NO. 3 แสงสว่างในความมืด
NO. 3
แสงสว่างในความมืด
โรงอาหารของคณะศิลปกรรมศาสตร์ตอนเวลาห้าโมงเย็นเงียบเหงาร้างผู้คน โชคดีที่ยังพอมีร้านข้าวที่เปิดขายอยู่สามารถฝากท้องเอาไว้ได้ ผมเพิ่งจะเลิกเรียนรู้สึกเหมือนพลังชีวิตถูกสูบไปจนหมดเพราะนอกจากอาจารย์จะปล่อยเลตแล้วยังจะแถมงานตั้งแต่คาบแรกมาอีก แต่ก็ยังเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงกว่าจะเข้าห้องเชียร์ ผมเลยตกลงกับเนมว่าจะมาหาอะไรกินก่อน
“มึงกินข้าวหมูทอดไหมร้านนี้ไม่มีกระเทียม กูจะได้ซื้อมาให้ทีเดียว”
“อืม”
“เคเดี๋ยวมา มึงเฝ้าของอยู่นี่แหละ”
ผมพยักหน้าตอบรับก่อนจะก้มลงมองข้อความที่ส่งเข้ามาในโทรศัพท์ เข้าแอปฯ สีเขียวที่มีการแจ้งเตือนล่าสุด สองห้องแชตปรากฏขึ้นนอกจากจะมีห้องแชตของเนม ก็ยังมีอีกห้องแชตหนึ่งที่ส่งข้อความมานาน ๆ ครั้งและผมไม่เคยตอบกลับ
‘โอนเงินให้แล้ว ต้องการอะไรแจ้งเลขาแม่ไว้นะคะ’
ก็แต่ละครั้งที่ส่งมามันไม่มีความจำเป็นต้องตอบ
ผมเลื่อนดูข้อความเก่า ๆ ใจความก็ซ้ำ ๆ เดิมทุกอัน
‘แม่บินด่วนไปติดต่องานที่ญี่ปุ่นเดือนหนึ่งนะ’
‘ไปต่างจังหวัดอาทิตย์หนึ่งนะคะ’
‘เย็นนี้คงไม่ได้กลับนะคะ’
‘สุขสันต์วันเกิดนะคะ อยากได้อะไรแจ้งเลขาแม่ไว้นะ’
อยู่ ๆ ภาพของเด็กคนหนึ่งที่นั่งรอคนที่สัญญาว่าจะกลับมากินข้าวกับเขาในวันเกิดก็ฉายชัดขึ้นมา ภาพของสีหน้าที่ยิ้มแย้มรอคอยอย่างมีความหวัง ก่อนที่สีหน้าจะค่อย ๆ หม่นลงตามเวลาที่เพิ่มขึ้น เสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์ดังขึ้น เด็กคนนั้นก้มมองข้อความที่ส่งมารอยยิ้มที่เคยมีค่อย ๆ จางลงจนหายไป ไม่มาอีกแล้ว ถ้ารู้ว่ามาไม่ได้สักปีจะสัญญากับเขาทำไม และตั้งแต่นั้นมาคำสัญญายังคงมีขึ้นในทุกปีแต่เด็กคนนั้นก็ไม่เคยรออีกในเมื่อผลลัพธ์มันคงเดิม
เด็กคนนั้นคือผมเอง...
เคร้ง!
เสียงวางจานข้าวหมูทอดตรงหน้าเรียกสติผมที่หลุดลอยกลับคืนมา ผมรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ทำไมต้องคิดถึงเรื่องนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากจำ แต่มันก็กลับมาเล่นงานหลอกหลอนผมได้ตลอดเวลา
“มึงกินน้ำเปล่าใช่เปล่า มึงต้องกินแหละกูซื้อมาแล้ว” สกิลการพูดเองเออเองของเนมไม่มีใครจะลอกเลียนแบบได้จริง ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงของเนมมีส่วนช่วยให้ผมหยุดคิดถึงเหตุการณ์เหล่านั้นได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าอย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่ต้องอยู่คนเดียว
“เออสรุปเมื่อวานมึงกลับไงวะ”
“พี่สมาย...ไปส่ง”
“นั่นไง! กูว่าแล้ว มึงต้องยกความดีความชอบให้กูเลยนะ”
“ทำไม”
“ก็จริง ๆ เมื่อวานกูไม่มีธุระอะไรหรอก แต่กูคิดว่าถ้ามึงตื่นมาเจอพี่สมายแทนกูน่าจะดีกว่า” เนมพูดขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจแต่ก็ไม่พลาดที่จะเหน็บแนมผม “เผลอ ๆ ตื่นมาเจอกูมึงได้เป็นลมอีกรอบซะมั้ง”
“ขอบคุณนะ” คำพูดติดตลกของเนมทำให้ผมหลุดยิ้มด้วยความขอบคุณออกมา
“ไม่เป็นไรเห็นเพื่อนมีความสุขกูก็สบายใจ”
“อื้ม”
“เมื่อวานตอนมึงเป็นลมล้มไปกูนี่ทำอะไรไม่ถูกเลย รู้อีกทีพี่สมายที่วิ่งมาจากไหนไม่รู้ก็อุ้มมึงไปแล้ว สายตาเขาโคตรเป็นห่วงมึงอะ”
“เวอร์”
“หึ ปากบอกว่าเวอร์แล้วมึงยิ้มทำไมย้อนแย้งจริง ๆ นะมึงเนี่ย”
เถียงไม่ได้จริง ๆ ว่าตอนนี้กำลังยิ้มอยู่ ก็เรื่องที่ได้ยินมันช่วยทำให้มีความสุขขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ
“แต่พี่สมายแม่งหล่อจริงว่ะ เวลายิ้มทีขนาดกูเป็นผู้ชายด้วยกันยังแอบใจสั่นเลย”
“กูหวง”
มือที่กำลังจะตักข้าวชะงักกลางอากาศไม่ทันที่สมองจะประมวลผลปากก็รีบพูดออกไปทันที ความหวงพุ่งเข้ามาเมื่อได้ยินที่เนมพูด ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะเก็บพี่ดาวเหนือไว้ดูคนเดียว แต่ก็คงลืมความจริงข้อหนึ่งที่ว่า…ผมไม่มีสิทธิ์
“โธ่ไอ้เด็กขี้หวง กินข้าวไปเลย”
เนมทำสายตาล้อเลียนยื่นมือมาโยกหัวผมหนึ่งทีพร้อมทำท่ายอมแพ้ ผมก้มลงกินข้าวต่อพร้อมคำถาม ทำไมถึงหวง ผมไม่ใช่คนขี้หวง และ ผมไม่เคยหวงใคร แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกหวงอย่างห้ามไม่อยู่
ผมหวงพี่จริง ๆ นะ
----
วันนี้เนมบอกผมว่าจะมีการจับสายรหัส ทุก ๆ คนดูตื่นเต้นจนกลายเป็นความคึกคักเดินไปทางไหนก็มีแต่คนคุยกันเรื่องจับสาย ผมเหลือบตามองคนข้างตัวที่ทำตัวขยุกขยิกไม่หยุดตั้งแต่ที่มานั่งในแถวด้วยความสงสัย
“เป็นอะไร”
“กูตื่นเต้นมึงว่าพี่รหัสกูจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายวะ”
“ไม่รู้”
“แต่จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ช่างเถอะ ขออย่างเดียวขอพี่ที่เปย์หนัก ๆ ด้วยเถิดสาธุ”
เนมพนมมือขึ้นขอพรต่อดิน ฟ้า อากาศ ผมมองด้วยความเหลือเชื่อมันต้องขนาดนี้เลยเหรอ ดูแล้วมันคงเป็นความสบายใจส่วนบุคคลที่ผมน่าจะไม่มีวันเข้าใจ
การจับสายรหัสเริ่มขึ้นโดยวิธีการคือล้วงจับโค้ดจากกล่องที่พี่ถืออยู่ด้าน หน้า โดยทยอยไปจับทีละแถว แถวผมเป็นแถวสุดท้าย รอนานจนขี้เกียจจะตื่นเต้นแล้วนี่คือสิ่งที่เนมบอกผม เนมทำหน้าเฉาเหมือนต้นไม้ขาดน้ำมองดูเพื่อน ๆ เดินไปจับโค้ดตาละห้อย เห็นแล้วก็อดขำเพื่อ แสดงความสงสารไม่ได้จริง ๆ พอเนมเห็นผมหลุดขำออกมาก็ชี้หน้าคาดโทษ ก็ดูทำหน้าเข้าสิจะไม่ให้ขำได้ไง
“แถวสุดท้ายลุกมาจับเลยค่ะ”
พวกผมลุกขึ้นไปจับและด้วยความที่ผมกับเนมเป็นสองคนสุดท้ายฉลากเลยเหลือแค่สองอัน ผมให้เนมเลือกก่อน คนที่ตื่นเต้นสมควรได้เลือกก่อนส่วนผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว
“อะไรวะเนี่ย!”
เสียงเนมที่ดังขึ้นตอนเปิดม้วนกระดาษออกมาทำให้ผมที่กำลังจะแกะดูบ้างหันไปดูอย่างสนใจ
“อะไร”
“มึงดู”
เนมยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่เขียนโค้ดพี่รหัสมาตรงหน้าเพื่อให้ผมอ่าน
‘มองไม่เห็นด้วยตา แต่ใช่ว่าจะไม่มี’
“บอกกูมาแค่นี้จะหาเจอได้ไง”
เสียงโวยวายยังคงไม่หยุดลง เนมก้มลงมองกระดาษในมืออย่างใจจดใจจ่ออย่างกับว่าถ้าจ้องไปนาน ๆ อาจจะมีคำใบ้เพิ่มขึ้นมาอีก ถ้ากระดาษมันทะลุได้ผมคิดว่ามันน่าจะทะลุไปแล้ว ก็เล่นจ้องเขม็งซะขนาดนั้น
“ใจเย็น ค่อยหา” ผมเอ่ยปากพร้อมตีไหล่คนข้าง ๆ ให้สงบสติลง จริงจังอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้
“ของมึงเขียนว่าไงบ้าง”
เมื่อเนมพูดขึ้น ผมก็เพิ่งคิดได้ว่ายังไม่ได้เปิดกระดาษของตัวเองดูเลย ผมค่อย ๆ คลี่กระดาษที่ดูบอบบางเหมือนผ่านเหตุการณ์อะไรบางอย่างออกนี่ถ้าคลี่ออกแรง ๆ กว่านี้กระดาษอาจจะสลายคามือแน่ ดูแล้ว
‘ID LINE : COMPASS04’
“หืมเจ๋งว่ะมาเป็นไอดีเลยเหรอ”
เนมที่ยื่นหน้ามาดูเอ่ยปากพูดด้วยใบหน้าชื่นชมก่อนจะก้มลงมองกระดาษของตัวเองอีกทีแล้วถอนหายใจ
“อย่างงี้มึงก็คุยกับพี่รหัสได้เลยดิ”
“...” ผมพยักหน้าตอบรับ พอใจกับคำใบ้ที่ได้มาผมไม่ชอบอะไรวุ่นวายไม่ชอบตามหา ถ้านี่คือการที่ผมจะได้คุยกับพี่รหัสเลยก็ถือว่าดี จะได้ รู้ว่าพี่รหัสเป็นยังไงไม่ต้องรอลุ้นวันเฉลย
“ของกูคงอีกนานกว่าจะได้คุย ช่วยกูหาด้วยนะ”
“ได้” แน่นอนว่าผมไม่ทิ้งให้เนมหาคนเดียวหรอกเห็นหน้าหงอย ๆ ไปใครจะใจดำไม่ช่วยได้
ห้องเชียร์ดำเนินต่อหลังจากจับสายรหัสเสร็จ กิจกรรมของวันนี้คือการร้องเพลงมีบางช่วงที่พี่สันทนาการเข้ามาช่วยผ่อนคลาย และก็มีบางช่วงที่พี่ว้ากจะเข้ามาว้ากสร้างความกดดันให้เครียดเล่น ๆ วันนี้ไร้วี่แววคนที่ขับรถไปส่งผมเมื่อวานก็คิดไว้แล้วว่าพี่เขาคงไม่มา เนมบอกว่าได้ยินคนคุยกันเรื่องที่พี่ดาวเหนือทำงานพิเศษทุกวันเลยไม่มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ผมยอมรับได้พี่เขาคงไม่ว่างจริง ๆ ผมเข้าใจ กิจกรรมห้องเชียร์กินเวลาไปนานกว่าห้องเชียร์จะเลิกก็ปาไปทุ่มกว่า
เข้าห้องเชียร์ไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดจนตอนนี้มืดสนิทมีแค่แสงไฟคอยส่องสว่างตามทางเดิน ผมเดินแยกกับเนมเพื่อกลับคอนโดระหว่างทางมีผู้คนมากมายเดินสวนกัน ผมยังไม่ค่อยชินกับภาพเหล่านี้เห็นทีไรก็รู้สึกดี ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ออกมาเดินเล่นและใช้ชีวิตแบบนี้คนเดียว มัน เป็นความรู้สึกที่ดีจนคิดว่าฝันไป
และถ้านี่เป็นฝันจริง ๆ ผมก็คงไม่อยากตื่น
----
เสียงกดรหัสจบลงพร้อมกับประตูห้องที่เปิดออก ไฟในห้องเปิดสว่างต้อนรับคนมา ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรงปิดเปลือกตาลงช้า ๆ ก่อนจะเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อคิดขึ้นได้ว่าลืมอะไรไป ผมหยิบเอากระดาษที่ได้วันนี้ออกมาจากกระเป๋ากางเกง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกรอกไอดีไลน์ที่ได้มาวันนี้ลงไป
‘N⬆’
เมื่อกดค้นหา ชื่อบัญชีหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาอักษรภาษาอังกฤษหนึ่งตัวกับอีโมจิอีกหนึ่งตัวไม่มีอะไรที่สามารถบอกตัวตนของเจ้าของบัญชีได้ ผมกดแอดเพื่อนไปก่อนจะเข้าไปดูรูปภาพโปรไฟล์เป็นภาพตัวการ์ตูนตัวสีเหลือง ๆ รูปร่างคล้ายฟองน้ำที่ยืนยิ้มสดใสส่งมา ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร ไม่มีอะไรที่สามารถบอกได้จริง ๆ ว่าคนคนนี้คือใคร
P-S : สวัสดีครับ
P-S : ส่งรูปแล้ว
P-S :นี่เป็นคำใบ้ของพี่ใช่ไหมครับ
ผมตัดสินทักไปพร้อมส่งรูปคำใบ้ที่ได้มาวันนี้เพื่อยืนยันตัวตนและเพื่อยืนยันว่าคนฝั่งนู้นใช่พี่รหัสของผมหรือเปล่า ถ้าเทียบกันระหว่างในแชตกับความจริงผมน่าจะถนัดพิมพ์มากกว่าอาจเพราะว่ามันไม่ได้เห็นหน้าคนที่สนทนาด้วยเลยมีความกล้าที่จะคุยออกไป
รอไม่นานเมื่อข้อความขึ้นว่าอ่านแล้วข้อความตอบกลับก็ถูกส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว
N⬆ : ใช่ นั่นคำใบ้ของพี่เอง
N⬆ : น้องเป็นคนจับได้ใช่ไหม
N⬆ : น้องชื่ออะไร?
P-S : ชื่อปีแสงครับ
N⬆ : ว้าววววว
P-S : ครับ?
N⬆ : ไม่มีอะไร ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องปีแสง
P-S : พี่คือใคร
N⬆ : อยากรู้เหรอ
N⬆ : พี่ต้องบอกไหมเนี่ยยยย
N⬆ : พี่ไม่บอกดีกว่าเดี๋ยวไม่ตื่นเต้น
ต่อให้ผมไม่เห็นหน้าของฝ่ายตรงข้าม แต่ผมคิดว่าผมรู้ว่าหน้าคนคนนี้ตอนพิมพ์ตอบมาต้องกวนประสาทมากขนาดไหน
P-S : อยากรู้ครับ
N⬆ : อยากรู้ก็ต้องหาเอาเองน้า
P-S : หาที่ไหน
N⬆ : นั่นสิพี่หาตัวยากซะด้วยน้องคงต้องพยายามแล้ว
คำพูดที่ส่งต่อผ่านทางตัวอักษรสามารถบอกผมได้สิ่งหนึ่งที่ว่าคนคนนี้เป็นคนอารมณ์ดี คุยเก่ง และเป็นคนขี้เล่นมากขนาดไหน
P-S : งั้นก็ไม่อยากรู้
N⬆ : เฮ้ยยยย
N⬆ : อย่าเทแบบนี้ดิ มาหาพี่ด้วย
N⬆ : พี่อยากเจอน้องรหัสพี่จะตายแล้ววววว
N⬆ : ต้องมาหาพี่ด้วยนะ พี่น่ารักมากถ้าไม่ยอมหาพี่แล้วจะเสียใจนะ
ไม่รู้เพราะอะไรพอได้อ่านข้อความของคนที่เป็นพี่รหัสตั้งแต่เริ่มคุยจนถึงตอนนี้ มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาไม่ยอมหยุด
เจอคนแปลกอีกแล้ว...
P-S : งั้นจะหาครับ
N⬆ : พูดจริงนะ
P-S : ครับ
P-S : อยากเจอ
หลังจากที่ได้คุยกันนี่คือความรู้สึกเดียวที่ผมรู้สึก
อยากเจอ..
N⬆ : แล้วพี่จะรอเจอน้อง
มันเป็นความคุ้นเคยที่ไม่เคยรู้จัก ย้อนแย้งในตัวของมันเองโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
----
ครืด ครืด
หน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะสว่างวาบขึ้นเป็นสัญญาเตือนว่ามีคนส่งข้อความเข้ามา ผมที่กำลังจะเคลิ้มหลับไปพร้อมกับเสียงบรรยายจากอาจารย์ที่ยืนพูดด้านหน้าห้องในอีกไม่กี่นาทีก็สะดุ้งขึ้นมาก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
N⬆ : วันนี้มีเรียนไหม?
P-S : เรียนอยู่ครับ
N⬆ : ห้องไหน
P-S : ห้องเรียนรวมหนึ่งครับ
ข้อความที่ขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ไม่มีข้อความใด ๆ ตอบกลับมาทำให้ผมละความสนใจเลือกจะทำเป็นสนใจที่อาจารย์พูดแทนที่จะสงสัยว่าพี่เขาทักมาทำไม คงไม่มีอะไร
แต่ไม่นานโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีกรอบผมหยิบขึ้นมาดูด้วยความมึนงง โทรศัพท์ไม่เคยมีแจ้งเตือนถี่แบบนี้มานานแล้ว มันเลยทำให้ผมไม่ค่อยชิน
N⬆ : ออกมาหน้าห้องแป๊บหนึ่งได้ไหม
ถึงจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่ถ้าได้ลุกไปยืดเส้นยืดสายหน่อยก็คงจะดีขึ้น
"มึง เดี๋ยวมา"
ผมหันไปสะกิดบอกเนมที่นอนฟุบหน้าไปตั้งแต่ต้นคาบจนตอนที่ผมสะกิดก็ไม่มีสัญญาณอะไรส่งกลับมา ผมไม่รอการตอบรับจากเนม ลุกขึ้นเดินตรงออกนอกห้องไปแบบเงียบ ๆ
หน้าห้องเรียนมีผู้คนบางเบาอาจจะเพราะตอนนี้เป็นเวลาเรียนอยู่คนที่ออกมาก็จะมีแค่คนที่ออกมาเข้าห้องน้ำหรือทำธุระส่วนตัวเท่านั้น ผมมองซ้ายมองขวาก็ไม่พบความผิดปกติอะไร นี่ผมออกมาทำอะไร
ผมทิ้งตัวนั่งลงตรงที่นั่งหน้าห้องก่อนจะหยิบโทรศัพท์เพื่อจะทักไปหาคนที่บอกให้ผมออกมา มีอะไรกันแน่ แต่ยังไม่ทันได้พิมพ์กลับไปก็รู้สึกได้ถึงแรงสะกิดที่ด้านหลัง ผมหันกลับไปมองด้วยความสงสัยก่อนจะเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นตกใจแทน
พี่ดาวเหนือ...
“แฮร่!!”
ทำไมมาอยู่ตรงนี้...
“น้องตกใจเหรอนิ่งไปเลย พี่ขอโทษ” พี่ดาวเหนือพยายามขอโทษขอโพยยกใหญ่ ผมไม่ได้ตกใจผมแค่
ตึกตัก ตึกตัก
เขิน...
“น้องยกโทษให้พี่นะครับ คุยกับพี่หน่อย”
หน้าตาอ้อนวอนตรงหน้าสร้างดาเมจรุนแรงกับใจของผมมากเกินไปแล้ว
“...ครับ”
“เย้พูดแล้ว นี่ของน้องครับ”
อยู่ ๆ พี่ดาวเหนือก็ยื่นถุงขนาดใหญ่มาให้ตรงหน้า ผมรับมาแบบงง ๆ พอเปิดดูข้างในถุงพลาสติกมีขนมหลากหลายยี่ห้อถูกอัดแน่นเต็มไปหมด ทำไมถึงเอามาให้ผม
“ของผม?”
“ใช่ครับ พี่รหัสน้องฝากให้พี่เอามาให้”
“อ๋อครับ”
“และมันก็ฝากมาบอกว่า มันหล่อมากน้องหาไม่ยากหรอก มันรอเจอน้องอยู่นะ”
“ขอบคุณครับ” ไม่รู้ว่าขอบคุณคนข้างหน้าหรือขอบคุณพี่รหัสกันแน่ที่ทำให้ผมได้เจอกับรอยยิ้มของผม
ขอบคุณจริง ๆ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ไปก่อน กินให้หมดเลยนะมันจะได้ซื้อมาให้อีก”
“...” ผมพยักหน้าตอบรับมองรอยยิ้มของคนตรงหน้าไม่ละสายตา ชอบจังเห็นกี่ทีก็ชอบไม่เคยเบื่อ
“ตั้งใจเรียนนะครับ”
มือใหญ่ที่เอื้อมมาลูบหัวผมทำให้บรรยากาศรอบข้างนิ่งสนิทที่เคลื่อนไหวได้ตอนนี้ก็คงจะเป็นแค่พี่ดาวเหนือ รอยยิ้มสุดท้ายถูกส่งมาให้ก่อนที่คนเป็นพี่จะหมุนตัวแล้วเดินออกไป พี่ดาวเหนือเดินออกไปแล้วทิ้งไว้แค่ผมที่ยังยืนค้างอยู่ท่าเดิมที่เดิม มือหนึ่งยกมาจับหัวตัวเองตรงบริเวณที่ได้รับสัมผัส เมื่อครู่ความอบอุ่นยังคงหลงเหลืออยู่ ถึงจะบางเบาแต่ก็รู้ว่ามันเคยเกิดขึ้น
พี่จะทำให้ผมชอบพี่ไปถึงไหน...