ครั้งหนึ่ง
ในเมื่อรับมาแล้ว ต่อไปก็ปู้ตานชินจึงจูงแขนเด็กน้อยทั้งสองยังสะพานชมจันทร์ซึ่งครั้งหนึ่งที่ตรงนี้. อีกสิบปีต่อมาจากที่เขาใช้วิชาท่องกาลเวลาสับเปลี่ยนหมุนย้อนให้มามาถึงจุดเริ่มต้นใหม่หวังว่าจะไม่ซ้ำรอยเดิม
“ข้ามีเรื่องสำคัญจะพูดกับเจ้า หยางหว่าน"
“อาจารย์มีเรื่องใดจะบอกกล่าวกับศิษย์เชิญอาจารย์ว่ามาได้เลย”น้ำเสียงเรียบเฉยบ่งบอกอารมณ์
“ข้า ข้า..ข้า…. ปีนี้เจ้าก็สิบเจ็ดปีแล้ว จะพูดอย่างไรกับเจ้าดี ในเมื่อเราล้วนเป็นศิษย์อาจารย์ ความปรารถนาในตัวเจ้าข้าไม่อาจปิดบัง”
“อาจารย์!! อาจารย์ได้โปรด สิทธิ์ต่ำต้อยไม่อาจเทียบเคียงอาจารย์”
เอื้อมมือกุมมือหยางหว่านไว้
หยางหว่านเบี่ยงตัวหลบ จะว่าไม่รังเกียจก็ไม่ใช่ นางแสดงออกซึ่งความรังเกียจในตัวเขา ปู้ต้านชินจ้องมองใบหน้างดงาม
“เจ้าไม่ได้มีใคร ข้ารู้”
“อาจารย์ข้ากับจี้โม่เติบใหญ่มาพร้อมกัน เพียงแค่ข้าไม่พูดเขาไม่พูด จึงไม่มีใครรู้ แต่ในใจข้ารู้ดี ว่าข้าไม่อาจชอบใครได้ นอกจากเขา “
“หยางหว่านแต่ในใจข้ามีแต่เจ้า”
“อาจารย์ ในใจข้ามีแต่เขา อาจารย์ได้โปรดอย่าบังคับข้าเลย”
“หากไม่แต่งกับข้าข้าจะฆ่าเขาเสีย”
“เช่นนั้นอาจารย์ก็ฆ่าข้าด้วย”
“หยางหว่าน เจ้าเป็นดั่งดวงใจของข้า อย่ากดดันข้าเลย เพียงเจ้าบอกว่าจะแต่งกับข้าข้าจะละเว้นชีวิตจี้โม่ และถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่เขาต้องการ สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก” หยางหว่านหลับตาไล่หยาดน้ำตาช้าๆ
“เจ้าก็รู้ดีว่าจี้โม่ต้องการตำแหน่งเจ้าสำนักเพียงใดถึงตอนนั้น เขาจะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ แต่ข้าต้องการมีเพียงเจ้า ให้เจ้าเลือกเอาระหว่างชีวิตเขากับความรุ่งเรืองของจี้โม่”
“ทำไมต้องเป็นชีวิตเขาด้วย อาจารย์เอาชีวิตข้าไปเถอะ”
“หากเขาตาย ข้าจะได้ครอบครองเจ้าและยังเป็นเจ้าสำนักดังเดิม”
“อาจารย์ข้ายินดีแต่งงานกับท่านแล้ว” รับคำว่ายดายแต่ภายในใจกัลบขบคิดแผนการต่อจากนี้
เช่นไรเขาจะไม่รู้ ในเมื่อเขามีเคล็ดวิชาอ่านใจ นางกับจี้โม่ก็ไม่ต่างกัน จี้โม่กระหายในอำนาจและตัวของหยางหว่าน เขามีเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือหยางหว่าน
