บท
ตั้งค่า

เรื่องเล่าของปู้ต้านซิน

การต่อสู้พันตูหน้าป้ายสำนักเกาซิ่งที่บ่งบอกว่าผู้ที่มาต้องการจะได้มันไปครอบครอง ส่วนผู้ที่ปกป้องก็สู้ยิบตาต่างยืนลิ้นห้อยหอบเหนื่อยจากการสู้รบ

“ปู้ตานซิน มอบป้ายสำนักมาให้ข้าเสียแต่โดยดี”เสียงคำรามดังลั่น

ปู้ตานซินถอนหายใจ พยักหน้าให้กับหวังต้าฉิน

“อาจารย์ศิษย์โง่งมไม่เข้าใจความหมาย”หวังต้าฉินยิ้มเจื่อนๆ

“ปลดป้าย สำนักลงมาให้ ท่านอาวุโสเง็กเต็กเสีย”

“อาจารย์ยยยยยยยย”

เสียงทัดทานด้วยความตกใจของเหล่าศิษย์ระงมไปทั่วบริเวณ

“ปลดลงมาให้เขาเสีย”

พูดดังๆด้วยเสียงเข็มดุ หวังต้าฉินทะยานขึ้นไปปลดป้ายลงมา ยื่นส่งให้อาวุโสเง็กเต็กไปถือไว้ อย่างนอบน้อม

“555 ข้าประเมินท่านสูงจนเกินไป แม้จะคิดไว้ล่วงหน้าว่าสำนักเกาซิ่งในเวลาสามปียิ่งใหญ่ได้เพียงนี้ก็เพียงแค่ราคาคุย เจ้าสำนักที่เหล่าศิษย์หลายรุ่นเรียกว่าปรมาจารย์ก็ยังหนุ่มแน่น จะมีฝีมือเพียงใดกัน ข้ากำลังคิดว่าประมือกับท่านคงไม่ต้องออกแรง ส่งป้ายสำนักมาแต่โดยดีแบบนี้นับว่าทำถูกแล้ว จึงจะได้ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บ”แววตาเย้ยหยัน

ศิษย์หลายคนทิ้งกระบี่ทรุดกายลงด้วยความผิดหวัง บ้างก็ปาดน้ำตาและหยาดเหงื่อลงทุนปกป้องป้ายสำนัก บ้างก็คิดว่าข้าเหตุใดถึงได้โง่งมเสี่ยงตายฝ่าค่ายกลขึ้นมาบนเขาเพื่อมาคารวะปรมาจารย์โง่งมอย่างปู้ตานซินเป็นอาจารย์ ยังความผิดหวังเสียจริง มีเพียงหวังต้าฉินที่ยังมีสายตาเชื่อมั่นศรัทธาในอาจารย์เหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน ปู้ตานซินเองยิ้มส่ายหน้าไปมาหาได้มีอาการเสียขวัญไม่ สีหน้ายังคงไม่แยแส ก็ในเมื่อเขารู้ดีว่าตัวเองเป็นต่อ

“เดือนจิ่วเยว่ ปกติข้าไม่รับศิษย์เพราะปิดปรับปรุงค่ายกลที่พวกท่านขึ้นมาได้ เพียงเพราะข้าปิดค่ายกลเสียครึ่งหนึ่งในเดือนนี้ เพราะอย่างนี้จึงจะบอกว่าเสี่ยวงตายขึ้นมาก้ไม่ใช่ค่ายกลถูกปิดเปิดตามใจข้า อีกอย่างอยากจะได้ป้ายสำนักราคาถูกที่ข้า... ซื้อจากตลาดด้านล่างแล้วสั่งให้ช่างแกะสลักเพียงไม่ถึงชั่วยาม ก็บอกกันดีๆ ข้าสั่งให้ศิษย์ของข้าที่มีวรยุทธ์สูงส่งผ่าค่ายกลนำป้ายสำนักไปมอบให้กับท่านอาวุโสเง็กเต็กไม่จำเป็นต้องแบกสังขารขึ้นมาเอง”

“เจ้า…. ป้ายสำนักเป็นของสำคัญเช่นไรจึงพูดแบบนี้ ”

ผู้อาวุโสเง็กเต็กเลือดขึ้นหน้าเหมือนถูกตบหน้าด้วยวาจาเชือดเฉือน

“เฮ้อ ความจริงป้ายไม้อันนี้มองไปก็สวยดี ทรงคุณค่าไม่น้อย แต่ติดที่เก่าไปหน่อย หลายเดือนมานี้ข้าว่างจึงได้รังสรรค์หยกชั้นดีจากหุบเขาเซียน มาแกะป้ายสำนักเสียใหม่ งดงามยิ่ง ข้าเองรอวันที่จะปลดป้ายอันเก่าลงพอดี ในเมื่อมีคนฟันฝ่าค่ายกลขึ้นมารับมันนับว่าดีต่อใจข้าไม่น้อย หวังต้าฉินไปหยิบป้ายหยกที่ห้องอาจารย์มาแขวนแทนป้ายไม้สัปปะรังเคนั้นเสีย”

อาวุโสเง็กเต็กกระอักเลือดสดๆ ออกมาด้วยความโมโหสุดขีดจะเป็นด้วย โดนค่ายกลเล่นงานหรืออาจเป็นเพราะ เส้นโลหิตแตกไปแล้วก็ ไม่อาจคาดเดา เหล่าศิษย์ของหงซิ่งต่าง ช่วยกันพยุง

ป้ายหยกชื่อสำนักเกาซิ่งอันใหม่งดงามด้วยฝีมือแกะสลักของปู้ตานซิน งดงาม วิ้งวับ ในสายตาของบรรดาศิษย์ทั้งหลาย ปู้ตานซินรับมาไว้ในมือทะยานขึ้นไปบน หลังคาสูงแขวนป้ายหยกไว้เห็นเด่นเป็นสง่างดงามแวววาวสวยกว่าของเก่าที่ขมุกขมอม

“ปะปะ ไปชิงป้ายหยกอันนั้นมา”

อาวุโสเง็กเต็กยังไม่วาย

“หวังต้าฉินอาจารย์กระหายอยากจะดื่มชา”

ท่ามกล่างสายตา งงงันของคนทั้งหลาย แต่ปู้ตานซินกลับเพียงว่าท่าให้สง่างาม เหมือนเทพสวรรค์มิได้ความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง หวังต้าฉินไปยกจอกชามาก่อนจะนั่งลงบีบนวดให้กับปู้ตานซิน

เหล่าศิษย์หงซิ่งกระโดดตามขึ้นไปหมายปลดป้าย แต่มีบางอย่างที่ผลักร่างของเหล่าศิษย์ที่ทะยานเข้าไปไม่แม้แต่จะเข้าใกล้

“ข้า ส่งพลังยุทธ์หมุนเวียนอยู่ในป้ายหยก หากข้าไม่อนุญาตใครก็ไม่บังอาจแตะต้องป้ายชื่อสำนัก พวกเจ้าต่อไปก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาปกป้องป้ายสำนักให้วุ่นวายเอาเวลาไปฝึกปรือวิชาของสำนักเราจะได้เก่งเหมือนอาจารย์จะดีไม่น้อย”

เหล่าศิษย์ต่างยิ้มย่อง อาวุโสเง็กเต็กหมดสติไปแล้ว ปู้ตานซินกวักมือเรียกสองเด็กน้อยทั้งสอง

“จูจ้าน ยกอาหารสำหรับศิษย์น้องกับอาจารย์ข้าหิวเต็มทนแล้ว หวังต้าฉิน เปิดทางส่งคนลงเขา ขึ้นมาก็สะบักสะบอมหากไม่ฝึกยุทธ์กับข้าเป็นเวลาหนึ่งปีเกรงว่าจะผ่านค่ายกลของเกาซิ่งไปไม่ได้เกรงว่าอาวุโสเง็กเต็กอาจสิ้นชื่อเช่นนั้นให้คนนำป้ายและเปิดทาง”

หวังตาฉินยิ้ม ผายมือเชิญเหล่าศิษยานุศิษย์ของหงซิ่งที่ หันหน้าหันหลังเลิ่กลักหวาดกลัวและไม่แน่ใจบางคนถึงกับทรุดกายลง คุกเข่าตรงหน้าปู้ตานซิน

“ข้าน้อยคารวะอาจารย์”หลายคนเริ่มลังเลไม่ยอมลงเขายินดีคารวะปู้ตานซินเป็นอาจารย์ทว่า

“เดือนจิ่วเยว่ข้าไม่รับศิษย์ รอเดือนต่อไปฝึกปรือตัวเองให้กล้าแกร่งค่อยขึ้นมาคารวะข้ายังไม่สาย”

หวังต้าฉินผายมือเชิญอีกครั้ง

เหล่าศิษย์ของเกาซิ่งล้วนยืดอกด้วยความภาคภูมิ ที่ได้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ปู้ตานซิน ไอ้ความคิดเมื่อครู่ที่คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรบัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นความคิดที่ว่าตัวเองโชคดีที่ได้เป็นศิษย์ของปู้ต้านซิน

นับแต่วันนั้นเรื่องการขึ้นเขาชิงป้าย ล้วนเป็นเรื่องเล่าสุดฮา ใครบ้างไม่เคยได้ยิน แล้วใครบ้างไม่อยากเล่าต่อ เรื่องเล่าเกินจริงยังไม่หมดแค่นั้นบางคนถึงกับบอกว่าอาวุโสเง็กเต็กถึงกับกระอักเลือดเพียงแค่ปู้ตานซินยิ้ม ช่างเป็นเรื่องเล่าที่ขจรไปไกล ต่างแคว้นต่างสำนักล้วนได้ยินเรื่องเล่าขบขันนี้และยังจะกลายเป็นเรื่องเล่าที่ต่อเติมเสริมแต่งให้ผู้ฟังสนุกสนานและ สร้างชื่อเสียงให้กับ ปู้ตานซินและสำนัก..เกาซิ่ง..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel