ไม่มีอะไรจัดการไมไ่ด้
หวังต้าฉินหัวหด
“อาจารย์ แต่ว่าศิษย์น้องหยางหว่านไม่ยอมหลับนอน ร้องไห้โวยวายจะหามารดาของนาง จูจ้านจนปัญญาจึงนำศิษย์น้องมาให้ข้าช่วยดูแลทว่านางกลับยิ่งร้องไห้ หนักกว่าเดิมคราวนี้เป็นศิษย์น้องจี้โม่ ที่เห็นศิษย์น้องหยางหว่านร้องก็ตะเบ็งเสียงร้องไห้ตามกันทำเอาปั่นป่วนไปทั่วสำนัก อาจารย์ตั้งแต่หัวค่ำถึงตอนนี้ พวกเราหามีใครได้หลับนอนไม่ แต่หากอาจารย์กำลังฝึกจิตทำสมาธิเช่นนั้นต้าฉินไม่กวนแล้ว”
ปู้ตานซินส่ายหัวไปมายกหมอนที่อุดหูออกเสีย
หวังต้าฉินศิษย์เอกคนโตรุ่นแรก ที่ทุกคนในสำนักยกเว้นปู้ตานซิน ต้องเรียกว่าศิษย์พี่ใหญ่ เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ดั้นด้นขึ้นเขามาอย่างยากลำบาก พอสำเร็จวิชาแล้วก็ไม่ลงเขา ปวารณาตัวรับใช้เขาตั้งแต่บัดนั้นจะว่าไปหวังต้าฉินหน่วยก้านไม่เลว อีกทั้งนิสัยใจคอดีกว่าศิษย์คนอื่น หากจะพูดอีกทีหวังต้าฉินโง่งมเป็นไม้กันหมาให้เขาได้อย่างดี คำพูดติดปากของหวังต้าฉินคือ ไม่ว่าอาจารย์จะตัดสินใจอย่างไรล้วนถูกต้องเสมอ
“พวกเจ้าลำบากกันเพียงนี้ ข้ายุติการฝึกจิตไว้เพียงเท่านี้ก่อน นำเด็กน้อยทั้งสองมาที่นี่”หาได้ละอายใจคำหลอกลวงไม่ก็ใช้จนเคยตัว
“ขอบคุณอาจารย์ ศิษย์ซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
จูจ้านกับ เหมยกัวสองศิษย์หญิงอุ้มหยางหว่านกับจี้โม่มาที่ห้องของปู้ตานซิน
ปู้ตานซิน แสดงสีหน้าเรียบเฉยกอดอกเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เสียงสะอื้นไห้ ดังแว่วเข้ามา หยางหว่านตาแดงด้วยผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก จี้โม่เมื่อเห็นปู้ตานซินกลับเงียบเสียงลงทันที
“อาจารย์”
“อืม พวกเจ้าไปพักเสียไม่ได้นอนกันทั้งคืนทิ้งพวกเขาไว้แล้วไปเสีย”
รับเอาหยางหว่านมาอุ้มไว้
คนทั้งหมดประสานมืออกไป
“ใครกันหวั่นไหวใครกันมีน้ำตาก่อนกัน”
หยางหว่านมองปู้ตานซินด้วยดวงตากลมโตทว่าแดงก่ำ
“จี้โม่น้อย ไปนอนที่นอนอาจารย์เสีย หยางหว่านบอกข้ามาเจ้าเช่นไรจึงร้องไห้”
จี้โม่เดินไปปีนขึ้นแท่นนอนอย่างว่าง่าย นอนฟังคำสนทนา
“ข้า ข้าข้า ...คิดถึงท่านแม่ปกติท่านแม่จะตบตูดให้ข้านอนในยามค่ำคืน”
“อืมแล้วทำไมไม่บอกศิษย์พี่เจ้า เอาแต่ร้องแล้วใครเขาจะรู้”
หยางหว่าน ซุกใบหน้าน้อยลงบนอก
“อาจารย์ก็กล่อมข้าน้อย ท่านพ่อป้อก้านบอกข้าว่าอาจารย์ใจดีที่สุด”
“ท่านพ่อก็บอกข้าว่าอาจารย์ใจดีที่สุดอยู่ใกล้อาจารย์จึงดี เช่นนั้นอาจารย์ตบตูดให้ข้าหลับไปด้วยจะได้ไหม”
จี้โม่พูดเจื้อยแจ้ว ปู้ตานซินถอนหายใจ เจ้าเด็กสองคนนี้หากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับพวกเขาจะยังพูดแบบนี้ไหม