มือสองข้างจูงมือน้อยของเด็กทั้งสองทอดอาลัยกับความผิดพลาดที่ผ่านมา ฆ่าพอ่ตายแล้วนำลุกมาเลี้ยงสุดท้ายก็แอบหลงรักลูกของคนที่เขาฆ่า แต่บัดนี้เขาไม่ได้ฆ่าพ่อของเด็กสองคนหวังว่าหยางหว่านจะไม่เกลียดชังชังเหมือนเช่นเก่าก่อน
“เจ้าสองคนต่อไปนี้ต้องเชื่อฟังอาจารย์ ข้าตั้งใจนำเจ้าทั้งสองมาดูแลอย่างดีเพื่อถ่ายทอดเคล็ดวิชา ที่ส่งต่อยังรุ่นสู่รุ่นไม่ให้สูญสลายหายไป”
เด็กน้อยทั้งสอง จับมือเขาข้างละคน มือเล็กๆนั้นยึดเกาะมือเขาไว้ดั่งที่พึ่งสุดท้าย บนดินแดนแห่งสำนักเกาซิ่ง
“จูจ้านรับเด็กน้อยสองคนไปดูแล”หนึ่งในศิษย์หญิงเพียงสองคนในแต่ละปีที่รับขึ้นเขามา เพื่อคนหนึ่งซักล้าง คนหนึ่งทำอาหารแจกจ่าย
“เจ้าค่ะอาจารย์”
“ดูแลเขาให้ดี ที่สุดคิดเสียว่าเด็กทั้งสองเป็นลูกของข้า”
อยากจะบอกเหลือเกินว่าเอามาเลี้ยงตั้งกะตัวเท่านี้ พวกเขาจะกินอยู่หลับนอนอย่างไร หากจะเอามาช้าหน่อยก็กลัวว่าจะซ้ำรอยเดิม เด็กทั้งสองจะเกลียดชังเขา สิ่งเดียวที่ต้องการคือจะเลี้ยงดูหยางหว่านอย่างไรให้ความเกลียดชังที่นางมีต่อเขาหายไป จูจ้านรับเอาหนูน้อยทั้งสองเดินผ่าน สะพานชมจันทร์จากไป
ค่ำคืนดึกสงัดปู้ตานซินหลับใหลอย่างเป็นสุข ในรอบสามปีมานี้ด้วยมีหยางหว่านและจี้โม่ มาอยู่ใกล้การเก็บศัตรูไว้ข้างกาย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลยเพียงแต่เขารู้สึกว่าที่ผ่านมา เคยมีทั้งสองคนข้างกาย
“อาจารย์….อาจารย์……”
เสียงอึกทึกจากด้านนอก ปู้ตานซินขยับกายดึงเอาหมอนปิดหูไว้แน่นสนิท ยังไม่สว่างเจ้าศิษย์เอกหวังต้าฉินเสียงดังโวยวายเรื่องใดกัน
“อาจารย์”
“อืมข้ากำลังฝึกจิต ทำสมาธิยามย่ำรุ่งใครให้เจ้าเอะอะโวยวาย”
หวังต้าฉินหัวหด
“อาจารย์ แต่ว่าศิษย์น้องหยางหว่านไม่ยอมหลับนอน ร้องไห้โวยวายจะหามารดาของนาง จูจ้านจนปัญญาจึงนำศิษย์น้องมาให้ข้าช่วยดูแลทว่านางกลับยิ่งร้องไห้ หนักกว่าเดิมคราวนี้เป็นศิษย์น้องจี้โม่ ที่เห็นศิษย์น้องหยางหว่านร้องก็ตะเบ็งเสียงร้องไห้ตามกันทำเอาปั่นป่วนไปทั่วสำนัก อาจารย์ตั้งแต่หัวค่ำถึงตอนนี้ พวกเราหามีใครได้หลับนอนไม่ แต่หากอาจารย์กำลังฝึกจิตทำสมาธิเช่นนั้นต้าฉินไม่กวนแล้ว”
ปู้ตานซินส่ายหัวไปมายกหมอนที่อุดหูออกเสีย