ตอน 6
“ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ”
“มานี่ฉันโทรเอง” สายธารรำคาญความอิดออดของเพื่อนสาวทั้งสอง เพราะเธอไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน ด้วยสายตาคู่นั้นจ้องเธอไม่กะพริบ มือบางคว้าโทรศัพท์จากน้ำรินมากดโทรออกเสียเอง ไม่กล้าควักโทรศัพท์รุ่นพระเจ้าหมื่นปีของตัวเองออกมา รอสัญญาณ เสียงปลายดังขึ้นหลังจากติด
“รถชนหรือไงล่ะ”
“ดร.รู้ได้ไงคะ”
“รู้แล้วกันน่า” เขาดูการเคลื่อนไหวทั้งสามสาวผ่านระบบโรมมิ่งกับดาวเทียมในหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ไม่ต้องห่วงรถคันนี้มีประกันแน่นอน ผมจัดการให้แล้วอีกไม่เกินห้านาทีประกันชั้นเยี่ยมจะไปถึงที่เกิดเหตุ”
ยังไม่ทันวางสายจากดร. เสียงยานพาหนะที่ให้ความคล่องตัวสูงที่สุดในกรุงเทพฯ ก็มาถึง ไม่ทันได้พูดอะไรกับใคร เจ้าหน้าที่ก้มดูโน่น นี่ นั่น จัดการถ่ายรูป ไม่หันมาสนใจกับใครในที่เกิดเหตุ งานของเขาเสร็จสิ้นอย่างกับในโฆษณาประกันบริษัทหนึ่งซะอีก มีจริงหรือแบบนี้ ไม่น่าเชื่อ สงสัยสายธารจะเลิกสบประมาทโฆษณาซะแล้ว
“เราจะจัดการให้คุณในความเสียหายทั้งหมด ไปละ” มาไว เคลมไว ไปไว อะไรกันหว่า ทั้งที่ประกันของอีกฝ่ายยังไม่โผล่เลยนี่นะ ฝ่ายของสามสาวเรียบร้อยโรงเรียนดร.น้ำเหนือแล้ว
“ไปนะคะ”
“เดี๋ยว !! ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าทุกอย่างเรียบร้อยจริงๆ”
“ประกันฝ่ายฉันได้บอกไปแล้วนี่คุณว่าจะจัดการให้ มีใบเคลมเรียบร้อยคุณจะกลัวอะไรอีกล่ะ”
สิ่งที่ต้นน้ำกลัวไม่ใช่ค่าเสียหายที่ฝ่ายหญิงสาวจะรับผิดชอบให้กับเขา ทว่าเกรงกลัวจะไม่มีโอกาสได้พบหญิงสาวที่นั่งหลังพวงมาลัยนี้ต่างหาก เขารู้สึกใจสั่นหวั่นไหว หัวใจกระเจิงตั้งแต่เห็นเธอก้าวลงจากยานพาหนะคันหรูอลังการนั้น แม้ว่าเขาจะมากับกุลจา ที่มักตามติดและอ้อนให้เขาพาไปรับประทานอาหารทะเลแถบชานเมืองฝั่งตะวันออก
กุลจาคือบุตรสาวของเพื่อนมารดาของต้นน้ำ มารดาของสองฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทกัน หมายมั่นปั้นมือตามประสาผู้ใหญ่ที่มีความเกรงใจกันต้องการให้สองหนุ่มสาว ซึ่งทุกคนลงความเห็นว่าสมกันราวกับกิ่งทองใบตำแย เอ๊ย ใบหยก
“พี่คิดว่าหนูควรมีหลักประกันให้พี่”
“นี่คุณ...บอกว่าห้ามเรียกหนู” หญิงสาวสะบัดใบหน้าเฉี่ยวปนหวานส่งค้อนให้เขา ไม่พอใจกับสรรพนามนี้ เธออายุ 23 แล้วเลิกใช้หนูมานาน คนที่เรียกเธอว่าหนูได้มีแต่พ่อกับแม่เท่านั้น เออ ลืมพี่ชายสองคนด้วย
“ครับๆ เอางี้ขอนามบัตรหรือเบอร์โทรศัพท์หนู เอ๊ย เธอ ไว้หน่อยกันเหนียวก็แล้วกัน เผื่อมีปัญหาทางเธอไม่ทำตามที่พูดไว้ ฉันจะได้โทรตามเธอไงล่ะ” เธอยอมให้ถือว่าเป็นบุญ เขาจะได้ตัวเลขนี้ไต่เต้าสานความสัมพันธ์กับเธอ
“นามบัตร แหม...กลัวฉันเบี้ยวหรือไงคุณ ก็เห็นแล้วนี่ประสิทธิภาพของประกันฉันยอดเยี่ยมแค่ไหน ยังจะกลัวเบี้ยวอีกหรือไง ก็ได้นี่นามบัตรฉัน เพื่อแสดงว่าฉันรับผิดชอบรถคุณแน่ๆ” หญิงสาวแสดงความรับผิดชอบ เธอมันประเภทใครดูถูกไม่ได้ เลือดขึ้นหน้า ถึงยังไงเธอทำผิดก็ต้องยอมรับผิด ถึงแม้พอจะรู้บ้าง จากสายตาที่ส่งมาให้เธอของชายหนุ่มมันจะแปลกๆ อยู่บ้าง ทั้งที่มีสาวสวยข้างกาย เขายังส่งสายตาประหลาดให้กับเธออีก เจ้าชู้ตัวพ่อเลยละนายหล่อนี่ คงคิดว่าตัวเองแน่ สายธารคิดจะสั่งสอนเขา แต่แหม เขาหล่อเป็นบ้าเลยว่ะเพื่อนๆ สายธารเปิดประตูรถหยิบกระเป๋าสะพายโดเรม่อน ซึ่งมีทุกอย่างในนั้น ควานหากระดาษแผ่นเล็กๆ ส่งให้ชายหนุ่ม เขารับไปด้วยความพอใจ
“ค่อยสบายใจหน่อย” เขาพูดเสียงเบา แต่คนที่ช่างสังเกตอย่างน้ำรินยืนไม่ห่างจากสายธารได้ยินถนัด
ขณะที่ทุกคนกำลังใจจดจ่อรอประกันของชายฝ่ายต้นน้ำเพื่อจัดการถ่ายรูป ลงบันทึกในเอกสาร ช้ากว่าประกันของสายธารร่วมชั่วโมง หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย สามสาวก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่เหมือนเดิม แปลกใจกับรอยโดนชน ทึ่งกับประสิทธิภาพเกินคำบรรยายของรถยนต์คันงามคันนี้จริงๆ
“ไม่อยากเชื่อเลยนะเว้ย รถของดร.น้ำเหนือ ไม่มีแม้รอยขีดข่วน ดูรถนายนั่นสิ ทั้งที่เป็นรถกระบะ กันชนแข็งขนาดนั้นยังบุบตั้งเยอะ” สายธารรู้สึกสงสัย พอๆ กับอีกสองสาวเพื่อนรัก ทำด้วยวัสดุอะไรหว่า แข็งเป็นบ้า “กลับไปต้องไปถามดร.ซะหน่อย” น้ำรินไม่เคยเห็นอะไรที่มหัศจรรย์แบบนี้มาก่อน นายนั่นไม่เคยเล่าอะไรให้เธอฟังเลยเกี่ยวกับรถคันนี้ หรือต้องการเซอร์ไพร้ส์พวกเธอกัน
“นั่นน่ะสิ” ธารานั่งหลังเห็นด้วย กับความสงสัยนั้น
“น้องจาเรากลับดีกว่าฤกษ์ไม่ดีแล้ว ไม่ต้องไปทานมันหรอกไอ้อาหารทะเลเลิศรสอะไรของน้องจา” ชายหนุ่มรู้สึกอารมณ์ไม่ดี เมื่อสาวน้อยหลังพวงมาลัยจากไป หมดอารมณ์จะนั่งรับประทานอาหารกับกุลจา งานนี้มารดาของต้นน้ำขู่บังคับให้เขาพากุลจามารับประทาน เขาเลี่ยงคำสั่งนั้นไม่ได้
“แต่น้องจาหิวนะคะพี่ต้น” หญิงสาวอิดออด นานๆ เธอเองจะได้มีโอกาสอยู่ลำพังกับชายหนุ่ม เขาบ้างาน บ้าจับผู้ร้าย บ้าได้ทุกเรื่อง กุลจาจึงต้องการตักตวงช่วงเวลานี้ขณะนี้ไว้กับเธอให้นานที่สุด
“เอาไว้พี่จะพามาทานใหม่ วันนี้กลับเถอะ พี่หงุดหงิด” สิ่งที่ทำให้ต้นน้ำหงุดหงิดน่าจะเป็นสาวน้อยที่เพิ่งบึ่งรถจากไป เขาเสียดาย อยากรู้จักเธอมากกว่านี้ ทิ้งสายตาติดพ่วงท้ายรถไปด้วย รถคันที่อาจจะเรียกว่าแข็งที่สุดในโลกก็ว่าได้ ขนาดชนเขาเข้าอย่างจังแต่กลับไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย แอบแปลกใจแต่ก็เก็บความประหลาดใจสงสัยนั้นไว้ภายในใจ
“พี่ต้นน่ะ ทำอย่างนี้กับน้องจาเรื่อยเลย” หญิงสาวสะบัดสะบิ้งผิดหวังมากมาย ปกติต้นน้ำจะไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ หญิงสาวมักจะไปหาต้นน้ำยังสำนักงาน และทุกครั้งเขาจะตั้งใจและมุ่งมั่นจดจ่ออยู่กับการทำงานแทนที่จะสนใจเธอบ้าง พอคราวนี้มีโอกาสนั่งรถมาด้วยกันโดยได้มารดาของทั้งเธอและต้นน้ำยื่นมือเข้ามาช่วย กลับพลาดโอกาสอันดีอีก กุลจาใช้ความสนิทชิดเชื้อฝ่ายมารดาเพื่อเข้าใกล้และอาจจะโชคดีถึงขั้นได้แต่งงานกับต้นน้ำ แต่กลับมียัยสามสาว สวยมาก (น่าหมั่นไส้) แจ้นเอารถสวยมาจูบท้ายรถของชายหนุ่ม ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอวาดหวังไว้มลายหายไปในพริบตา เมื่อเขาเปลี่ยนใจหันหัวรถกลับ ไม่สนใจพาเธอไปนั่งรับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศเลิศหรู ตามที่ได้ตกลงกันไว้ (เจอที่ไหนจะฆ่าทั้งสามคนเลย คอยดู)
“ล็อกเป้าหมาย ที่สิบสองนาฬิกา” สายธารพูดเสียงเบาผ่านเครื่องมือสื่อสารจิ๋วที่ติดอยู่กับหูไปยังน้ำรินและธารา ที่อยู่อีกฟากของสนามบิน
“หยางฟง เล่ย มาแล้วใช่ไหม” ธาราถามขึ้นเพราะเธออยู่ด้านนอกของสนามบิน
“ใช่ แกสองคนเตรียมตัวให้พร้อม คนพร้อม อุปกรณ์พร้อม ทุกอย่างต้องเสร็จภายในห้าวินาที”
“แน่นอน วางใจได้มือชั้นนี้แล้ว” น้ำรินและธาราย้ำถึงความพร้อมของตัวเอง ส่งเสียงผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารพร้อมๆ กัน
หลังจากพวกเธอไปลองรถกันจนหนำใจ พอกลับมาก็มีภารกิจด่วนให้ออกศึก พวกเธอทั้งสามจึงต้องปลอมตัวปะปนอยู่กับผู้โดยสารของสนามบินนานาชาติ เพื่อรอต้อนรับหยางฟง ที่จะเข้ามาติดต่อซื้อขายเกมใหม่กับบริษัท จีเนียส เกม ในวันพรุ่งนี้ ฉะนั้นสามสาวต้องติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมของหยางฟง เล่ย ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่ให้คลาดสายตานับตั้งแต่ก้าวแรกที่เยียบสนามบินนานาชาติของไทย
“ระวังบอดี้การ์ดทั้งสี่ของมันด้วย หูตาแพรวพราว ร้ายกว่าที่เราคิด” น้ำรินเช็กรายละเอียดของบอดี้การ์ดทั้งสี่นายของหยางฟง เล่ย พวกนี้มาจากบริษัทการ์ดที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฮ่องกง ฉะนั้นจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด น้ำรินกำลังติดอุปกรณ์ติดตามตัวกับรถของพวก
“ทางฉันเรียบร้อยแล้ว” น้ำรินจัดการติดอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยเดินห่างออกมาจากรถเป้าหมาย ส่งผ่านเสียงบอกสองสาว
“น้ำเป้าหมายกำลังเดินออกไป” สายธารสั่งธาราที่รออยู่ที่ด้านนอกประตูด้านหน้า
“รับทราบ” ธาราในคราบของนักท่องเที่ยว ลากกระเป๋าเข้าไปใกล้กลุ่มของหยางฟง “บอดี้การ์ดเยอะชะมัด ท่าทางไอ้นี่จะมีศัตรูเพียบ” ธาราบ่นกับสายธารและน้ำรินผ่านอุปกรณ์
“รู้ๆ กันอยู่ ไอ้นี่ทำธุรกิจถูกกฎหมายบังหน้า เบื้องหลังเน่าเฟะ” ธาราซึ่งเยื้องย่างคล่องแคล่วว่องไวดุจนินจาสมฉายาเจ้าหญิงนินจา ใช้นิ้วมือเรียวขยับสร้อยคอรูปคิตตี้ ที่ติดตั้งกล้องส่งไปยังสำนักงานภายในห้องทดลองของดร.น้ำเหนือ เพราะเธอสวมรอยเป็นนักท่องเที่ยวหญิงญี่ปุ่น แกล้งพูดภาษญี่ปุ่นกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ธารามีทักษะทางด้านภาษาดีเยี่ยม จึงถูกส่งไปเรียนวิชาถอดรหัสลับของหน่วยข่าวกรอง
“ชัดไหมเจ้านาย”
“ชัด เก็บภาพพวกมันให้ครบทุกคน เพราะเราจะเฝ้าติดตามพฤติกรรมพวกมันทุกฝีก้าว ดูซิว่ามันมาทำอะไรที่เมืองไทย ไอ้นี่มาทีไรเมืองไทยลุกเป็นไฟทุกที” พันตำรวจเอกอเนก พูดผ่านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับสามสาว
ขณะเดียวกันสายธารกำลังให้ความสนใจกับกลุ่มของหยางฟง ไม่ได้สนใจคนรอบข้าง ด้วยความรีบร้อนเกรงเป้าหมายจะคลาดสายตา ร่างบางในชุดนักท่องเที่ยวแบบวัยรุ่นเกาหลี จึงชนเข้ากับร่างหนาของใครบางคน
“อุ้ย...ขะขอโทษค่ะ” ร่างบางปะทะเข้ากับยักษ์หรือตึกอะไรสักตึกที่ขวางหน้าเธอเอาไว้ ส่วนเธอไม่ใส่ใจจะมองเจ้าของร่างที่เธอชนแม้แต่น้อย ขอโทษได้ก็เดินจ้ำอ้าว “กลิ่นน้ำหอมคุ้นๆ” ปากก็พูดไปแต่กลับไม่ได้หันไปมอง ร่างสูงยักษ์ใหญ่ที่เธอเพิ่งชนจังๆ เมื่อครู่
“เกิดอะไรขึ้นธาร เธอมีปัญหาหรือไง” เสียงนายตำรวจชั้นยศสูงถามขึ้น
“เดินชนคนนิดหน่อยค่ะ ไม่มีอะไร”
“อย่าทำให้งานเสีย เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง ตำรวจนอกเครื่องแบบเดินกันให้เกลื่อน”
“ไฮ...เพื่อนมารอนานแล้วหรือ เที่ยวบินที่ฉันมาถึงตั้งนานแล้วแกเพิ่งมานี่นะ” สายธารเปลี่ยนเป็นแสดงละครทักทายน้ำรินที่ขับรถมาจอดหน้าสนามบิน แสร้งมารับสายธาร ซึ่งเล่นได้เนียนคิดว่าเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ ทั้งที่ในกระเป๋าลากใบโตไม่มีอะไรบรรจุในนั้นเลยสักชิ้น
“ไปรับยัยน้ำที่ตรงนั้นไม่มีกล้อง” ก่อนปฏิบัติงาน สามสาวสำรวจแล้วว่าระบบความปลอดภัยของสนามบินเป็นเช่นไร ติดกล้องไว้ตรงไหนบ้าง มีอุปกรณ์ตรวจอาวุธจุดใด ฉะนั้นพวกเธอจะไม่มีวันถูกจับได้ว่ากำลังทำอะไร ยิ่งผู้คนมากมายเดินขวักไขว่แบบนี้ด้วยแล้ว การทำงานย่อมต้องรัดกุม