมันประเภทเกินมาตรฐาน” เขาค่อยๆ ขยับสะโพก เลขาสาวขยับตอบรับสอดประสาน โจนทะยานมุ่งสู่สายนทีแห่งรักในเส้นทางข้างหน้า บทรักร้อนแรงบรรเลงไม่หยุดหย่อนภายในห้องทำงานของเขา เสียงครางถูกเก็บไว้ภายในห้องเพราะเขาสั่งให้บุผนังห้องทำงานส่วนตัวเป็นห้องเก็บเสียง ด้วยไม่ต้องการให้เสียงภายนอกและภายในเล็ดลอดออกไปสู่คนที่เขาไม่ต้องการให้รู้ เขาพวกความลับเยอะ อย่างเช่นเวลานี้เป็นต้น
หยางฟงเร่งจังหวะรักเพราะต้องส่งเล่าเฟยออกไปทำงาน หลังจากเธอเองหายมาสักพัก คนอื่นจะสงสัย เขาต้องมีสัมพันธ์กับเลขาสาวทุกวัน ส่วนมากจะหลังเลิกงาน แต่วันนี้เธอยั่วเย้าเขาให้เกิดกิเลสยามเที่ยงวัน จนทนไม่ไหวหลุดกระเจิงตั้งแต่เห็นเธอแต่งตัวยั่วยุ แม้จะพยายามไม่มอง ก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารซึ่งเธอวางให้เซ็นบนโต๊ะแล้วก็ตาม
“โอ้วๆ ท่านหยางฟง ฉันไม่ไหวแล้ว” ดูเหมือนเล่าเฟยจะไม่สามารถทานทนกับการกระแทกกระทั้นของเขาไหว ปรารถนาจะปลดปล่อยความต้องการให้พ้นๆ จากร่างกายอวบอัดเต็มที
“รอฉันก่อนสิ ถ้าเธอแตะเส้นชัยก่อนฉันจะหักเงินเดือนเธอ”
“อุ๊ย อย่าขู่กันอย่างนี้สิคะ”
หยางฟงไม่รออะไรอีกแล้วเขากำลังเดินเข้าสู่เส้นชัยอีกไม่กี่อึดใจ พยายามเร่งจังหวะให้หนักหน่วงโดยการกระแทกแก่นกายหนักๆ กับภายในของเธอ จนกระทั่งเขาถึงที่หมาย จากนั้นรีบถอนแก่นกายของมาเพื่อปลดปล่อยสายธารอุ่นๆ ราดรดหน้าท้องแบนราบของเลขาสาว เธอมองตาม เมื่อไหร่เธอจะได้สิทธิพิเศษนั้นสักทีนะ สิทธิในการมีทายาทกับมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างหยางฟง เล่ย
“อา....เลอะเทอะเชียวค่ะท่าน”
“ลุกขึ้นเถอะ รีบไปจัดการกับตัวเองในห้องน้ำซะ”
“ค่ะ” เลขาสาวมองหน้าชุ่มเหงื่อของเจ้านาย จากนั้นเดินโทงๆ ไร้อาภรณ์ เข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างสิ่งที่อยู่บนตัวสีขาวขุ่น ฝีมือการกระทำของเจ้านายหนุ่มร่างกำยำ ทำการปล่อยราดรดตัวเธอจนเหนียวเหนอะ
เลขาสาวกลับออกมาอีกครั้ง เห็นว่าเจ้านายสวมเสื้อผ้าเข้ากับตัวเรียบร้อย เธอจึงก้มลงคว้าเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาสวมลงที่ร่างบางอวบอิ่มจนครบทุกชิ้นบ้าง
“ติดกระดุมเม็ดบนซะด้วย” เขาบอกเลขา “เธอไม่ต้องยั่วใครนอกจากฉัน”
เลขาทำตาม เอื้อมมือหยิบแฟ้มเสนอเซ็นขึ้นแนบอก ก้าวเข้าหาเจ้านายหวังจะจุมพิตที่แก้มเขาก่อนออกจากห้อง เขาถอยหนี ไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้น ส่งสายตาค้อนน้อยใจให้เขา คนอย่างหยางฟงไม่สนใจความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ของลูกน้องหรือใครก็ตามใต้อาณัติของเขา โดยเฉพาะความต้องการของเขาบรรลุแล้วเมื่อครู่
สามสาวกำลังสนุกสนานอยู่กับการทดลองประสิทธิภาพของยานพาหนะสุดไฮเทค โดยฝีมีล้ำเลิศของ ดร.น้ำเหนือ ทั้งสายธารและธาราเต็มใจยกให้เป็นขวัญใจของน้ำริน รถคันนี้มีดีทั้งภายในและภายนอก เบาะนุ่ม เสียงนิ่ม ไร้เสียงรบกวนเข้ามาให้ห้องโดยสาร ขณะขับแม้ว่าจะแตะความเร็วถึง 180 กม/ชม.ก็ตามบนทางพิเศษมอเตอร์เวย์ มุ่งสู่พัทยา จากนั้นค่อยๆ ลดระดับความเร็วลง เพราะรู้ว่าค่อนข้างเสี่ยงกับการโดนจับความเร็ว
“เยี่ยมเลยว่ะแก” สายธารยั้งเท้าที่เหยียบคันเร่ง “ยิ่งกว่าสกายไลน์ซะอีก แหมดร.ขวัญใจยัยรินนี่เยี่ยมจริงๆ เลยว่ะ”
“นี่ๆ พูดให้ดีหน่อย ขวัญใจฉันเมื่อไหร่ยะ อย่างฉันมันต้องไฮโซ โก้เก๋ ดูดี สภาพอย่างดร.น้ำเหนือเนี่ยนะฉันจะสน” แม้ว่าการใกล้ชิดสนิทสนมกันในยามที่ร่วมกันประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์ไฮเทคข้ามวันข้ามคืนหลายต่อหลายครั้ง จะทำให้คนทั้งคู่มีเวลาอยู่ตามลำพังมากครั้ง สิ่งนั้นกลับไม่ทำให้น้ำรินใจอ่อนหันมาสนใจในความเป็นบุรุษเพศของดร. สติเฟื่องได้เลย
“ฉันว่าเค้าก็เหมาะกับแกดีนะยัยริน ช่างคิดช่างประดิษฐ์ ชอบความไฮเทคไม่ต่างกัน”
“ร่วมงานเว้ย ร่วมงาน”
“เหรอ ถ้าเกิดวันหนึ่ง ดร.แปลงกายเป็นหนุ่มหล่อขึ้นมา แกจะชอบ ดร.ไหม”
“เอ่อ.....” น้ำรินไม่แน่ใจ “ไม่ ไม่เด็ดขาด” ตอบออกมาทั้งที่ลังเล ยัยนี่แพ้คนหล่อ
“แกก็ไม่แน่ใจว่างั้นเถอะ” ธาราสวนขึ้นขณะที่สองสาวนั่งหน้าสนทนากัน ถึงชายหนุ่มที่ไม่ได้อยู่ในที่นี่
“เป็นไปไม่ได้ พวกเคร่งกับวิชาการ และอยู่แต่ในห้องทดลองแบบนั้น โผล่ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันสู่โลกภายนอกกับเขาบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขืนคบกันมีหวังฉันน่ะกลายเป็นค้างคาว” เจ้าหญิงไฮเทค ไม่เชื่อนิทานหลอกเด็กของสองเพื่อนรัก เธอชอบช็อปปิ้ง ชอบสังสรรค์ ชอบงานสังคม จะให้เธอแปลงกายเป็นนางห้อง ไม่ไหวละ
“เลิกพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เอ้านี่กินซะ” น้ำรินแก้เขินโดยการส่งขนมเข้าปากสายธาร อีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบ กลายเป็นว่าทั้งคู่กำลังต่อสู้กันอยู่ในรถ อีกฝ่ายเอียงตัวหลบ อีกฝ่ายจะป้อนขนม
“ไม่กิน บอกว่าไม่กินไง เดี๋ยวอ้วน ไม่ชอบกิน”
“เฮ้ย......” ธาราที่นั่งหลังตะโกนเสียงดัง เมื่อเห็นว่า หน้ารถกำลังส่ายไปส่ายมา ทำท่าจะจูบรถคันหน้า นั่นว่าแล้วไหมล่ะ
“โครม !!!” เสียงดังกระแทก จนทำให้สองสาวซึ่งหยอกล้อกันผิดที่หัวคะมำทั้งสามพร้อมกัน เสียงเหล็กกระแทกกันดังสนั่นหวั่นไหว รถยนต์สุดไฮของดร.น้ำเหนือ ภายใต้การควบคุมพวงมาลัยของสายธาร พุ่งเข้าไปจูบก้นรถยนต์โฟล์วิลคันใหญ่คันหน้าเข้าอย่างจัง โชคดีตรงที่ไม่ใช่จังหวะเวลาที่สายธารบ้าระห่ำเหยียบไม่ยั้ง ไม่อย่างนั้นสภาพรถคงแย่ทั้งสองฝ่าย
“บ้าฉิบ” สายธารสบถเสียงดังอยู่ในรถซึ่งเก็บเสียงอย่างดี หันไปมองน้ำรินตัวต้นเหตุ
“ลงไปดูสิแก” เสียงของน้ำรินทำให้สายธารตื่นจากเหตุการณ์ตกตะลึงภาพตรงหน้า
“รถมีประกันหรือเปล่าวะเนี่ย” สายธารลงจากรถกระแทกประตูปิดกลับไปที่เดิม
“นั่นน่ะสิ” ที่สำคัญสามสาวไม่เคยรู้และไม่คิดจะถามว่ารถยนต์ตราดาวคันพิเศษนี้ ถูกประดิษฐ์ออกมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ขึ้นทะเบียนถูกต้องหรือไม่อย่างไร พลาดแล้วงานเนี้ย
“ซวยแล้วไงคราวนี้” ธาราแทรกเสียงหวานหลังเดินตามหลังสายธาร ทั้งสามสาวก้าวลงจากรถ เพื่อเจรจากับเจ้าของรถยนต์คันใหญ่ที่กำลังหัวเสียเดินลงจากรถของตัวเอง เขาเดินสำรวจรถรอบคัน ก่อนจะวกกลับมาตรงที่โดนชน สภาพบุบไม่มาก เพราะรถยนต์กระบะย่อมแข็งกว่ารถเก๋งอยู่แล้ว
สายธารเดินวนรอบสำรวจตรงที่ชนกัน “เหลือเชื่อแทบไม่มีรอยถลอก” หญิงสาวหันไปทางน้ำริน และธาราซึ่งเดินมาหยุดยืนตรงหน้ารถเช่นกัน
“ขับรถภาษาอะไรยะหล่อน หน้าตายังเด็กทั้งนั้น มีใบขับขี่กันหรือเปล่า” กุลจา หญิงสาวที่มากับชายหนุ่มตัวสูงผิวเข้ม ท่าทางภายนอกกับการแต่งกายด้วยเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ กางเกงยีน ทรงผมรองทรง อย่างกับพวกข้าราชการตำรวจอย่างไงอย่างงั้น แล้วแม่สาวทรงโต เสียงแหลม แต่งกายเปรี้ยวปรี๊ดนี่คงเป็นภรรยาหรือไม่อย่างนั้นก็เป็นกิ๊ก หรือแฟน หรือมากกว่านั้น
“ใจเย็นๆ ครับน้องจา” ชายหนุ่มคว้าร่างหญิงสาวเหวี่ยงเบาๆ ให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง
“พี่ต้นน่ะ ดูสิยัยพวกนี้เด็กชัดๆ ขโมยรถพ่อแม่มาขับล่ะสิอีแบบนี้”
“น้องจา พี่ขอร้อง” เขาส่งเสียงดุปรามให้กุลจาสงบปากสงบคำ “เดี๋ยวพี่จัดการเองครับ” เสียงเริ่มเข้มเมื่อกุลจาทำท่าอิดออด สามสาวสวยตรงหน้าเล่นปั่นป่วนหัวใจเขาตั้งแต่เดินลงจากรถ โดยเฉพาะคนที่นั่งหลังพวงมาลัยนั้นดูโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ
“ค่ะพี่ต้น” กุลจายอมสงบ ก้มหน้านิ่ง อยู่ด้านหลังของชายหนุ่ม
“ใครเป็นคนขับครับ”
“เอ่อ....ดิฉันเองค่ะ”
ต้นน้ำแอบคิดว่าหญิงสาวน่าจะแทนตัวเองว่าหนูน่าจะดีกว่า เพราะหน้าตาแบบนี้น่าจะไม่เกินยี่สิบ แต่เธอแทนตัวเองว่าดิฉันจึงขัดตากับภาพที่เห็น
“หนูเองหรือ มีใบขับขี่ไหม”
“มีค่ะ มีแน่นอน ไม่ได้ลักรถพ่อมาขับแน่ๆ ค่ะ”
“งั้นผมจะโทรเรียกประกันของผม หนูโทรเรียกประกันของหนูนะ”
“ไม่ใช่หนู กรุณาเรียกให้ดีๆ หน่อย โตแล้ว” สายธารไม่พอใจกับคำที่เขาเรียกเธอส่งค้อนให้ชายหนุ่ม ว่าแต่ไอ้รถคันนี้มีประกันหรือเปล่าหว่า
“ยัยรินโทรหาดร.ซิ”
“โทรทำไมวะแก”
“เอ้า ฉันไม่รู้สิว่ารถคันนี้มีประกันหรือเปล่าน่ะสิ” สายธารกระซิบกับน้ำริน เกรงฝ่ายโน้นที่จ้องตาไม่กะพริบจะรู้ว่ารถคันนี้ไม่ใช่ของพวกเธอ ชายหนุ่มกำลังโทรหาประกันของเขาตามที่พูด ท่าทางหัวเสีย ขณะลอบชำเลืองทิ้งสายตามาทางสายธาร จนหญิงสาวจับกระแสรังสีนั้นได้จากสายตาคม สายธารรู้สึกวูบไหวกับสายตาคมนั้นด้วยความรู้สึกประหลาด
“นั่นน่ะสิแก ยัยรินแกโทรซิ” ธาราสั่งน้ำรินให้รีบโทร