บท
ตั้งค่า

ตอน 3

“ไม่ต้องปลุกฉันตื่นแล้ว” น้ำรินเดินออกจากห้องมาหยุดยืนตรงหน้าห้องของธารา น้ำรินเป็นคนตื่นง่าย อะไรนิดอะไรหน่อยที่เข้ามาในโสตประสาทการได้ยิน หญิงสาวจะรับรู้ได้หมด แม้ว่าจะเข้าสู่ห้วงนิทราแบบหลับลึกก็ไม่มีอะไรพ้นหูพ้นตาน้ำรินไปได้

“ดี ไปเร็วลงไปข้างล่างพร้อมฉัน”

“ทำไมต้องลงไป”

“ฉันจะกินข้าวหิวไส้จะขาด ก่อนฉันจะนอนจำได้ว่ากินบะหมี่ถ้วยเดียวเอง” สายธารเดินไปลากธาราลงจากเตียง พร้อมกับคว้ามือบางของน้ำริน เดินลงไปยังห้องครัวที่มีอาหารฝีมือธาราวางเรียงอยู่ในฝาชีของฝากจากมารดารอให้สายธารลงไปจัดการให้เกลี้ยง

“พวกเราสามคนมีงานหิน” ระหว่างนั่งลงตรงเก้าอี้ สายธารเอ่ยขึ้นเพื่อเรียกน้ำย่อยของสองสาวที่ถูกปลุกกลางดึกให้มานั่งมองเจ้าหญิงนิทราโซ้ยอาหารบนโต๊ะ ทั้งคู่ตื่นตัวเต็มที่จ้องหน้าสายธาร กลับมองหน้ากันสลับไปมา

รถยนต์โฟล์วิลคันใหญ่ขับเคลื่อนสี่ล้อดังกระหึ่ม เคลื่อนตัวเข้ามาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พอรถยนต์คันใหญ่โตจอดเข้าซองเรียบร้อยร่างสูงสง่าสมส่วน ด้วยส่วนสูง 185 เซนติเมตร กับเสื้อหนังสีดำ กางเกงยีนสีซีดก้าวลงจากรถตำแหน่งคนขับด้วยมาดสุขุม เขาค่อยๆ ถอดแว่นกันแดดเรแบนด์เหมือนที่ตี๋ใหญ่ใช้ไม่มีผิดเพี้ยนต่างกันที่ยุคสมัยเท่านั้น

ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปภายในตัวอาคารทรงโดม วันนี้เขาถูกเรียกให้เข้ามาที่สำนักงานเช้ากว่าทุกวัน โดยมีผู้บังคับบัญชารอเขาอยู่ก่อนในห้องทำงานส่วนตัว พันตำรวจเอกโยธิน สิทธิศักดิ์ ป้ายหน้าห้องติดไว้อย่างชัดเจน

เสียงเคาะประตูตามมารยาทดังขึ้นติดๆ กัน ร้อยตำรวจเอกต้นน้ำ สุขนิรันดร์ จึงก้าวเข้าไปตามเสียงอนุญาตของคนภายในห้อง เขายืนตบเท้าชิดต่อหน้าผู้บังคับบัญชาแล้วทำความเคารพเข้มแข็ง

“นั่งๆ ผู้กอง โทษทีที่เรียกเข้ามาแต่เช้า” พันตำรวจเอกโยธินผายมือให้ลูกน้องใต้บังคับบัญชานั่ง “ดูนี่ก่อน” แล้วทิ้งเอกสารลงตรงหน้า จั่วหัวลับเฉพาะ

ผู้กองต้นน้ำรับมา เขาทำหน้าสงสัย ความจริงสำหรับการมีชิวิตเป็นอยู่ในคราบตำรวจไทยแห่งกองปราบน่าจะชินกับเอกสารจั่วหัวแบบนี้

“ผมได้รับข่าวกรอง ส่งผ่านระบบพิเศษโดยการใช้รหัสลับ ซึ่งผมให้เจ้าหน้าที่แปลและถอดรหัส ส่งให้เมื่อคืน ได้ใจความตามในเอกสารที่อยู่ในมือคุณ อ่านซะแล้วเรามาคุยกัน”