“เช่นนั้นนอนเสียข้าตบตูดให้เจ้าทั้งสองนอนหลับจะดีไหม ต่อไปห้ามร้องโยเยขึ้นเขามาแล้วยากจะลงไปได้ หากไม่สำเร็จวิชาเช่นไรพวกเจ้าจึงจะกลับลงไปได้ต้องใช้เวลาสิบปีขึ้นไป”
หยางหว่านยิ้มปาดน้ำตาดวงตาใสซื่อ จี้โม่เองก็กะตือรือล้นที่จะขยับตัวมาให้ ปู้ตานซินตบตูดให้หลับใหลไปด้วยความง่วงงุน จะไม่ง่วงได้อย่างไรก็นี่มันยามอิ๋นแล้ว
เผลอหลับไปพร้อมกับร่างน้อยๆข้างกายสองร่าง ปู้ต้านซินกำลังคิดว่าเขาเหตุใดต้องทำถึงเพียงนี้ เพื่อสิ่งใดกันในเมื่อเขาเพียงแค่ปลิดชีพศิษย์พี่ทั้งสอง ปลิดชีพจี้โม่จะหาข้ออ้างร้อยแปดล่อหลวงปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อให้หยางหว่านรักเขาหรือหลงรักเขาก็ไม่ยากแต่นี่เขาทำไปทั้งหมดเพื่อสิ่งใดกัน ยิ่งคิดวิ่งวนเวียนพันเกี่ยวกันวุ่นวาย
“อาจารย์ อาจารย์ขอรับ”
เสียงดังเข้ามาข้างในอีกแล้ว เจ้าซื่อบื้อหวังต้าฉิน น้ำเสียงร้อนรนเรื่องใดก้นอีก หรือว่ามีใครมาเผาสำนัก ยามไหนกันแล้วเขาเผลอหลับไปพร้อมเด็กน้อยทั้งสอง จนตะวันสายโด่ง
“อาจารย์ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
เรื่องใหญ่ เรื่องอะไรก็ช่างสำหรับหวังต้าฉินมักจะเป็นเรื่องใหญ่เสมอ
“เรื่องใดกัน”
ปรับเสียงให้เป็นปกติแม้จะงัวเงียเต็มทน เด็กน้อยสองคนพาลตื่นตามเขาไปด้วย
“อาจารย์สำนักหงซิ่งนำโดยจ้าวสำนักอาวุโส ผ่านค่ายกลขึ้นเขามาเพื่อชิงป้ายสำนักตอนนี้ศิษย์สำนักเราน้อยใหญ่ต่างพากันรวมกำลังปกป้องป้ายสำนัก บาดเจ็บกันจำนวนมาก ด้วยจ้าวสำนักอาวุโสหงซิ่งฝีมือร้ายกาจ ตอนนี้จึงเข้าถึงป้ายสำนักเรียบร้อยแล้ว”
ปู้ตานซินถอนหายใจลุกขึ้นหยิบเสื้อคุลม ทำสีหน้าเรียบเฉยหาได้ตื่นตระหนกไม่ ก้าวเดินออกจากห้องไปหยางหว่านและจี้โม่ตามไปติดๆ
“ดูแล ศิษย์น้องของเจ้าทั้งสองระวังจะเกิดอันตราย”
สำทับหวังต้าฉิน ก่อนจะสาวเท้าด้วยท่าทีสง่างามยังด้านหน้าที่เป็นที่ติดตั้งป้ายสำนักที่ทำจากไม้แผ่นใหญ่ สลักคำว่า ดุจสวรรค์สร้าง..เกาซิ่ง
ร่างสูงในอาภรณ์สีขาวสง่ามงามราวกับเทพมาจุติก้าวเดินด้วยท่วงท่าทรนง
“อาจารย์”
เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของบรรดาศิษย์น้อยใหญ่ เหล่าผู้บุกรุกต่างหันมามองท่าทีองอาจผ่าเผยกับใบหน้าหล่อเหลาที่เดินออกจากช่องทางเดิน ที่ทอดยาวด้วยหิน สองข้างเป็นแนวหินใหญ่ทอดยาวโอบล้อม ไม่บอกก็รู้ว่าต้องมีวรยุทธ์สูงส่งเพียงใดกันจึงสามารถเนรมิต ช่องทางเดินอลังการนี้ได้ เคลื่อนย้ายหินใหญ่โตมาใช้เป้นช่องทางเดิน แต่ผิดแล้วปู้ต้านซินแค่อาศัยศิษย์นับร้อยช่วยกันในวันพบปะสังสรรค์ศิษย์สำนักเกาซิ่งเมื่อปีก่อน