“ครับ” ต้นน้ำคลี่เอกสารหลายใบนั้นออกอ่านทีละบรรทัดด้วยความสนเท่ห์ ทุกรายละเอียดที่อยู่ในมือ คือคดีที่ไม่คืบหน้าเมื่อห้าปีก่อนเกี่ยวกับการหายไปของพวกระดับหัวกะทิในแขนงการต่อสู้ต่างๆ รวมทั้งคนที่เป็นโรคประหลาดไร้เรี่ยวแรง ราวกับร่างที่มีวิญญาณแต่ไม่ต่างอะไรกับฝีตายซากอยู่ทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา

“คนหายไปอย่างกับมีใครอุ้มไปซ่อนอย่างนั้นแหละ คดีไม่คืบหน้า ทั้งที่ผ่านมาห้าปีแล้วก็ตาม” เสียงของพันตำรวจเอกโยธินเอ่ยขึ้นขณะที่ต้นน้ำนายตำรวจหนุ่มไฟแรงแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังใจจดจ่ออ่านเอกสารในมือ เขาละสายตาจากเอกสารเล็กน้อย มองสบตากับผู้บังคับบัญชา แววตามุ่งมั่น

“ทางเอฟบีไอ ขอความร่วมมือมายังประเทศไทย เพราะข่าวล่าสุด เชื่อมโยงเข้ากับเหตุการณ์หนึ่ง ที่เด็กมัธยมคนหนึ่งได้เข้าไปเล่นเกมการต่อสู้บ้าระห่ำ ซึ่งยังเป็นเวอร์ชั่นทดลองเล่นในเว็บไซต์หนึ่ง”

“หาเจอยังครับเว็บไหน”

“ยัง เรากำลังให้หน่วยปราบปรามคดีพิเศษ ด้านสารสนเทศค้นหาเว็บนี้อยู่ยังไม่ได้เรื่อง”

“รายละเอียดเป็นยังไงครับ” ต้นน้ำวางเอกสารลงบนโต๊ะหันมาฟังความเป็นมาเป็นไปเกี่ยวกับคดีประหลาดที่เขาเองมีส่วนในการตามสืบค้นคดีเมื่อห้าปีก่อน คดีไม่ได้จบหรือปิดไปเพียงแต่หาข้อสรุปไม่ได้ แล้วคราวนี้เขาได้รับคำสั่งให้ติดตามคดีนี้อีกครั้ง และต้องเข้มงวดมากทีเดียว

พันตำรวจเอกโยธิน เล่ารายละเอียดต่างๆ กับรายงานที่เขาได้รับเมื่อวานพร้อมหน่วยข่าวกรอง หลังจากฟังเรื่องราวที่ตัวเองพอจะได้รับรายงานมาเหมือนกันเกี่ยวกับเกมระห่ำนี้

“มันเป็นเกมการต่อสู้แบบดุเดือดที่ไม่เหมือนเกมการต่อสู้ทั่วไป มันร้ายแรงกว่าเกมที่เคยเห็นก่อนหน้านี้” ต้นน้ำกล่าวกับพันตำรวจเอกโยธิน ที่สำคัญเกมนี้ถูกเขียนขึ้นมาด้วยระบบสามมิติ สมจริง ราวกับเข้าไปอยู่ในเกมนั้นทีเดียว

“ใช่ ผู้กองต้น มันซับซ้อนกว่านั้น ตรงที่เด็กคนนั้นถูกเปลี่ยนความคิดและสมองให้กลายเป็นคนละคน จากคนที่นิ่งเฉย จิตใจดี ไม่ชอบความรุนแรง หลังจากเล่นเกมนั้นเปลี่ยนเป็นคนละคน ฆ่าคนได้ราวพลิกฝ่ามือ หันมาสนใจกับอาวุธสงครามทั้งที่ไม่มีวี่แววมาก่อน

หน้าที่ของผู้กองครั้งนี้หินเอาการ ต้องเริ่มสาวตั้งแต่คนหายไป จนถึงคนที่ป่วยเป็นโรคประหลาด มาถึงเด็กคนที่เล่นเกมนั้น ผมอ่านรายงานนี้แทบจะเอาเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากแทนมือทีเดียว” พันตำรวจเอกโยธินกล่าวเสียงเครียดจัด ไม่ง่ายเลยกับการคลี่คลายคดี

“อีกไม่กี่วันบริษัท จีเนียส เกม จะนำเข้าเกมประเภทการต่อสู้สัญชาติฮ่องกง โดยคนเขียนโปรแกรมเป็นแค่เด็กวัยรุ่นอายุสิบเจ็ดปีเท่านั้น ทางเรายังไม่รู้ว่าเกมนั้นรุนแรงแค่ไหน เพราะยังไม่มีการวางจำหน่ายที่ไหน รู้สึกว่าจะอนุญาตให้โหลดอย่างเดียวไม่มีการวางขายตามท้องตลาด มันแปลกไหมล่ะ ไม่แน่ใจว่าใช่เกมเดียวกับที่เด็กคนนั้นเล่นหรือไม่”

เด็กมัธยมปลายที่เล่นเกมการต่อสู้เวอร์ชั่นทดลอง คือ ฉางต้า ชูว์ อยู่ในฮ่องกง เด็กหนุ่มเปลี่ยนไปทุกอย่าง ไม่ว่าจะนิสัย การดำรงชีวิต แม้กระทั่งการคบเพื่อน ชีวิตเขานำพาไปสู่การเป็นอาชญากรเยาวชนหลังจากเล่นเกมนั้นประมาณสามครั้ง จิตใจที่เคยชอบความสงบกลับกลายเป็นโปรดปรานความรุนแรง

“ผู้กองต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของบริษัท จีเนียส เกม ให้ดี รู้สึกหยางฟง เจ้าพ่อแห่งสื่อของฮ่องกง จะเดินทางเข้ามาติดต่อซื้อขายเกมนี้เอง เราไม่รู้แน่ชัดอีกละว่าเขาซื้อลิขสิทธิ์เกมนี้จากเด็กคนนั้น หรือยังไง เพราะหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ข่าวเด็กคนนี้อีกเลย”

“ฉะนั้นเป็นหน้าที่หน่วยผมใช่ไหมครับที่จะต้องหาความกระจ่างให้ได้ทุกประเด็น”

“ถูก คราวนี้ผู้กองต้องเตรียมทีมให้พร้อม ผมอนุญาตให้ผู้กองเลือกคู่หูได้ตามความต้องการ ส่วนหน่วยข่าวกรองจะส่งข่าวให้เราเป็นระยะเพื่อสะดวกในการทำงาน” พันตำรวจเอกโยธินกล่าวเสียงเครียดอีกครั้ง คดีนี้ทำให้เขาเครียดร่วมหลายชั่วโมง ไม่ต่างอะไรกับเมื่อห้าปีก่อน ความจริงถ้าไม่มีแชมป์มวยโลกของไทยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย คดีนี้คงไม่เกี่ยวข้องกับไทย

สองวันหลังจากนั้น ภายหลังที่สามสาวหาต้นสายปลายเหตุได้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน ทั้งพยายามค้นเอกสาร รื้อแฟ้มคดีเก่าจากการแฮกเข้าแฟ้มคดีของกรมตำรวจ รวมทั้งค้นหาสืบเสาะตามเว็บไซต์ร่วมร้อยเว็บไซต์ จึงได้ข้อสรุปที่น่าจะเกี่ยวโยงไม่มากก็น้อย สามสาวนั่งอยู่ที่ห้องทดลองและห้องทำงานของดร.สติเฟื่องทว่าชาญฉลาดสุดขั้วอย่าง ดร.น้ำเหนือ พร้อมด้วยพันตำรวจเอกอเนก กรรภัย ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของสามสาวสายลับแห่งสายน้ำ

“ได้ความคืบหน้ายังไงน้ำริน” นายตำรวจอาวุโสเอ่ยถามเจ้าหญิงไฮเทค อยู่ทางด้านหลัง

“ได้เรื่องแล้วค่ะ ทุกคดีทุกเหตุการณ์น่าจะเกี่ยวเนื่องกัน”

“ยังไง” เสียงนั้นยังเป็นของท่านอเนก จากนั้นทุกสายตาหันมาทางน้ำรินเป็นตาเดียว

“ตอนนี้ข่าวล่าสุด คือ ทางเจ้าหน้าที่เอฟบีไอของสหรัฐ ได้ค้นพบโครงกระดูก ที่คาดว่าน่าจะเป็นบุคคลที่หายไปเมื่อห้าปีก่อน โดยส่งหลักฐานและกระดูกเหล่านั้นไปที่นิติวิทยาศาสตร์เพื่อตรวจ ดีเอ็นเอ (DNA) ผลสรุปออกมาว่า ตรงกับพวกที่หายไปทั้งหกคน โดยพบอยู่ที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง” แล้วสายธารเป็นผู้เล่าต่อจากน้ำริน ถึงความกระจ่างที่เชื่อมโยงกับคดีประหลาดต่างๆ

“ผมว่าพวกคุณทั้งสามคนน่าจะไปหาข่าวเพิ่มเติมนะ”

“จะให้เราไปที่นั่นหรือคะ”

“แน่นอน”

“วันไหนคะ”

“เร็วที่สุด”

“ว่าไงคะ ดร.น้ำเหนือมีอะไรให้เราติดมือไปหรือเปล่าคะ”

น้ำรินหันมาทางชายหนุ่มแว่นโต ร่างสูง ผมเผ้ารุงรัง เกรอะกรังยิ่งกว่าสังกะตัง กับเสื้อกาวน์สีขาวซึ่งกลายเป็นยูนิฟอร์มส่วนตัว มองยังไงมันก็ไม่ค่อยขาวอย่างที่ควรเรียกว่าสีขาว น่าจะสีครีมละตอนนี้

“นี่ครับ” อุปกรณ์ชิ้นเล็กคล้ายรีโมทรถยนต์ ที่น้ำเหนือยื่นให้กับหญิงสาวใบหน้าคมเฉี่ยว ซึ่งเป็นคู่หูเขาจนรู้จิตรู้ใจกันในการประดิษฐ์อุปกรณ์ต่างๆ ในการทำงาน

“อะไรคะ ซื้อรถคันใหม่ให้ยัยรินหรือคะ ดร.เหนือ” สายธารชอบแซวน้ำรินกับดร.น้ำเหนือ คู่นี้เหมาะสมกันจะตาย

“มากกว่านั้น” เขาอธิบายการทำงานเจ้ารีโมทขนาดเล็ก ซึ่งมีคุณสมบัติไม่ธรรมดา

“โอ้ โห มันทำได้ขนาดนั้นเลยหรือคะ” สามสาวประสานเสียง ตาโต ตื่นเต้น ไม่เพียงแต่สามสาวหรอกที่กำลังอยู่ในภวังค์ความตื่นเต้นแม้แต่ผู้บังคับบัญชายังอดไม่ได้จะทำหน้าแบบนั้น

“ไม่เชื่อหรือไง”

“ไม่ใช่แต่สามสาวไม่เชื่อผมก็อึ้ง ดร.เหนือ” ผู้เป็นหัวหน้าบอกเสียงเข้มสมกับเป็นผู้บังคับบัญชาดีกรีผ่านงานมากมาย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นสิ่งประดิษฐ์ของดร.เหนือกับน้ำริน ทุกชิ้นล้วนแต่ทึ่งอ้าปากค้างทั้งสิ้น

“ช่วยเดินตามผมมาทางนี้” ดร.น้ำเหนือเดินนำทุกคน มาตรงห้องทดลองอีกห้องที่ตระเตรียมไว้สำหรับทดลองสิ่งประดิษฐ์ มิดชิดเงียบเสียง ทนทานต่อแรงกระแทกมหาศาล

“ส่งรีโมทมาให้ผมริน” เขายื่นมือไปขอรีโมทจากสาวหน้าเฉี่ยว แกล้งแตะปลายให้โดนนิ้วเรียวของหญิงสาว น้ำรินถดมือหนีเล็กน้อย เห็นว่าคนตัวเหม็นส่งสายตามีความหมายกลับมาให้ น้ำรินไม่ได้สนใจเฉไฉมองไปทางอื่น เธอไม่ชอบผู้ชายซกมก ไม่ดูแลตัวเอง

ดร.น้ำเหนือกดรีโมทปุ่มแรก ประตูรถคันหรูเปิดออกพร้อมกันสี่ด้าน แล้วอธิบายประกอบว่าจะเปิดด้านเดียวก็ได้ แต่ต้องสั่งด้วยเสียง ซึ่งจะเป็นเสียงของคนใดคนหนึ่งในสามสาวนี้เท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel